xs
xsm
sm
md
lg

ป.ป.ท.ชงชื่อ ขรก.ส่อโกง นายกฯ ลั่นไม่สนใครเป็นใคร-กกต.จัดพิธีรดน้ำดำหัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กกต.จัดพิธีรดน้ำดำหัว “ศุภชัย” ขอให้ จนท.กลับบ้านพักผ่อน เตรียมรับมือหลังร่าง รธน.เสร็จ “ประวิช” แนะรับมือการเปลี่ยนผ่าน ด้านเลขาฯ ป.ป.ท.ชง 100 ชื่อ ขรก.เอี่ยวทุจริต “ประยุทธ์” รูดซิปปากตามสั่ง “บิ๊กต๊อก” รับให้เช็กบิลทุกเดือน แจงดำเนินการทางปกครอง หลังทางอาญาอืด ไม่ผวาแหย่รังแตนอาณาจักรราชการ เหตุปล่อยไว้ได้ใจ สาวถึงตัวใหญ่ไม่สนใครเป็นใคร


วันนี้ (10 เม.ย.) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดงานประกอบพิธีสงฆ์พร้อมรดนำดำหัวคณะกรรมการ กกต.เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ โดยนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต.พร้อมด้วยคณะกรรมการ กกต.และข้าราชการสำนักงาน กกต. รวมถึงเจ้าหน้าที่และบุคลากรเข้าร่วมประกอบพิธีทางสงฆ์ตักบาตร ทำบุญเลี้ยงเพลพระสงฆ์ 9 รูปจากวัดหลักสี่ พระอารามหลวง สรงน้ำพระพุทธรูป เพื่อความเป็นสิริมงคลในเทศกาลสงกรานต์ โดยพระครูศรีธรรมประสิทธิ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหลักสี่ ให้พรว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนยึดมั่นทำงานต่อไป เฉพาะในช่วงที่มีการปฏิรูป เพราะยังไม่ทราบว่าการปฏิรูปจะเดินไปในทิศทางใด และที่สำคัญขอให้ยึดมั่นความกตัญญูและความสามัคคีในการทำงาน เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้การทำงานประสบความสำเร็จ จากนั้นเปิดให้ข้าราชการ พนักงานได้รดนำขอพร จากนั้นเจ้าหน้าที่และบุคลากรได้รดน้ำดำหัวคณะกรรมการ กกต.

นายศุภชัยกล่าวให้พรแก่เจ้าหน้าที่ กกต.โดยขอให้กลับบ้านพักผ่อนอย่างเต็มที่ในช่วงสงกรานต์และกลับมาเตรียมรับมือกับภารกิจใหม่หลังการร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ ซึ่งภารกิจสำคัญของ กกต.จะอยู่ที่การมีส่วนร่วมในการเสนอความคิดเห็นในการยกร่างกฎหมายที่จำเป็นต่อการเลือกตั้ง เพื่อให้เกิดการปฎิรูปอย่างแท้จริง เช่นเดียวกับนายประวิช รัตนเพียตร กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม ขอให้ทุกคนเตรียมใจรับการเปลี่ยนผ่านของบ้านเมือง และขอให้เตรียมแนวทางในการเดินหน้าทำภารกิจของ กกต.ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม อีกทั้งต้องทำให้เกิดความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อประชาชน

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.00 น. นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะเลขาธิการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เดินทางมายังตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อนำเอกสารและรายชื่อข้าราชการที่พัวพันการทุจริตจำนวน 100 คน ส่งมอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ตามที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธาน ศอตช.มอบหมาย โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที

ต่อมานายประยงค์กล่าวภายหลังว่า ได้นำเอกสารและรายชื่อข้าราชการที่พัวพันเกี่ยวกับการทุจริตประมาณ 100 รายชื่อของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธาน ศอตช.มาส่งให้นายกฯ เพื่อพิจารณา ขั้นตอนหลังจากนี้เป็นเรื่องของนายกฯ ที่จะดำเนินการต่อไป และหากมีข้อสั่งการหรือบัญชาอย่างใดตนจะรับไปดำเนินการหรือนายกฯ จะดำเนินการเองก็ได้ เพราะกฎหมายกำหนดไว้อยู่แล้ว รายชื่อที่ส่งให้นายกฯ ทั้งหมดนี้จะเป็นการดำเนินการทางปกครอง ส่วนการดำเนินการคดีทางอาญาจะเป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม ขออนุญาตไม่ลงลึกรายละเอียด รมว.ยุติธรรมสั่งห้ามเอาไว้ โดยท่านจะเป็นผู้ให้ข้อมูลเอง ผู้สี่อข่าวถามว่า บอกได้หรือไม่ว่าเป็นข้าราชการสังกัดใด นายประยงค์กล่าวว่า ไม่สามารถให้รายละเอียดได้ เมื่อถามย้ำว่าที่ผ่านมามักเกี่ยวพันตำรวจและกระทรวงมหาดไทย นายประยงค์กล่าวว่า หากเป็นเรื่องของการร้องเรียนตามสถิติของป.ป.ท.จะเป็นอย่างนั้น

เลขาธิการ ป.ป.ท.กล่าวว่า นโยบายของรมว.ยุติธรรมจะพิจารณาลักษณะนี้ต่อเนื่องทุกเดือน วัตถุประสงค์เพื่ออยากให้มีการดำเนินการต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต ซึ่งปกติเรื่องการลงโทษที่ผ่านมาเราจะเน้นแต่เรื่องอาญา แต่ว่าการดำเนินคดีอาญาใช้เวลานาน นายกฯ จึงเอามาตรการทางวินัยทางปกครองเข้ามา ซึ่งมี พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 โดยการใช้มาตรการทางปกครองเป็นเรื่องของหัวหน้าส่วนราชการทำอยู่แล้ว ส่วนอาญายังให้ดำเนินการต่อไปเหมือนเดิม

เมื่อถามว่า การดำเนินการครั้งนี้จะเป็นเหมือนการแหย่รังแตนหรือไม่ เพราะข้าราชการเปรียบเหมือนพรรคใหญ่ที่สุด นายประยงค์กล่าวว่า ประเทศเราข้าราชการจะมีบทบาทมากในแง่การรักษาความสงบและการพัฒนา หากมีข้าราชการไปทุจริตแล้วไม่ดำเนินการจะเกิดผลเสียหายมากกว่า ดังนั้น เมื่อภาครัฐเอาจริงเอาจังจะสามารถไปหยุดยั้งตรงนั้นได้ จากที่มากจะเหลือน้อยลง พอน้อยลงจะสามารถควบคุมปัญหาได้ แต่หากปล่อยไม่ทำอะไรเลยคนที่ทำจะได้ใจ ถึงที่สุดจะคุมปัญหาไม่ได้ ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของ ศอตช.ที่รับนโยบายจากนายกฯ จะทำตรงนี้ให้บรรลุผลให้ได้ และหากมีการตีรวนและไม่ทำงานจะมีกฎหมายกำกับอยู่ หัวหน้าส่วนราชการจะต้องดำเนินการ ข้าราชการทุกคนมีหน้าที่ต้องทำงาน หากไม่ทำถือว่าผิด

ต่อข้อถามว่า ปกติการทุจริตส่วนใหญ่จะมาจากระดับสูง แต่ไม่สามารถจับตัวได้ มีแต่ระดับล่างที่เป็นเพียงฝ่ายปฏิบัติเท่านั้นที่ถูกจับกุม เลขาธิการ ป.ป.ท.กล่าวว่า จะพยายามทั้งหมด ปัญหาของเราบางส่วนถ้าพยานหลักฐานไปไม่ถึง ต้องเอาหน่วยงานข้างเคียงเข้ามาช่วย หากเกี่ยวข้องกับเอกชนจะดึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มาประกอบกำลังกัน ซึ่งหากยอมจำนนว่าไปไม่ถึง ปัญหาจะลุกลามใหญ่โต แล้วหากถึงที่สุดไปไม่ถึงจริงๆ ต้องแก้กฎหมายเพื่อไปเชื่อมโยงกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ อย่างไรก็ตาม การทำงานในปัจจุบันจะทำงานร่วมกันในฐานะ ศอตช. ดังนั้น การสอบสวนพยายามจะลงลึกให้ถึงที่สุด พยายามจะเข้าไปถึงผู้อยู่เบื้องหลัง ถ้าเกิดไปแตะถึงผู้บังคับบัญชาต้องดำเนินการเช่นกัน ผิดคือผิด ถูกคือถูก ไม่กังวลว่าใครเป็นใคร



กำลังโหลดความคิดเห็น