นายกฯ และ หัวหน้า คสช. เปิดงาน “ฮีดฮอย..ป๋าเวณี 100 ปี๋ เมืองเจียงใหม่” ขึ้นเกวียนเข้า เตือนอย่ายอมเป็นเมืองขึ้นด้วยการดึงต่างชาติมาจุ้น รับเจ็บปวด ยันต้องหยุดความขัดแย้ง มาถืออีดาบไว้ข้างหลังก็ไม่ได้ ขู่บางพวกสักวันก็ต้องขึ้นศาล ย้ำใช้ ม.44 ทำแก้ปัญหาเร็วขึ้น บอกคนที่มีอำนาจเหนือตน คือ ประชาชน และคนที่บ้าน ขออย่าให้ใครมาปลุกปั่นไปสู้กัน ก่อนทำพิธีแห่ขันโตกห้ามสื่อเข้า แล้วบินกลับกรุง ด้าน “โหรวารินทร์” ย้ำมีเหตุให้รัฐบาลอยู่ยาวออกไปอีกนิด บอกไม่ได้มีพิธีอะไรเพิ่ม
วันนี้ (5 เม.ย.) ที่ข่วงพระเจ้าล้านนา ปากทางเข้าห้วยตึงเฒ่า อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เมื่อเวลา 16.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในการเปิดงาน “ฮีดฮอย..ป๋าเวณี 100 ปี๋ เมืองเจียงใหม่” ประจำปี 2558 โดยมี นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ ประธานมูลนิธิข่วงพระเจ้าล้านนา ให้การต้อนรับพร้อมมอบสัญลักษณ์คืนเมือง โดยนายกรัฐมนตรี ได้ทำพิธีเปลี่ยนผ้าพระเจ้าพิชิตมาร พร้อมอธิษฐานถวายพานดอกไม้บูชาพระพิชิตมาร จากนั้นนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ ได้เยี่ยมชมนิทรรศการคนเมือง ชมวิถีชีวิตชาวล้านนา โดยมีนักเรียนจากโรงเรียนคำเที่ยงอนุสรณ์ ร้องเพลงประสานเสียง เพลง “วันพรุ่งนี้” ต้อนรับ
จากนั้นนายกฯ ได้ขึ้นเกวียนเข้าสู่ลานพื้นที่จัดงาน “ฮีตฮอย...ป๋าเวณี 100 ปี๋ เมืองเจียงใหม่” ก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะกล่าวเปิดงานว่า วันนี้บ้านเมืองต้องแก้ปัญหาให้เรียบร้อยที่สุด เรามีการทำงานร่วมกันมาหลายปี ตั้งแต่ตนเป็น ผบ.ทบ. อะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมก็จะทำ เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือกับประชาชน วันนี้โลกไร้พรหมแดน มีสื่อโซเชียลมีเดียมากมายจนบางครั้งทำให้ไขว่เขวไปบ้าง ก็ต้องดึงกลับมา หลายคนก็อ้างคำว่าประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ แต่ไม่ได้พูดถึงหน้าที่และกฎหมาย ซึ่งจะทำแบบนั้นไม่ได้ ตนในฐานะรัฐบาลและคนไทย อยากนำความปราถนาดีมาให้ท่าน และขอให้ท่านนำความปรารถนาดีไปยังคนภาคอื่นๆ จะมาเกลียดชังกันไม่ได้ เราเกลียดกันมานานแล้ว ประเทศไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร เราจึงต้องภูมิใจและต้องไม่ยอมเป็นเมืองขึ้น ด้วยการดึงชาวต่างชาติมาเกี่ยวข้องและมาดูในสิ่งที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง เพราะทำให้ประเทศชาติเสียหาย ตนฟังแล้วรู้สึกเจ็บปวด วันนี้สิ่งที่ตนทำไม่ต้องการอะไร ไม่ต้องการบุญคุณ หรือคะแนนเสียง ตอนนี้เป็นเวลาเหมาะสมที่จะทำเพื่อประเทศ คนอื่นไม่ได้เข้ามาทำเอาแต่พูด จะเชื่อตนหรือเชื่อคนอื่นก็แล้วแต่ท่าน และวันนี้ตนมาลงพื้นที่พร้อมคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือผู้ว่าฯ และทุกคน
“เราเป็นคนไทยอย่าทะเลาะกันเอง ต้องหยุดความขัดแย้งให้ได้ ไม่ใช่ผม ไม่ใช่กฎอัยการศึก หรือมาตรา 44 แต่อยู่ที่หัวใจทุกคน หยุดให้มีการชี้นำและให้ทำตามค่านิยม 12 ประการ เพราะการปรองดองสมานฉันท์ขึ้นอยู่กับหัวใจทุกคน วันนี้ไม่มีการตีกัน แต่จะมาถืออีดาบไว้ข้างหลังก็ไม่ได้ แต่ต้องถือดอกไม้ ใครทำอะไรให้ก็ต้องยิ้ม เพื่อลดระดับความไม่ดี และเอาความดีกลับคืนมา เว้นแต่บางพวกก็ต้องปล่อยไป แล้วแต่ว่าจะขึ้นนรกหรือสวรรค์ ถ้าทำไม่ดีก็ตกนรกในใจ กังวลว่าเมื่อไหร่จะถูกจับขึ้นศาล สักวันก็ต้องถึง ผมไม่ได้เร่ง ปล่อยไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ได้รังแกใคร คนที่กล้าทำผิดก็อย่ากลัว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมา การบริหารราชการไม่ได้เป็นไปตามโรดแมป ทำให้เดินช้าเราต้องช่วยกัน แต่ถ้าใช้อำนาจเร็วเกินไปก็จะสร้างความไม่เข้าใจ แต่การประกาศใช้คำสั่งตามมาตรา 44 จะทำให้แก้ปัญหาเร็วขึ้น ตนไม่ได้มีอำนาจเหนือใคร คนที่มีอำนาจเหนือตนคือ ประชาชนและคนที่บ้าน เข้าบ้านก็เห็นหงอยกันทุกคน เพราะเป็นสุภาพบุรุษ
“วันนี้ขออย่าให้ใครมาปลุกปั่นให้ไปสู้กันอีก ขอให้ช่วยกันทำด้วยใจเพื่ออนาคตที่อยากให้เป็น จะเอาแต่คนนั้นคนนี้ จะเอาแต่บ้านนี้บ้านเดียวไม่ได้ วันนี้พระบรมวงศ์ษานุวงศ์ทุกพระองค์ทรงมองเราอยู่เพราะเป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น สิ่งที่พระองค์ยังไม่สบายพระทัยคือคนไทยทะเลาะกัน วันนี้พระองค์ทรงพระชนม์มายุมากแล้ว แต่เชื่อว่าพระองค์จะนึกถึงเราตลอดเวลา เราจึงต้องช่วยกัน แต่ถ้าจะให้รัฐบาลทำทุกอย่างไม่ได้ เพราะถ้าบอกว่าได้ก็คงหลอกลวง” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ขณะเดียวกัน ก็ได้มีการจุดพลุเสียงแบบล้านนา หรือที่เรียกว่าปาสะโบ๊ก 7 นัด และกลองสะบัดชัยบรรเลงชนะศึก โดยมีการแสดงฟ้อนดาบ ไม้พลอง ฟ้อนเจิงประกอบเพลง ก่อนที่จะเข้าสู่พิธีประดิษฐานยอดตุง (ฉัตรธง) พระเจดีย์ทรายในบริเวณงาน จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้ชมการแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้านเฉลิมฉลององค์พระเจดีย์ทราย และเยี่ยมชมกิจกรรมวิถีชีวิตคนพื้นเมือง เยี่ยมชมหมู่บ้านฮีตฮอยคนเมือง และชมการลอยสะดวงพื้นบ้าน ก่อนที่จะทำพิธีแห่ขันโตก ที่บริเวณเฮือนหลวง (บ้านเจ้านายของหมู่บ้านพื้นเมือง) ซึ่งเป็นเรือนไม้ทรงล้านนา 2 ชั้น จัดช่อดอกไม้รอบเรือน ทั้งนี้ มีรายงานว่า ภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดได้มีการขอความร่วมมือห้ามสื่อมวลชนทุกแขนงเข้าทำข่าวหรือถ่านภาพโดยเชิญให้ออกนอกพื้นที่ พร้อมระบุว่านายกรัฐมนตรีจะทำพิธีเป็นการส่วนตัว
จากนั้นนายกรัฐมนตรีเดินทางไปนมัสการองค์พระ ในบริเวณศาลาพระ ซึ่งระหว่างการเดินทางผู้ร่วมงานได้ร่วมกันร้องเพลงคืนความสุขให้คนในชาติอย่างพร้อมเพรียง ก่อนที่นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะจะเดินทางโดยขบวนรถยนต์จากข่วงพระเจ้าล้านนา ไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 41 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อขึ้นเครื่องบินแอมแบร์เดินทางกลับกรุงเทพฯ
ทั้งนี้ นายวารินทร์ เปิดเผยว่า การจัดงานวันนี้เพื่อต้องการส่งเสริมให้ข่วงพระเจ้าล้านนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 8 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งมีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน จึงมีการจัดเป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมขึ้น เป็นฮีตฮอยรักษาประเพณีวัฒนธรรมภาคเหนือ ซึ่งใช้ชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นหลักตามนโยบายของรัฐบาล
เมื่อถามว่า สถานการณ์ขณะนี้มีอะไรน่ากังวลหรือไม่ นายวารินทร์ กล่าวว่า ยังคงปกติดี เมื่อถามต่อว่า อายุของรัฐบาลจะเป็นไปตามที่รัฐบาลกำหนดไว้หรือไม่ นายวารินทร์ กล่าวว่า หากทำตามโรดแมปน่าจะไม่ทัน เพราะอาจจะมีปัจจัยที่ทำให้ต้องขยายเวลาขึ้น แม้รัฐบาลไม่อยากอยู่นานและอยากให้เป็นไปตามเวลาที่ตั้งไว้ แต่ก็จะมีเหตุการณ์หรือปัจจัยที่ทำให้ต้องขยับขยายเวลาออกไปอีกสักระยะหนึ่ง
เมื่อถามต่อว่า วันนี้จะต้องมีการทำพิธีเพิ่มเติมให้กับนายกรัฐมนตรีเพื่อเป็นการเสริมหรือให้กำลังใจหรือไม่ นายวารินทร์ กล่าวว่า ไม่มีการทำพิธีใดๆ เพิ่มเติม วันนี้นายกรัฐมนตรีมาร่วมงานเพื่อเป็นประธานการเปิดแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ และไม่รู้ว่าจะเสริมอะไร ไม่เห็นว่าจะมีอะไร
เมื่อถามต่อว่า นายกรัฐมนตรีต้องระวังอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายวารินทร์ กล่าวว่า ไม่มี เพราะไม่เห็นมีอะไร ท่านตั้งใจทำงาน เราก็ขอเป็นกำลังใจให้ท่าน เพราะวันนี้ก็เห็นว่าบ้านเมืองสงบเพราะใคร เราจึงต้องเป็นขวัญ กำลังใจให้ท่านขับเคลื่อนบ้านเมืองต่อไปได้
เมื่อถามถึงดวงบ้านเมือง นายวารินทร์ กล่าวว่า ยังปกติ ไม่มีอะไร อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในขณะนี้ก็ยังเป็นพล.อ.ประยุทธ์ ที่จะทำหน้าที่นี้อยู่
มีรายงานว่า ข่วงพระเจ้าล้านนาหรือพุทธมณฑลล้านนานั้นสร้างขึ้นบนเนื้อที่ 30 ไร่ของกองทัพบก โดยนายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ ได้นิมิตจากหลวงปู่เฒ่าเกวาลัน ที่ระบุว่า เกิดความวุ่นวายของสถานการณ์บ้านเมือง จึงมีการสร้างขึ้นเพื่อให้เกิดอานิสงส์ผลบุญผ่อนคลายกรรมแก่แผ่นดินให้รอดพ้นจากสถานการณ์ความเดือดร้อน ความขัดแย้งต่างๆ และให้เกิดความสงบสุขในแผ่นดิน และเป็นขวัญกำลังใจให้กองทัพ ซึ่งถือว่าเป็นเสาหลักของบ้านเมือง และสร้างพระพุทธรูปปางพิชิตมารเพื่อผ่อนคลายสถานการณ์จากหนักเป็นเบา ทั้งนี้ได้มีการส่งมอบ ข่วงพระเจ้าล้านนา ให้กองทัพเป็นผู้ดูแล ซึ่งมีการจัดพิธีส่งมอบเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 56 โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ ผบ.ทบ. ในขณะนั้นเป็นประธานในการรับมอบเช่นกัน