xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ฉุนมีล็อบบี้ต้านรัฐ-กุข่าวประหารสื่อ ลั่นต่อไปจะไม่เกรงใจ ปัดเหลิงอำนาจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” เป็นประธานเปิดงานสถาปนา ร.ร.เสธ.ทบ. มอบประกาศ 8 นายพล รับจำแนวคิดทหารมาทำงาน ยันไม่เหลิงอำนาจ ชี้สื่อตรวจสอบได้ แต่ต้องให้ความเป็นธรรมก่อน อย่ากล่าวหาลอยๆ ชาติเสียหาย ลั่นต่อจากนี้จะไม่เกรงใจ จี้ทุกคนในชาติต้องช่วยกัน มุ่งทำตามใจไม่จบ ปูดมีล็อบบี้ต้านรัฐ กุข่าวประหารสื่อ สวนไม่เลิก เจอสะกิดแผลเอาคืนบ้าง ลั่นพวกทำลายชาติไม่ควรอยู่ในแผ่นดิน

วันนี้ (3 เม.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานงานสถาปนาโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ครบ 106 ปี และพิธีเปิดอาคารโรงเรียนเสนาธิการทหารบก (แห่งใหม่) ณ อาคารโรงเรียนเสนาธิการทหารบก (แห่งใหม่) กองคลังยุทโธปกรณ์สรรพาวุธ ถนนพระราม 5 เขตดุสิต กรุงเทพฯ โดยนายกรัฐมนตรีทำพิธีเปิดอาคารโรงเรียนและมอบประกาศเกียรติคุณศิษย์เก่าดีเด่นจำนวน 8 ราย ได้แก่ 1. พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 2. พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน 3. พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 4. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 5. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม 6. พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม 7. พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการสูงสุด (ผบ.สส.) 8. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษา วันนี้ต้องเดินหน้าปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบ รวมทั้งเรื่องอื่นๆ เพราะปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นมีความซับซ้อน มีปัญหาเล็กน้อยซ้อนอยู่หลายชั้นยากต่อการแก้ปัญหา การศึกษาของทหารนั้นเราเน้นความเป็นระเบียบวินัยทำให้สามารถคิดได้อย่างลึกซึ้ง และรู้จักใช้ข้อมูลให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ส่วนการตัดสินใจในการใช้อำนาจการบังคับบัญชานั้นจำเป็นต้องมีข้อมูลที่ครบถ้วน และผ่านหลายขั้นตอนซึ่งผู้บังคับบัญชามีหน้าที่ในการตัดสินใจ ระหว่างนั้นจะมีการประสานงานและบูรณาการ

“วันนี้สิ่งที่ผมได้จำมาใช้เป็นแนวคิดทางการทหารทั้งสิ้นที่เป็นพื้นฐานให้ผมในการมาใช้ในการทำงาน แต่สิ่งที่เรามีปัญหามากที่สุดในการบริหารราชการแผ่นดิน คือ การประสานงานและบูรณาการ การทำงานร่วมกัน ต่างคนยังต่างทำงานตามภารกิจกกระทรวงกันอยู่เหมือนเดิมพันธกิจและภารกิจ งบประมาณก็ยังแยกกันอยู่เหมือนเดิมจึงไม่มีอะไรสำเร็จได้ เพราะต่างคนต่างทำออกมาเป็นคนละชิ้น”

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้รัฐบาลเข้ามาทำงานแล้ว 6 เดือน ระยะแรก 4-5 เดือนแรกทำอะไรไม่ได้มากนัก 6 เดือนเข้ามาวางพื้นฐานแก้ไขปัญหาที่มีความทับซ้อน ต้องใช้เวลาการเดินหน้าตามโรดแมปที่มีอยู่ วันนี้กระบวนการคิดของแต่ละคนมีหลากหลายไม่เหมือนกัน แต่ควรต้องมีหลักการและเหตุผล ต้องมีความรู้มีการศึกษาเพิ่มเติม ถ้าข้อมูลไม่ครบความคิดทุกคนจะไปคนละทิศคนละทางไม่มีจุดมุ่งหมายร่วม ต่างก็คิดที่จะทำงานเฉพาะของตัวเอง ดังนั้น วันนี้ต้องคิดใหม่เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ต้องคิดว่าประเทศต้องการและยังขาดอะไร หลายคนที่ไม่ใช่ทหารอาจไม่เข้าใจและเกรงกลัวต่ออำนาจ อำนาจของทหารคืออำนาจในการปกครองและบังคับบัญชา และอำนาจในการทำศึกสงครามและการสู้รบ รวมทั้งการช่วยเหลือประชาชนทั้งในยามปกติและยามสงคราม ทหารยึดถือว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ยืนยันว่าการมีอำนาจของทหารเป็นอำนาจแห่งการปกครองของผู้บังคับบัญชาในการปกครองบุคลากร 3-4 แสนคนที่ถืออาวุธอยู่ทั้งสิ้น จึงไม่ต้องกลัวว่าผู้บังคับบัญชาหรือใครก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ไม่สามารถทำอะไรนอกกรอบได้มากมาย ดังนั้นจึงต้องมีการหารือร่วมกันและหาข้อยุติได้ก่อนที่จะมีการสั่งการ

“สังคมเป็นห่วงว่าอำนาจต่างๆ ที่ผ่านมาจะทำให้หลงระเริงในอำนาจ แต่ผมคิดว่ายิ่งมีอำนาจมากยิ่งต้องระวัง ดังนั้นใครที่ให้ความสำคัญกับอำนาจมากนัก ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับเป็นผลประโยชน์ และเกี่ยวข้องกับการกระทำกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เราถึงต้องระวังเรื่องของอำนาจ จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจ ใครที่สนใจแต่มาตราโน้นมาตรานี้ ทำไมไม่สนใจว่าทำอย่างไรที่จะให้คนในชาติสามัคคีกันได้อย่างไร มองว่าประเทศมีปัญหาอยู่ตรงไหน ปัญหาของเราวันนี้คือคนในประเทศมองปัญหาไม่เหมือนกัน ถ้ามายืนอยู่ในจุดที่แต่ละกระทรวงอยู่จะรู้ว่ามันเป็นอย่างไร นี่คือเหตุผลและความจำเป็นในการต้องมีอำนาจ ใช้ในการทำสิ่งที่ดี ถูกต้องกว่าเดิม ดีกว่าเดิม ไม่ได้บอกว่าต้องดีที่สุด แต่ต้องดีกว่าเดิม จะอาศัยผู้นำหรือรัฐมนตรีคนเดียวทำไม่ได้ ทุกคนในชาติต้องช่วยกันเพื่อให้ประเทศเดินหน้า” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต่างประเทศได้ข้อมูลจากเราทั้งสิ้นทุกเรื่อง จากสื่อเป็นส่วนใหญ่เกิดความเข้าใจผิดจำนวนมากถึงขนาดว่าตนจะใช้อำนาจในการประหารชีวิตสื่อ มันอะไรกันนักหนา สื่อมีหน้าที่สองอย่างซึ่งตนไม่ต้องการไปอะไรมาก เหมือนกับกลุ่มสิทธิมนุษยชนเองก็ต้องทำหน้าที่สองอย่าง คือ หน้าที่พันธกรณีที่ทำไว้กับต่างชาติตนไม่ได้ไปคัดค้าน หน้าที่คือเพื่อชาติของท่าน การทำงานของสื่อรัฐบาลและตนไม่ได้ขอให้ปกปิด สามารถตรวจสอบได้ทุกอย่าง แต่ต้อให้ความเป็นธรรมก่อนเพราะถ้านำเสนอไปแล้วก็จะผิดไปเลย ทุกอย่างต้องมีเหตุและผลในการตัดสินใจใคร่ครวญ เพราะการกล่าวหาใดๆ จะต้องมีหลักฐาน อย่าพูดปากเปล่า วันนี้ประเทศชาติเสียหาย เพราะทำงานด้วยปาก มีการเขียนแผนแต่ไม่ลงมือทำจริง หรือทำไม่ถึงครึ่ง รัฐบาลจึงต้องเข้ามาจัดระเบียบวินัย จัดระเบียบบ้านเมือง บางคนทนไม่ได้บอกไม่เป็นประชาธิปไตย

“ผมถามว่าใช่หรือไม่ ว่างๆ ต้องถามมิตรประเทศด้วยว่าเขามีสถานการณ์แบบเราหรือไม่ ทั้งการใช้อาวุธสงครามและการใช้ระเบิด เราต้องอธิบายให้เข้าใจ และจากวันนี้ผมจะไม่เกรงใจตราบใดที่ยังมีการพูดให้กองทัพและประเทศเสียหาย เพราะผมมายืนตรงนี้ผมต้องรับผิดชอบทุกอย่างอยู่แล้ว แต่ทุกคนต้องร่วมมือกับผมในการสร้างความเข้าใจ ทุกคนในชาติถ้าเป็นคนไทยต้องช่วยกันเพื่อประเทศ ไม่ต้องมาช่วยผม การเป็นประชาธิปไตยที่ถูกต้อง คือ ประชาธิปไตยที่ไม่ละเมิดคนอื่น และไม่ทำให้คนอื่นลำบาก เสียชีวิต รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลคนไทยทั้งหมด จะเป็นสีไหนพรรคไหน ผมไม่สนใจ แต่จะดูแลคนทั้ง 60-70 ล้านคนให้ได้โดยเร็ว เพราะเวลาของเรามีจำกัด เข้ามาเพื่อทำแผนไว้ให้อะไรทำได้ก็ต้องทำ ก็ต้องช่วยกันสวดมนต์ไหว้พระให้รัฐบาลใหม่ทำให้ได้ ขณะนี้ได้แก้ไขปัญหาทุกหน่วยงาน ทุกกระทรวง สิ่งที่แก้ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย เพราะทุกคนต้องทำตามรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ถ้าทำตามความต้องการของตัวเองจะมีปัญหาตลอด มีคดีรกศาล ไม่ว่าจะมีศาลเพิ่มอีกกี่ศาลหรือกฎหมายอีกกี่ฉบับ ดังนั้นการมีกฎหมาย มีรัฐธรรมนูญ 300 กว่าฉบับก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น เพราะทุกคนเอารัฐธรรมนูญมาต่อสู้กัน เอากฎหมายมาต่อสู้มาตีความกัน ยิ่งทำก็ยิ่งวุ่น บางประเทศไม่มีรัฐธรรมนูญเพราะมีแล้ววุ่นวาย แต่ทำตามจารีตประเพณี เพราะคนเขามีคุณภาพ มีตรรกะในการคิด มีเหตุผล และรับฟังคนอื่น ไม่ใช่ตั้งเข็มทิศอย่างเดียว” นายกรัฐมนตรีกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอให้เข้าใจว่าหลักสูตรทางทำให้เรามองได้ลึกซึ้ง วันนี้มีความรู้จากโรงเรียนทหารมาทั้งสิ้นนำมาบริหาร มั่นใจว่าเพียงพอที่จะนำพาขับเคลื่อนทั้งเศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยาได้ผลสัมฤทธิ์ ซึ่งมีทั้งคนพอใจและไม่พอใจ แต่เชื่อว่าจะดีขึ้นกว่าเดิม วันนี้รัฐบาลต้องแก้ใน 3 เรื่อง คือ การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน การขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเพราะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และการปฏิรูปประเทศที่ต้องใช้เวลาอาจเป็น 10 ปี เพราะปัญหาหมักหมมมานาน ประชาธิปไตยไทยเป็นอย่างนี้มาโดยตลอด ถึงจะใช้เวลา เท่าไหร่ก็ต้องทำ ขณะเดียวกัน ประชาชนจะอยู่เฉยๆ ไม่ได้ แต่ต้องรวมตัวกันเป็นกลุ่มชนและถ้ารัฐบาลประชาธิปไตยที่ไม่มีธรรมาภิบาลก็จะพยายามดึงเอากลุ่มชนเหล่านี้มาเป็นพวกตัวเองเหมือนที่ผ่านมา

“วันนี้รัฐบาลแก้ปัญหาทุกอย่าง แต่ทุกคนก็สนใจแต่การเมือง จะเลือกตั้งอย่างไร ต่อให้อีก 10 ชาติ ถ้ายังเลือกเหมือนเดิม คนแบบเดิมมา มันก็เป็นแบบนี้ วันข้างหน้าก็จัดการกันเองแล้วกันผมก็ไปแล้ว ขณะนี้เราไม่มีปัญหากับประเทศอื่น เว้นแต่มีปัญหากันเอง ทุกประเทศยังมาพบทุกวัน ไม่ว่าจะยังมีกฎอัยการศึก หรือการประกาศใช้มาตรา 44 ก็ตาม แต่เวลาที่เขาแสดงความเห็นเขาไม่ได้พูดที่นี่ ที่สำคัญมีการล็อบบี้การเคลื่อนไหว ต่อต้านรัฐบาลโดยใช้คำว่าประชาธิปไตยมาบีบ มีการใช้คำว่าบังคับขู่เข็นใช้กฎอัยการศึก อย่างวันนี้อ่านข่าวพาดหัวของสำนักข่าว CNN ที่ระบุว่าตนใช้อำนาจเต็มตามมาตรา 44 จะสั่งประหารนักข่าว ตนอยากให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร และตนก็จะให้สัมภาษณ์น้อยที่สุด ถ้ายังไม่มีการปรับปรุงตัว แล้วก็มาบอกให้ใจเย็นๆ เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง หากคนเหล่านั้นยังมาปรามาส ตนก็จะพูดให้หมดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทุกคนต่างมีแผลเหมือนกัน

“ที่ผ่านมาผมได้บอกกับต่างประเทศเสมอว่าขอเวลาให้คนไทย จะทำให้ทุกองค์กร ทุกหน่วยงาน แต่พอเริ่มทำก็มีปัญหา เพราะเขาไม่รู้ เห็นเพียงว่าบ้านเมืองเราสวยงาม แต่ไม่รู้ว่าบ้านเราเป็นโพรง ตอนนี้เรากำลังเติมอิฐเติมทราย แต่ก็มีคนเอาน้ำมาราดตอนที่ยังไม่แห้ง คนพวกนี้ไม่ควรอยู่ในแผ่นดินอีกต่อไป ผมเองบังคับไม่ได้ว่าใครจะชอบหรือไม่ชอบผม ผมทนไม่ได้ที่จะให้ทำลายประเทศต่อไป วันนี้ผมพูดไม่เกรงใจใคร ในเมื่อไม่เกรงใจผม ผมก็ไม่เกรงใจ เพราะผมทำให้ประเทศผม ดังนั้นคนที่ต่อต้านลองลงไปดู มีเบื้องหลังทั้งนั้น ผมไม่เคยละเมิดใคร และตั้งแต่ประกาศใช้กฎอัยการศึก หรือมาตรา 44 ก็ไม่มีคนตายสักคน จะมีก็แต่คนที่ใช้อาวุธมาต่อสู้เจ้าหน้าที่ ส่วนสื่อก็ไม่ได้ปิด ไม่เคยปิดสักเล่มหนึ่ง ต่อไปนี้ขอให้เขียนให้ดี ถ้าเขียนไม่ดีก็จำเป็นต้องเรียกมาพูดคุย เพราะผมไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว ถ้ากลัวคงไม่กล้า ก็ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ได้ ถ้าคิดว่าผมไม่ดีก็บอกผม ผมไปให้อยู่แล้ว ที่พูดนี่มีใครสงสัยอะไรไหม พอพูดไปแล้วก็มีอารมณ์นิดหน่อยเพราะวิจารณ์ผมเยอะมาก มาถามเรื่องเศรษฐกิจ ผมคนเดียวจะรู้ทุกเรื่องไม่ได้ ผมนี่รู้มากกว่าคนเศรษฐกิจอีก อะไรที่เป็นนโยบาย เป็นหลักการก็กำลังทำอยู่ วันนี้คนที่ทำเศรษฐกิจเขาไม่ได้ปกป้องอะไร ถามว่าวันนี้อะไรแพงขึ้นในรัฐบาลทหาร ถ้าบอกมะนาวแพง เดี๋ยวไปรับที่บ้านผม ถ้าอยากกินมะนาวเยอะๆ วันละสัก 20 ลูก หรือจะเอาไปปลูกก็ใส่กระถางไป นี่เรียกว่าพูดเปรียบเทียบให้ฟังว่าทุกคนต้องช่วยตัวเองได้ ไม่ใช่ตื่นมาก็เป็นพยาธิปากขอ ผมสอนลูกน้องผมแบบนั้น ผมดูแลทั้งเสียงส่วนใหญ่และส่วนน้อย ที่เขาเรียกว่าประชาธิปไตย ให้ได้รับความพึงพอใจแต่จะเอาประชาธิปไตยมาแบ่งพวกกันไม่ได้ เพราะเมื่อแบ่งแล้วต้องแก้ปัญหาให้ได้ การต่อต้านเป็นเรื่องธรรมดาในประชาธิปไตย แต่เมื่อต่อต้านแล้วรัฐบาลต้องแก้ให้ได้ แต่จะมาชุมนุมยืดเยื้อ 6-10 เดือน และขอประกาศไว้เลยจะเกิดในสมัยผมไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “อย่ามาทำให้ประเทศเดือดร้อน อย่ามาใช้คำว่าประชาธิปไตยตอนนี้ เพราะผมให้อยู่แล้ว มันเดือดร้อนอะไรตรงไหน มาเดือดร้อนกับคำว่าประชาธิปไตยอีกหรือ และประชาธิปไตยเดิมๆ วันหน้าท่านก็ไปอยู่กับเขาอีก เพราะฉะนั้นวันหน้าสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปคือการเลือกตั้ง มีรัฐธรรมนูญ ผมก็ทำตามโรดแมปไม่เคยเลื่อน ก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าเมื่อไรที่มีรัฐธรรมนูญประมาณเดือนกันยายน ถ้ามันออกได้ แต่ตอนนี้ก็แทบฆ่ากันตายอยู่แล้ว ส่วนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะเกิดขึ้นต้องเน้นเรื่องการปฏิรูปและธรรมาภิบาล ไม่ใช่ใช้แต่จินตนาการเท่านั้น แบบนั้นไม่ได้ อะไรที่เคยเป็นปัญหาในอดีตต้องแก้ได้ อะไรดีๆ ในรัฐธรรมนูญปี 2540-2550 เอามาใส่ถ้าแก้ปัญหาได้ และต้องแก้ไขได้ อะไรที่จะอยู่จนตายมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมาเขียนมาไม่เคยได้ใช้เพราะบังคับตัวเองกันไม่ได้ เสียดายโอกาส เวลาการเป็นศูนย์กลางอาเซียนแต่ไม่เคยทำได้ ผมจะทำให้ได้ไม่ได้ลอกใครแต่ปัญหาคือทำจริงหรือเปล่า ไม่ใช่แค่ทำรายงาน 3-4 แผ่นว่าทำไปและจบ อะไรที่ต้องตรวจสอบผมสั่งให้ตรวจทั้งหมด ผิดคือผิด อย่าบอกว่าไม่รู้ไม่ทราบ ทำผิดกฎหมายก็ต้องผิด เงินที่มันผิดกฎหมายก็คือผิดกฎหมาย จะมาบอกว่าคืนแล้วจบไปมันไม่ใช่ ไม่ถูกต้อง หากใครเดือดร้อนก็ส่งเรื่องมาทำเนียบฯ ได้ผมรับหมด ส่วนข้าราชการผมสั่งการไปบางครั้งก็สับสน บางคนชอบก็ดีไปตั้งใจทำงาน ส่วนใครที่ไม่ชอบบอกเป็นรัฐบาลทหารไม่รู้เรื่องอะไร แต่พอไล่เรียงรายละเอียดไปๆ มาๆ ทหารรู้เรื่องกว่าคุณอีก รู้ว่าจะทำอย่างไรให้เกิดผลไม่ใช่เอาแต่ในตำรา สุดท้ายนักเรียนโรงเรียนเสนาธิการทุกคน ขอช่วยให้ประเทศพัฒนา มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกล่าวจบ นายกรัฐมนตรีร่วมถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึก และเยี่ยมชมอาคารเรียน ก่อนเดินทางกลับทำเนียบรัฐบาล โดยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ พร้อมกล่าวกับผู้สื่อข่าวสั้นๆ ว่า “ไม่ได้โกรธหรอกนะ”


กำลังโหลดความคิดเห็น