สั่งปลด" ผจก.โครงการมูลภัณฑ์กันชน"แก้ปัญหายางพาราล้มเหลว หลังพบเอื้อประโยชน์ให้ต่อกลุ่มทุนและพ่อค้าคนกลาง กว่า 1.3 หมื่นล้านบาท ทั้งที่เงินถึงมือเกษตรกรแค่ 10%
วันนี้(31 มี.ค.) มีรายงานข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า นายอำนวย ปะติเส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้ลงนามในคำสั่งเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา ปลด นางเรไร รัตนสุภา ผู้จัดการโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง เนื่องจากเมื่อช่วงต้นเดือน มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ได้สั่งการให้มีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จความไม่โปร่งใสในการใช้เงินโครงการมูลภัณฑ์กันชนกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท
ซึ่งนายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรฯ ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว โดยให้เวลา 15 วัน เพื่อเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ที่ต้องการให้สอบข้อเท็จจริงถึงเหตุที่เงินในโครงการไม่ถึงมือเกษตรกรชาวสวนยาง และการซื้อยางในโครงการมีการทุจริตหรือเอื้อต่อพ่อค้าคนกลางหรือไม่
ก่อนหน้านี้นายกฯและรองนายกฯได้รับข้อมูลจากนายทหารในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ลงพื้นที่ตรวจสอบการใช้เงินและได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรสวนยางว่าเม็ดเงินจากโครงการมูลภัฑณ์กันชน ถึงมือเกษตรกรแค่ 10% แต่ไปตกอยู่ในมือพ่อค้าและเอกชนในวงการยางทั้งหมดโดยมีความสนิทกับเจ้าหน้าที่องค์การสวนยาง(อสย.)ในพื้นที่รับเปิดจุดรับซื้อยางแผ่นรมควันชั้นสาม เพื่อพยุงราคายางที่ราคา 62 บาทต่อกิโลกรัม ทั่วประเทศ
พบว่า มีการเอื้อประโยชน์ให้พ่อค้ามากกว่าเกษตรกร ขนยางใส่รถปิกอัพไปขายแต่ต้องรอคิวไม่ต่ำกว่า3-4วัน ทำให้ไม่คุ้มกับต้นทุนที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายขนไปขายยังจุดรับซื้อของอสย.อยู่ในตัวเมือง ยังโดนกลุ่มพ่อค้าจองคิวขายไว้ล่วงหน้าแล้ว ทำให้โครงการดังกล่าวไม่ช่วยดึงราคายางหน้าสวนยางยังอยู่ราคา 38-40 บาทเท่านั้น และคาดว่าราคายางในฤดูเปิดกรีดใหม่ช่วงเดือนพ.ค.ยังตกต่ำต่อไปเพราะ มียางค้างสต็อกจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย กว่า2.1แสนตันและ จากรัฐบาลคสช. ที่ใช้เงินในโครงการมูลภัณฑ์กันชนฯ รับซื้อมาใหม่กว่า1แสนตัน
มีรายงานว่า นางเรไร รัตนสุภา จะกลับไปนั่ง ตำแหน่ง ปฏิบัติการแทน ผอ.สำนักยุทธศาสตร์และพัฒนาองค์กร องค์การสวนยาง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์