xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ก๊วนชินฯ”หน้าแหก เกาะศพ“ลี กวนยู”เรียกคะแนน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ไปลงนามไว้อาลัยต่อการอสัญกรรมของนายลี กวนยู ที่สถานเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ ประจำประเทศไทย วันที่ 25 มี.ค.
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เวลาราวตี 3 เศษๆ ของวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา นายลี กวนยู นายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์ ได้ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบที่โรงพยาบาลสิงคโปร์เจเนอรัล ขณะอายุได้ 91 ปี ท่ามกลางความอาลัยของประชาชนชาวสิงคโปร์ทั้งประเทศ

ขณะที่ผู้นำนานาชาติต่างก็ส่งสารไว้อาลัยและกล่าวยกย่องในความสามารถของลีกวนยู ในฐานะผู้สร้างประเทศสิงคโปร์ ประเทศที่เป็นเกาะเล็ก ๆ อดีตอาณานิคมอังกฤษที่ยากจน ให้กลายเป็นประเทศที่ก้าวหน้าทางเศรษฐกิจอันดับต้นๆ ของโลกได้ในปัจจุบัน

นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ถึงกับบอกว่า นายลีกวนยูเป็นยักษ์ใหญ่ในประวัติศาสตร์ตัวจริง ซึ่งจะถูกจดจำไปชั่วลูกชั่วหลานในฐานะบิดาแห่งสิงคโปร์ยุคใหม่ และเป็นนักยุทธศาสตร์ด้านกิจการเอเชียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่ง

ส่วนประธานาธิบดี สี่ จิ้นผิง ของจีนได้กล่าวไว้อาลัยและยกย่องว่าลี กวนยูเป็นมิตรเก่าแก่ของชาวจีน ผู้ได้รับการเชิดชูจากประชาคมโลกในฐานะนักยุทธศาสตร์และรัฐบุรุษ

ขณะที่ในประเทศไทยเอง นอกจากการส่งสารแสดงความไว้อาลัยอย่างเป็นทางการจากรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)มีกำหนดจะเดินทางไปร่วมพิธีศพในวันที่ 29 มีนาคมแล้ว ก็มีความเคลื่อนไหวจากคนกลุ่มหนึ่งที่พยายามจะออกหน้าออกตาเป็นพิเศษ นั่นคือกลุ่มคนในตระกูล “ชินวัตร”

วันที่ 24 มีนาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวและอดีตนายกรัฐมนตรีนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ส่งสารไปแสดงความเสียใจ ถึงนายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์และครอบครัว ผ่านทางเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทย พร้อมทั้งได้ส่งพวงหรีดไปเคารพศพนายลี กวนยู

เนื้อหาในสารของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวยกย่องนายลี กวนยู อย่างเลิศลอยว่า ระหว่างการทำงานตลอด 30 ปี สามารถเปลี่ยนแปลงสิงคโปร์ให้เป็นหนึ่งประเทศที่ไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองที่สุดในโลก เป็นหนึ่งในผู้นำที่ควรจดจำในภูมิภาคเอเชีย และทำให้สิงคโปร์เป็นที่จดจำไปอีกนานแสนนาน

ต่อมาวันที่ 25 มีนาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมด้วยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยและอดีตนายกรัฐมนตรีนอมินีอีกคนของ พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมด้วยนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางไปลงนามแสดงความเสียใจต่อการอสัญกรรมของนายลี กวนยู ที่สถานเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ ประจำประเทศไทย

ตกเย็นวันเดียวกัน ก็ถึงคิวของนายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ร่วมเกาะกระแสอาลัยนายลี กวนยู ด้วยการโพสต์ขอความทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ “Oak Panthongtae Shinawatra” อ้างว่า พ่อของตนคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับเกียรติอย่างสูงสุด ให้เข้าร่วมพิธีศพตั้งแต่ 2 วันแรก ซึ่งจัดขึ้นเฉพาะญาติสนิท และบุคคลที่ใกล้ชิด ก่อนที่จะเคลื่อนศพไปที่อาคารรัฐสภา เพื่อให้บุคคลทั่วไป เข้าร่วมลงนามแสดงความเสียใจและเคารพศพ

“พิธี 2 วันแรกจัดขึ้นที่ ISTANA ภายในบริเวณห้องทำงาน ของ ฯพณฯ ลี กวนยู ซึ่งอดีตนายกท่านนี้ ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ นั่งใช้ความคิดอยู่ในห้องนี้ การกำหนดทิศทางในการบริหารประเทศ จนสิงคโปร์ประเทศเล็กๆ ที่แทบจะไม่มีทรัพยากรอะไรเลย กลายเป็นแนวหน้าของอาเซียน มีเศรษฐกิจดีกว่าประเทศที่พร้อมทุกด้านอย่างประเทศไทย หลายเท่าตัว เกิดขึ้นจากในห้องนี้เป็นส่วนใหญ่

“ฯพณฯ ลี กวนยู ได้เคยพูดถึงคุณพ่อผม และประเทศไทยหลายครั้ง ทั้งพูดกับคุณพ่อผม และพูดต่อสาธารณชน ซึ่งคงจะว่ากันในโอกาสต่อไป”ข้อความในเฟซบุ๊กนายพานทองแท้ระบุ

ขณะเดียวกันได้มีการโพสต์ภาพประกอบ เป็นภาพ พ.ต.ท.ทักษิณกำลังนั่งเซ็นชื่อในสมุดที่เข้าใจว่าเป็นสมุดลงนามไว้อาลัยนายลี กวนยู

จะด้วยเพราะความเร่งรีบที่จะเกาะขบวนแห่ศพนายลี กวนยู หรือประการใดก็แล้วแต่ การโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กนายพานทองแท้เมื่อเย็นวันที่ 25 มีนาคมก็ถูกจับผิดหลายจุดจนเป็นที่ตลกขบขันของคนทั่วไป โดยเฉพาะในเครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือ โซเชียลมีเดีย

ผู้ใช้เิฟซบุ๊กในชื่อ Bunnaroth Buaklee ได้โพสต์ข้อความว่า ที่ตั้งศพนายลี กวนยู ที่จริงคือบ้านประจำตำแหน่งที่เรียกว่า Sri Temasek ซึ่งเป็นบ้านทรงโคโลเนียลที่สร้างขึ้นแต่ปี 1869 ไม่ใช่ Istana ที่ที่เป็นชื่อเรียกใหญ่ของราชวังเดิม

และที่เขียนบรรยายเสริมว่า พิธีศพที่ Istana จัดขึ้นภายในห้องทำงานที่นายลี กวนยู ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ นั่งใช้ความคิดกำหนดทิศทางประเทศอยู่ในห้องนี้ ก็น่าจะเป็นการมโนนึกเอามากกว่า เพราะข้อมูลบอกไว้ชัดเจนว่า นายลี กวนยูไม่ได้เข้าอยู่บ้านนี้แต่ต้น มีอยู่ช่วงสั้นๆ ก็ตอนที่เกิดเหตุตึงเครียดตอนแยกจากมาเลเซีย แต่หลังจากนั้นนายลี กวนยูก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น ไม่ได้ใช้ที่นี่เป็นที่พักและห้องทำงานหลัก

นอกจากนี้ ที่อ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้รับเกียรติอย่างสูงสุด แต่เมื่อดูจากภาพน่าจะเป็นงานช่วง Informal หรือไม่เป็นทางการ เปิดให้ญาติ เพื่อนฝูงที่คบหาไปลงนาม ก่อนจะเริ่มพิธีการอย่างเป็นทางการมากกว่า

ทั้งนี้ งานที่ Sri Temasek จัดขึ้น 2 วัน ในวันแรกนายลีเซียนลุงและภรรยา นำญาติไปคำนับอาลัยตามพิธีจีน จากนั้นก็ต้อนรับแขกเหรื่อวงใน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนในรัฐบาลสิงคโปร์ ส่วนแขกต่างประเทศคนสำคัญที่นายลีเซียนลุงนำไปคำนับศพเอง เช่น สุลต่านแห่งบรูไน ส่วนที่ได้รับการเชิญเข้าไปในโถงเคารพศพ เช่น มหาเศรษฐีลีกาชิง จากฮ่องกง เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม จากภาพข่าวที่ปรากฏหลายแหล่งไม่มีภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รวมอยู่ ซึ่งไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด เจ้าตัวไม่อยากเปิด หรือรัฐบาลเขาขอร้องไม่ให้เปิด ซึ่งนายพานทองแท้น่าจะตอบได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้รับการต้อนรับชนิด“ได้รับเกียรติอย่างสูงสุด”แบบไหน

ส่วนที่นายพานทองแท้อ้างอย่างภาคภูมิใจว่านายลี กวนยู เคยพูดถึงพ่อของตนนั้น “สุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์”

คอลัมนิสต์ “เอเอสทีวีผู้จัดการ” ก็วิเคราะห์ว่า ที่นายลี กวนยู เคยกล่าวชื่นชม พ.ต.ท.ทักษิณก็เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณเอาหุ้นบริษัทชินคอร์เปอเรชั่นที่ได้สัมปทานโทรคมนาคมของชาติไปขายให้กองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ในสัดส่วน 49% เป็นเงินประมาณ 74,000 ล้านบาทในปี 2549 ซึ่งใช้เวลาเพียง 5 ปีก็คืนทุน

คำพูดที่นายลีกวนยูกล่าวชื่นชมก็เป็นที่คุ้นหูของคนไทยอยู่แล้ว เพราะเป็นวาทกรรมที่ พ.ต.ท.ทักษิณสร้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกองทุนหมู่บ้าน ทุนการศึกษาเด็กยากจน บ้านเอื้ออาทร 30 บาทรักษาทุกโรค ฯลฯ แต่ความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ นายลี กวนยู กลับไม่พูดถึง เช่น โครงการรับจำนำข้าว การขายบริษัทที่ได้สัมปทานโทรคมนาคมให้ต่างชาติ การแปรรูปกิจการพลังงาน

อย่างไรก็ตาม การที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปร่วมงานศพของนายลี กวนยู คงไปแบบเปิดเผยต่อสายตาคนทั้งโลกได้ยาก ทางการสิงคโปร์คงไม่ยอม เพราะเป็นนักโทษหนีคดีอาญา แต่ก็ยังพยายามที่จะหาประโยชน์ทางการเมืองจากการอสัญกรรมของอดีตผู้นำสิงคโปร์ครั้งนี้

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามหาประโยชน์เข้าตัวด้วยการเอาตัวเองไปเทียบกับคนดังระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นนายเนลสัน แมนเดลา อดีตผู้นำแอฟริกาใต้ หรือนางอองซาน ซูจี ผู้นำเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่า โดยที่ไม่มองเนื้อแท้ของตนเองว่า แตกต่างจากบุคคลระดับโลกเหล่านั้นอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องการใช้อำนาจรัฐเพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งผู้นำเหล่านั้นไม่เคยมี แต่เป็นสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้กระทำมาโดยตลอด


กำลังโหลดความคิดเห็น