xs
xsm
sm
md
lg

เปิดประวัติ “สมัคร ดอนนาปี” เจ้าของวลีในเฟซบุ๊ก “ตั้งโจรเป็นอธิบดี”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เปิดประวัติ “สมัคร ดอนนาปี” หรือ “นายเหนือธานี” เจ้าของวลีในเฟซบุ๊ก “ปลัดไม่ยอม ย้ายเป็นย้าย แต่จะไม่ตั้งโจรเป็นอธิบดี” ชนดะ “บิ๊กป่าไม้-รัฐมนตรี” ทั้งอดีตและปัจจุบัน จบวนศาสตร์ ม.เกษตรฯ ไม่ใช่เด็ก “ป่าไม้แพร่” เผย 2544 เปิดหน้า ฟ้อง “ปลอดประสพ” ชั้นศาลปกครอง ปี 2555 เปิดศึกกับ “ปลอดประสพ” ปมส่งออกเสือโคร่ง “เบงกอล” ผิด ม.157 ไม่รื้อถอนบ้านทะเลหมอกรีสอร์ต ปี 2556 ถูกโยกไปเป็น ผอ.ทสจ.มุกดาหาร

เมื่อวานนี้ (26 มี.ค.) มีประเด็นร้อนเกิดขึ้นในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อข้าราชการประจำออกมาเปิดหน้าออกสื่อชนกับเจ้ากระทรวง เมื่อนายสมัคร ดอนนาปี ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หรืออีกชื่อหนึ่ง “นายเหนือธานี” ที่ออกหน้าไม่ยอมขอโทษ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยอ้างว่าไม่ได้ทำอะไรผิด

เรื่องโดยสรุปคือ นายสมัครได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “สมัคร ดอนนาปี” (ส่วนตัวจริงๆ เพราะตั้งล็อกอินไว้ เฉพาะคนที่เป็นเจ้าของแอ็กเคานต์ในเฟซบุ๊กดังกล่าวจะรับเป็นเพื่อนเท่านั้น ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอก (สาธารณะ) ทราบว่ามีการโพสต์อะไรผ่านเฟซบุ๊กนั้นบ้าง) ถึงการแต่งตั้ง “รองอธิบดีกรมอุทายานกว่า 10 ตำแหน่ง” ระบุว่ารัฐมนตรีเข้ามาแทรกแซงการแต่งตั้ง

ถึงขนาดใช้คำว่า “ปลัดไม่ยอม ย้ายเป็นย้าย แต่จะไม่ตั้งโจรเป็นอธิบดี”

ทำเอา พล.อ.ดาว์พงษ์ ที่เรียกได้ว่าเป็นกุนซือสำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ฉุนควันออกหู ด้านลูกน้องใกล้ชิดก็สั่งเตรียมพวงมาลัย ดอกไม้ กะจะให้นายสมัครเข้าขอขมาต่อหน้าข้าราชการคนอื่น แต่นายสมัครใจเด็ดดับเครื่องชนไม่ขอโทษ! จนถูกเชิญออกจากห้อง และจะตั้งกรรมการสอบสวนข้อหาหมิ่นประมาท ดูถูก ผู้บังคับบัญชา

เรื่องนี้สื่อหลายสำนักรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 มี.ค. ที่โรงแรมหลุยส์ แทเวิร์น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการแนวทางการจัดการอุทยานแห่งชาติทางทะเลอย่างยั่งยืน โดยมี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทส.เป็นประธานเปิดการประชุมและกล่าวมอบนโยบาย โดยมีข้าราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอธิบดีจากกรมต่างๆ และหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทางทะเลเข้าร่วมการประชุม

หลังการประชุมครึ่งวันแรก นายสมัคร ดอนนาปี ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานฯ เปิดเผยว่า ระหว่างที่ตนเองกำลังเตรียมตัวประชุมในช่วงเช้าก็ได้รับโทรศัพท์จากนายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานฯ ให้เข้าไปพบที่ห้องรับรอง เมื่อเข้าไปถึงก็พบกับ พล.อ.ดาว์พงษ์ พร้อมทั้งคณะที่ปรึกษารัฐมนตรี เลขานุการรัฐมนตรี และผู้บริหารกระทรวงที่มาร่วมในงาน โดยกลางวงนั้นมีพานพวงมาลัยดอกดาวเรืองวางอยู่ จากนั้นนายนิพนธ์ได้เรียกให้ตนมานั่งข้างๆ พร้อมกับยกพานดอกดาวเรืองขึ้นจะขอขมา พล.อ.ดาว์พงษ์ โดยกล่าวว่าขอโทษที่ไม่สามารถควบคุมลูกน้องได้ แต่ พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าวว่า อธิบดีไม่เกี่ยว เป็นเรื่องของนายสมัครที่ต้องขอโทษ อย่างไรก็ตาม ตนนิ่งเฉยไม่ยอมยกพานดอกดาวเรือง พล.อ.ดาว์พงษ์จึงกล่าวขึ้นว่า ถ้าไม่เต็มใจก็เชิญออกนอกห้องนะ ในนี้จะหารือกันต่อ จากนั้นตนจึงได้โค้งคำนับแล้วเดินออกมา

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ นายสมัครคาดว่าเกิดจากมูลเหตุเดียวที่ตนเองเขียนเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ข้อความที่เขียนนั้นไม่ได้ระบุเจาะจงว่าเขียนถึงใคร โดยข้อความในเฟซบุ๊กเขียนว่า

“เมื่อวานซืนของชาติที่แล้วมีข่าวว่า รมต. เจ้าสังกัดเรียกปลัดกระทรวงเข้าพบ สั่งให้แต่งตั้งคนของตัวเองเป็นรองอธิบดี ที่แสดงวิสัยทัศน์มาชาติหนึ่งแล้ว ถ้าไม่ดำเนินการจะย้ายเข้ากรุ แต่เจอของแข็ง ท่านปลัดไม่ยอม ย้ายเป็นย้าย จะไม่ยอมตั้งโจรเป็นรองอธิบดีเด็ดขาด คำสั่งก็ยังไม่คลอดเหมือนเดิม ข่าวล่ามาเร็ว กระจิบข่าวบอกว่าวันจันทร์ของชาตินี้ คำสั่งรองอธิบดี จะเวียนค่อนข้างแน่”

ทั้งนี้ นางมิ่งขวัญ วิชยารังสฤษดิ์ ปลัด ทส.ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งรองอธิบดี 10 ตำแหน่ง เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังจากเปิดสรรหาตั้งแต่เดือน ม.ค.โดยใช้เวลาในการดำเนินการกว่า 2 เดือน

นายสมัครกล่าวต่อว่า จากนั้นวันที่ 23 มีนาคม พล.อ.ดาว์พงษ์ได้เรียกตนเข้าไปพบพร้อมนำสำเนาข้อความเฟซบุ๊กของตนยื่นให้อ่าน แล้วถามว่าเป็นคนเขียนใช่หรือไม่ ตนบอกว่าใช่ พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าวว่า ที่เขียนนั้นทำให้องค์กรเกิดความเสียหาย ตนบอกว่าจะเสียหายได้อย่างไร ไม่ได้ระบุว่าใคร แต่หากคิดว่าเสียหายก็ให้ไปฟ้องร้องได้ กระทั่งวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา นายนิพนธ์ ปลัดกระทรวงและตนได้หารือกันก็ยังไม่มีข้อสรุป กระทั่งวันประชุม (26 มี.ค.) มีการจัดพานกับดอกดาวเรืองมาให้ตนขอขมา ตนยังยืนยันว่าไม่ได้ทำผิด ไม่ขอขมา ล่าสุดมีข่าวว่าจะมีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงซึ่งตนพร้อมจะชี้แจง จากนั้นจะทำหนังสือขอความเป็นธรรมไปยื่นต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ขณะที่นายนิพนธ์กล่าวว่า ตนกำลังแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว เนื่องจากนายสมัครอาจมีการกล่าวหา หมิ่นประมาท หรือดูถูกผู้บังคับบัญชา ซึ่งเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการฯ ที่จะตรวจสอบต่อไป

เปิดประวัติ “สมัคร ดอนนาปี” หรือ “นายเหนือธานี” ชนดะ “บิ๊กป่าไม้” ทั้งอดีตและปัจจุบัน

ถามว่า “นายสมัคร ดอนนาปี” ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ เป็นใคร ทราบคร่าวๆ ว่าที่ผ่านมาเคยถูก “นายปลอดประสพ สุรัสวดี” สมัยเป็นอธิบดีกรมป่าไม้ สั่งให้ออกจากราชการมาแล้ว แต่นายสมัครได้ฟ้องร้องและต่อสู้จนได้กลับเข้ารับราชการ

โดยที่ผ่านมาได้ออกมาต่อสู้กับกลุ่มนายทุนที่ออกโฉนดโดยมิชอบในพื้นที่อุทยานฯ สิรินาถ จ.ภูเก็ต และได้มีการตอบโต้กับกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทยมาตลอดในเรื่องการออกโฉนดที่ดินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในช่วงที่ผ่านมา

รวมทั้งเคยดำเนินการตรวจสอบการกรณีการออกโฉนดบริเวณหาดฟรีดอมบีช หรือป่าสงวนแห่งชาติป่าเขานาคเกิด จ.ภูเก็ต จนนำไปสู่การดำเนินคดีกับอดีตอธิบดีกรมป่าไม้ และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น

โดยนายสมัครได้ฉายาว่าเป็นจอมแฉ ที่ชอบเอาข้อมูลการทุจริตต่างๆ ในกรมป่าไม้ และกรมอุทยานฯ มาเปิดเผย เช่น การทุจริตงบไฟป่า โดยก่อนหน้านี้เตรียมเปิดเผยรายชื่อบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และเป็นผู้ที่สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็น ผอ.ทสจ.ในครั้งนี้ และจะนำไปยื่นต่อ ป.ป.ช.ด้วย กรณีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนหาดฟรีดอม บีช เป็นต้น ทั้งนี้ นายสมัครถือเป็นคู่กรณีของปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี โดยล่าสุดเป็นคนยื่นเรื่องต่ออัยการสูงสุดเพื่อติดตามความคืบหน้าคดีการส่งเสือโคร่ง 100 ตัวไปประเทศจีนของนายปลอดประสพ จนทำให้คดีที่ใกล้หมดอายุได้รับการเร่งรัดอีกครั้ง โดยสำนักงาน ป.ป.ช.ได้ทำเรื่องส่งตัวนายปลอดประสพดำเนินคดีต่ออัยการในช่วงเดือน ธ.ค. 2555 ที่ผ่านมา

จบ “วนศาสตร์ ม.เกษตร” ไม่ใช่เด็ก “ป่าไม้แพร่”

ประวัติการศึกษา “สมัคร ดอนนาปี” ปัจจุบันอายุ 59 ปี เหลืออีก 6 เดือน จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 2558 จบศึกษาที่โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง ปี พ.ศ. 2514 จบคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปี 2518 ไม่ได้จบจาก “โรงเรียนป่าไม้แพร่”

เข้าทำงานในกรมป่าไม้ ปี 2518 เลยไต่เต้าในช่วง “กรมป่าไม้” ยังสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต่อมามาเป็น “หัวหน้าหน่วยป้องกันไฟป่า” เป็น “ผอ.สำนักจัดการที่ดินและป่าไม้” ก่อนที่กระทรวงเกษตรฯ จะแยกกรมป่าไม้ มาสังกัดกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ตามการปรับโครงสร้าง กระทรวง ทบวง กรม เมื่อปี 2544 นั่งเป็น ผอ.สำนักจัดการที่ดินและป่าไม้ กรมป่าไม้ ฟ้องร้องผู้บริหาร นอกจาก “นายปลอดประสพ สุรัสวดี” สมัยเป็นอธิบดีกรมป่าไม้ แล้ว ยังฟ้อง ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ ในขณะนั้น ปี 2556 สมัครถูกโยกไปเป็น ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ผอ.ทสจ.) มุกดาหาร

2544 เปิดหน้า ฟ้องกรมป่าไม้ อธิบดีกรมป่าไม้(ปลอดประสพ) ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ ชั้นศาลปกครอง

ระบุว่า คำสั่งศาลปกครองสูงสุด ที่ ๑๒๐/๒๕๔๖ นายเหนือธานี หรือสมัคร ดอนนาปี ผู้ฟ้องคดี กรมป่าไม้ ที่ ๑ อธิบดีกรมป่าไม้ ที่ ๒ ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ ที่ ๓ ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย (คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา)

ประเภทคดี วินัย (คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยและผลการสอบสวนทางวินัยโดยไม่มูลความผิด)

กฎหมายและกฎที่เกี่ยวข้อง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง ฯ(มาตรา๔๒ วรรคสอง) พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๓๕ (มาตรา ๑๐๒ วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสาม) กฎ ก.พ.ฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความใน พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๓๕ ว่าด้วยการร้องทุกข์และการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ ขอให้แก้ไขการปฏิบัติไม่ถูกต้องหรือการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย (ข้อ ๑๓)

การที่ผู้ฟ้องคดีมีหนังสือร้องทุกข์ต่อประธาน อ.ก.พ.กระทรวงว่า คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงกรณีที่มีผู้ร้องเรียนกล่าวหาว่าผู้ฟ้องคดีกระทำการอันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และการแต่งตั้งกรรมการสอบสวนกรณีกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง เป็นการกระทำโดยมีเจตนากลั่นแกล้งผู้ฟ้องคดี ขอให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว ถือว่าเป็นการร้องทุกข์ ตามกฎ ก.พ.ฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๔๐)ฯ ออกตามความใน พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนฯ อันเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนและวิธีการสำหรับการแก้ไขความเดือดร้อนหรือเสียหายตามที่กฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะแล้ว ซึ่งข้อ ๑๓ ของกฎ ก.พ. ฉบับดังกล่าวได้กำหนดระยะเวลาในการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ไว้ว่าต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน ๓๐ วันนับแต่วันได้รับหนังสือร้องทุกข์ ถ้ามีความจำเป็นอาจขยายเวลาได้ แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน ๙๐ วัน เมื่อไม่ปรากฏว่าได้มีการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ให้แล้วเสร็จภายในเวลาข้างต้น การนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองกรณีดังกล่าวต้องยื่นฟ้องภายในกำหนด ๙๐ วัน นับแต่วันที่พ้นกำหนด ๙๐ วันที่ผู้ฟ้องคดีได้ร้องทุกข์ ทั้งนี้ ตามมาตรา ๔๙ ประกอบมาตรา ๔๒ วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ

ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มีคำสั่งลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงกรณีผู้ฟ้องคดีถูกร้องเรียนว่ากระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งผลการสอบสวนปรากฏว่ากรณีดังกล่าวมีมูล ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จึงมีคำสั่งลงวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๔๔ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยผู้ฟ้องคดีในเรื่องดังกล่าว ผู้ฟ้องคดีทราบว่าการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วและอยู่ระหว่างการเสนอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ พิจารณาสั่งลงโทษ ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าการสอบสวนหาข้อเท็จจริงและการตั้งคณะกรรมการสอบสวนการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงเป็นการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และที่ ๓ มีสาเหตุโกรธเคืองและมีอคติกับผู้ฟ้องคดี ขอให้ศาลมีคำสั่ง ดังนี้

๑.ให้เพิกถอนการสอบสวนเพื่อลงโทษทางวินัย
๒.ให้ระงับการสั่งลงโทษทางวินัย และห้ามผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ เป็นผู้พิจารณาหรือร่วมพิจารณาสั่งการ และห้ามมิให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ - ที่ ๓ มีคำสั่งย้าย หรือมีคำสั่งอื่นใดที่เป็นโทษแก่ผู้ฟ้องคดี

ศาลปกครองชั้นต้นวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำทางปกครองของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าเป็นการกระทำ (การสอบสวน) ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงเป็นคดีปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ แต่เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำทางปกครองที่เกิดจากการกระทำของคณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และที่ ๒ ให้มีอำนาจกระทำการสอบสวนได้ตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือนฯ ซึ่งเป็นเหตุในข้อเท็จจริงที่ได้กระทำไปเป็นที่ยุติและเสร็จสิ้นแล้ว การขอให้ศาลเพิกถอนการสอบสวนดังกล่าวซึ่งเป็นการกระทำทางปกครองที่ได้กระทำล่วงพ้นไปแล้วและมิใช่การออกกฎหรือคำสั่ง จึงเป็นคำขอที่ศาลไม่มีอำนาจกำหนดคำบังคับได้ตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๑) แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าว สำหรับคำขอในประการที่ ๒ นั้น ศาลไม่อาจกำหนดคำบังคับได้ เนื่องจากเหตุดังกล่าวเป็นมาตรการภายในของฝ่ายปกครองและเป็นการใช้ดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาในการบริหารราชการแผ่นดินและเหตุดังกล่าวยังไม่เกิดขึ้น จึงยังไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อสถานะทางกฎหมายของผู้ฟ้องคดี ประกอบกับผู้ฟ้องคดียังไม่ได้ร้องทุกข์ตามขั้นตอนหรือวิธีการตามที่ พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือนฯ ประกอบกฎ ก.พ. ฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๔๐)ฯ และกฎ ก.พ. ฉบับที่ ๒๒ (พ.ศ. ๒๕๔๓)ฯ กำหนดไว้ ผู้ฟ้องคดีจึงไม่มีสิทธิฟ้องคดี ศาลไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา

ต่อมาผู้ฟ้องคดีอุทธรณ์ว่า ผู้ฟ้องคดีดำเนินการร้องทุกข์ตามขั้นตอนและวิธีการที่กฎหมายกำหนดไว้ครบถ้วนแล้ว ในขณะนี้ยังมิได้รับการพิจารณาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด จึงขอให้ศาลปกครองสูงสุดยกคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นและให้รับคำฟ้องไว้พิจารณา

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้ฟ้องคดีได้ร้องทุกข์ต่อประธาน อ.ก.พ. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๔๔ ว่า การแต่งตั้งกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเป็นการกลั่นแกล้งผู้ฟ้องคดี และการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามคำสั่งกรมป่าไม้ เป็นผลมาจากการกระทำโดยเจตนาจงใจกลั่นแกล้งของผู้ถูกฟ้องคดีขอให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว เพื่อมิให้ผู้ฟ้องคดีเสียโอกาสในการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน ถือเป็นกรณีที่ผู้ฟ้องคดีได้ร้องทุกข์ ในกรณีที่เห็นว่าผู้บังคับบัญชาใช้อำนาจหน้าที่ปฏิบัติต่อตนไม่ถูกต้องฯ ตามกฎ ก.พ. ฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๔๐)ฯ ว่าด้วยการร้องทุกข์แล้ว ซึ่งข้อ ๑๓ ของกฎ ก.พ. ฉบับดังกล่าว ได้กำหนดระยะเวลาในการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ไว้ว่าต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันได้รับหนังสือร้องทุกข์ ถ้ามีความจำเป็นอาจขยายเวลาได้ แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน ๙๐ วัน

ดังนั้น เมื่อไม่ปรากฏว่า อ.ก.พ.กระทรวงฯ ได้พิจารณาเรื่องร้องทุกข์ของผู้ฟ้องคดีให้แล้วเสร็จภายใน ๙๐วันตามข้างต้น ผู้ฟ้องคดีจึงสามารถนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองภายในกำหนด ๙๐ วัน นับแต่วันพ้นกำหนด ๙๐ วัน ที่ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือร้องทุกข์ต่อ อ.ก.พ. กระทรวงฯ ตามมาตรา ๔๙ ประกอบมาตรา๔๒ วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ การฟ้องคดีต่อศาลปกครองเมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๔๕จึงเป็นการฟ้องภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย จึงกลับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นและให้ศาลปกครองชั้นต้นดำเนินการต่อไป

ปี 2555 เปิดศึกกับ “ปลอดประสพ” ปมส่งออกเสือโคร่ง “เบงกอล” - ผิด ม.157 ไม่รื้อถอนบ้านทะเลหมอกรีสอร์ต

เรื่องนี้ เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 2555 เปิดเผยโดย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่ากรณีที่ นายสมัคร ดอนนาปี ผอ.สำนักจัดการที่ดินและป่าไม้ กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เข้าทวงถามความคืบหน้าการดำเนินคดีอาญากรณีการส่งเสือโคร่งเบงกอลไปประเทศจีนกับสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าในส่วนคดีส่งเสือโคร่งไปจีนเป็นคดีปกติ ในส่วนของคดีอาญาก็ว่ากันไปตามขั้นตอนตามกฎหมายของ ป.ป.ช. และอัยการสูงสุด ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ว่าตนเป็นรัฐมนตรีแล้วจึงไม่มีความคืบหน้า อย่างไรก็ตามในฐานะที่ตนเป็น ส.ส. ตนก็ย่อมได้รับการคุ้มครองตามที่กฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนด (ต่อมาแม้ ป.ป.ช.จะมีมติส่งฟ้องคดีส่งออกเสือโคร่งเบงกอล แต่เมื่อปี 2557 ศาลอาญา ได้อ่านคำพิพากษาคดียกฟ้อง นายปลอดประสพ สุรัสวดี ในคดีส่งเสือโคร่งเบงกอล 100 ตัวไปประเทศจีน หลังต่อสู้คดีมานานถึง 12 ปี โดยศาลตัดสินว่า ไม่ได้เป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย ตามที่สำนักงานอัยการสูงยื่นฟ้องว่า ส่งเสือไปเพื่อประโยชน์ทางการค้า รวมถึงไม่มีความผิดฐานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต

นอกจากนี้ การส่งเสือโคร่งของนายปลอดประสพ ได้ทำตามมาตรา 26 ของ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2535 ให้อำนาจอธิบดีกรมป่าไม้ส่งสัตว์ป่า เพื่อการวิจัยได้ โดยขณะนั้นนายปลอดประสพเป็นอธิบดีกรมป่าไม้

อย่างไรก็ตาม ศาลได้ให้เวลาสำนักงานอัยการสูงยื่นอุทธรณ์ในคดี 30 วัน หรือ 1 เดือน (ไม่พบว่าอัยการสูงสุดมีการยื่นอุทธรณ์หรือไม่)

และมีข่าวว่า นายปลอดประสพเตรียมเรียกร้องค่าชดเชยความเสียหายจากผู้ฟ้องที่ทำให้นายปลอดประสพตกเป็นจำเลยสังคม เสื่อมเสียเกียรติและชื่อเสียง)

“ทั้งนี้ นายสมัครมีความแค้นกับผมเป็นการส่วนตัว เนื่องจากถูกย้ายจากหัวหน้าหน่วยป้องกันไฟป่าสมัยตนเป็นอธิบดีกรมป่าไม้ เขาจึงโกรธผมกับนายธานี วิระยะรัตนพร ผอ.สำนักป้องกันไฟป่าขณะนั้นซึ่งเป็นหัวหน้าของเขา ถึงกับไปเปลี่ยนชื่อตัวเองว่า เหนือธานี และกล่าวหาตนกับนายธานีว่าไปกลั่นแกล้งเขา ซึ่งนายธานีมีการฟ้องร้องฐานหมิ่นประมาท มีการดำเนินคดีกัน และศาลตัดสินจำคุกนายสมัคร แต่ให้รอลงอาญา นอกจากนั้นนายสมัครยังมีกรณีโกงค่าเบี้ยเลี้ยงของลูกน้อง หรือทุจริตอมเงินหลวง ซึ่ง อ.ก.พ.กรมป่าไม้ และ อ.ก.พ.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีมติให้ปลดออก แต่นายวิษณุ เครืองาม ประธาน อ.ก.พ. กระทรวงเกษตรฯ ในเวลานั้นมีเมตตาจึงให้เพียงให้ลดขั้นเงินเดือน ซึ่งเรื่องนี้นายสมัครก็โกรธตนอีก และทำเรื่องฟ้อง ซึ่งต่อมาศาลก็ยกฟ้อง และนายสมัครต้องเปลี่ยนมาใช้ชื่อเดิม”

“สองสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมพบกับนายสมัครที่สนามบิน จ.เชียงใหม่ ระหว่างกำลังจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ หลังการประชุมเรื่องปลูกป่า นายสมัครเจอผมก็ด่าผมใหญ่โต ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันเรื่องอะไร เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดผมไม่ยอมแน่ และจะฟ้องนายสมัคร แน่นอน” นายปลอดประสพกล่าว

ตอนนั้น “นายสมัคร ดอนนาปี” ซึ่งยังนั่งตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักจัดการที่ดินและป่าไม้ กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บอกว่าได้เตรียมยื่นเอกสารให้ ป.ป.ช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อนายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และอดีตอธิบดีกรมป่าไม้ ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 157 ไม่ดำเนินการรื้อถอนบ้านทะเลหมอกรีสอร์ต ทั้งที่ศาลพิพากษาว่ามีความผิดและให้รื้อถอน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหากับนายปลอดประสพ แม้จะเคยมีเรื่องขัดแย้งกันจริงแต่นานมาแล้ว และเรื่องได้จบลงไปแล้ว

แต่ต้องการความเป็นธรรม กรณี “นายดำรงค์ พิเดช” อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เข้าไปรื้อถอนการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน อีกทั้งที่เรื่องนี้น่าจะดำเนินการตั้งนานแล้ว สมัยที่นายปลอดประสพเป็นอธิบดีกรมป่าไม้ จนถึงเป็นปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ แต่ไม่ได้ดำเนินการ ถือว่าเข้าข่ายละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 หรือไม่ และจะไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. แต่ขอดูเอกสาร หลักฐานทั้งหมดก่อน ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะทำอย่างไร คิดว่าถ้าอ่านเอกสารครบถ้วนทั้งหมดแล้วจะให้คำตอบ เพราะหากทำอะไรไปโดยปราศจากหลักฐานดูจะไม่เหมาะ

ด้านนายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ กล่าวว่า กรณีของนายปลอดประสพ อาจเกี่ยวข้องกับการรื้อถอนบ้านทะเลหมอก ที่นายดำรงค์นำกำลังเจ้าหน้าที่ไปรื้อ และทางเจ้าของรีสอร์ต บอกว่านายปลอดประสพ รับปากว่าจะให้เช่า ซึ่งที่ผ่านมานายปลอดประสพ ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า เป็นคนแรกที่เข้าไปจัดการกับรีสอร์ตที่บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน โดยส่วนตัวเห็นว่านายปลอดประสพอาจจะหวังดี ในเมื่อเขาสร้างขึ้นมาแล้วไม่อยากให้ทุบให้เสียของ น่าจะโอนให้ราชการมาใช้ประโยชน์จะดีกว่า แต่ความหวังดีนั้นอาจจะเป็นยาพิษ จึงเป็นปัญหาขึ้นมา ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ตีความชัดเจนแล้วว่าพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ไม่สามารถให้เอกชนเช่าได้ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

ส่วนการที่กรมอุทยานฯ กำลังจะไปรื้อรีสอร์ตกลางน้ำที่บุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด ปลายเดือนนี้ ทางนายดำรงค์ได้แจ้งให้ทราบเรียบร้อยแล้ว และตนขอร้องว่า ให้ทำด้วยความละมุนละม่อม และให้ไปดำเนินการในตอนกลางวัน อย่าไปกลางคืน เพราะจะทำให้ผู้คนตกใจ ซึ่งนายดำรงค์ได้รับปาก อย่างไรก็ตาม เรื่องการรื้อถอนเป็นหน้าที่ ใครละเลยต้องเจอมาตรา 157 อาจถึงขั้นติดคุกตลอดชีวิต
นอกจากนี้ รู้สึกเสียดายที่นายดำรงค์ จะเกษียณอายุราชการอีกไม่กี่วัน เพราะเป็นคนมีความรู้ความสามารถดีมาก โดยตั้งใจว่าจะแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษากระทรวงทรัพยากรฯ แต่เท่าที่คุยล่าสุดนายดำรงค์บอกว่าเหนื่อยแต่จะทำหน้าที่จนวันสุดท้าย และหลังเกษียณอายุแล้วตั้งใจจะไปเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวหมู ที่ จ.เชียงราย

ปี 2556 “สมัคร ดอนนาปี” ถูกโยกไปเป็น ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ผอ.ทสจ.) มุกดาหาร

เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 56 นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการระดับ 9 ในตำแหน่ง ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ผอ.ทสจ.) จำนวน 14 ตำแหน่ง โดย “นายสมัคร ดอนนาปี” ผอ.สำนักจัดการที่ดินป่าไม้ กรมป่าไม้ถูกโยกไปเป็น ผอ.ทสจ.มุกดาหาร

โดยนายสมัครพูดถึงเรื่องนี้ว่า การคัดเลือก ผอ.ทสจ.ในครั้งนี้ แต่ละกรมมีสิทธิ์ส่งรายชื่อได้ กรมฯ ละ 28 รายชื่อ แล้วก็ขึ้นอยู่กับการคัดเลือกของกระทรวงฯ ทั้งนี้ จากรายชื่อที่ประกาศผลออกมานั้น ปรากฏว่ารายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตงบไฟป่าที่ตนจะเปิดเผยหลุด หมดไม่ได้รับการพิจารณาคัดเลือก ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องดี อย่างไรก็ตาม ตนยังจะทำหน้าที่ติดตามตรวจสอบการทุจริตที่เกิดขึ้นต่อไป

ขณะที่ผู้บริหารกระทรวงยอมรับว่า ตำแหน่ง ทสจ.แต่ละจังหวัดมีปัญหามาก เพราะได้รับการร้องเรียนจากภรรยาหลวงของ ผอ.ทสจ. ว่าสามีแอบไปมีเมียน้อยถึงละ 3-4 คน เพราะอยู่ไกลครอบครัว และมีการโยกย้ายไปเรื่อย จนกลายเป็นปัญหาครอบครัว จนนำมาสู่การโยกย้ายครั้งนี้ในที่สุด

ต่อไปนี้ ต้องรอดูว่า “คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีนายสมัคร ที่ถูกกล่าวหาว่า หมิ่นประมาท หรือดูถูกผู้บังคับบัญชา” จะตรวจสอบต่อไปอย่างไร โดยไม่ถูกแทรกแซง หรือถูกย้ายฟ้าผ่า



กำลังโหลดความคิดเห็น