“ประวิตร” เผยคุยนายกฯ เรื่องบริหารราชการ สวนมโนกุข่าวไม่กินเส้น “ประยุทธ์-หม่อมอุ๋ย” ยันรัฐไม่แตกแยก ย้อนแอมเนสตี้ว่ารัฐทรมานใครถึงให้เลิกอัยการศึก แจงคงไว้ใช้แค่ 2 ข้อเพื่อใช้ค้น-ออกหมายจับ เหตุขอศาลจะไม่ทัน ยันเดินตามโรดแมป เผย ตามล่าพวกหนี ตปท.ว่ากันตาม กม. ย้ำรัฐประหารหยุดขัดแย้ง แจงประชามติร่าง รธน.ขึ้นอยู่ กมธ.ยกร่างฯ ไร้นัย โต้ล็อกสเปก ขออย่าเกรงใจ คสช.
วันนี้ (24 มี.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช) เมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 มีนาคม ว่าเป็นการพูดคุยเรื่องบริหารราชการแผ่นดิน ตนทำงานให้ประเทศชาติและประชาชน ถือว่าเป็นหน้าที่ที่ พล.อ.ประยุทธ์มอบหมายให้ดูแลงานด้านความมั่นคง รวมถึงการดูแลความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ อะไรที่มั่นคงและไม่เกิดความเสียหายก็ต้องช่วยกัน เพื่อให้ประชาชนอยู่อย่างสุขสบายมากขึ้น สิ่งใดที่เดือดร้อนก็ต้องช่วยกันทั้งนั้น เพราะเราเป็นรัฐบาล โดยเฉพาะงานด้านความมั่นคงที่ตนต้องดูแลทุกอย่างให้ประเทศเกิดความมั่นคง
“มีการเขียนไลน์อะไรต่างๆ โดยนึกตัวละครกันเอาเอง เช่นให้ผมกับนายกฯ มีปัญหากัน หรือผมกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ว่าไม่ถูกกัน ทั้งนี้ผมยืนยันว่าไม่มีอะไรกัน ไม่มีใครขัดแย้งกัน เพราะเราทำงานให้กับประเทศชาติ ก็ขอให้จำไว้ว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีแตกแยก มีการพูดคุยร่วมกันเสมอว่าอะไรที่เดินหน้าไปไม่ได้ก็มาดูร่วมกันว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนอยู่ได้อย่างมีความสุข เกิดความสงบ พร้อมให้ประเทศชาติเจริญต่อไปข้างหน้า อีกทั้งรัฐบาลทำทุกอย่าง และไม่ได้เลือกทำ” พล.อ.ประวิตรกล่าว
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีที่สำนักงานเลขาธิการใหญ่แอมเนสตี้ทำจดหมายให้องค์กรสิทธิมนุษยชนทั่วโลกกดดันรัฐบาลไทยให้ยกเลิกกฎอัยการศึก และหยุดพฤติกรรมการซ้อมทรมานร่างกายว่า ถามว่าตนไปทรมานใครแล้วจะให้ไปชี้แจงอย่างไร ข่าวก็คือข่าว ข่าวลือก็คือข่าวลือ ตนขอย้ำว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำ และเจ้าหน้าที่ทุกคนไม่ว่าจะเป็นทหาร และตำรวจ ที่ดูแลเรื่องความปลอดภัยก็มีความรู้ หากคุณทำผิดก็ต้องสอบสวน จะทำอย่างอื่นไม่ได้ เช่นการซ้อม ตนยืนยันว่าไม่มีแน่นอน ประกอบกับในกฎอัยการศึกก็ไม่ได้เขียนไว้ให้เจ้าหน้าที่สามารถซ้อมผู้ต้องหาได้ ก็ขอรับรองว่าเจ้าหน้าที่ไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน ส่วนจะมีการดำเนินคดีต่อคนให้ร้ายนั้น คิดว่าสิ่งใดที่เสียหายแก่องค์กรของรัฐ ทำให้ประชาชนเกิดความไม่มั่นใจก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินคดีที่มากล่าวให้ร้าย
เมื่อถามว่าเป็นห่วงการเคลื่อนไหวต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อโรดแมป พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า โรดแมปก็คือโรดแมป สื่อถามทุกวันในเรื่องนี้ ตนยืนยันว่าทุกอย่างเดินไปตามโรดแมป ไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนการเลือกตั้งช่วงกลางปี 2559 ก็เดินไปตามโรดแมป และเป็นไปตามกำหนดระยะเวลาทุกอย่าง
เมื่อถามว่า การบังคับใช้กฎอัยการศึกยังสร้างความไม่เชื่อมั่นกับต่างชาติ รองนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังดูอยู่ แต่อย่าลืมว่ากฎอัยการศึกที่ใช้ในขณะนี้ใช้แค่สองข้อเท่านั้นในเรื่องของการตรวจค้น และการออกหมายจับเท่านั้น เนื่องจากการขอหมายจับต่อศาลที่เกรงว่าจะไม่ทันเวลา นอกจากนั้นเราก็ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ก็มีการอ้างกฎอัยการศึกกันตลอด ทั้งนี้ นายกฯ กำลังดูอยู่ว่าทำอย่างไร เพื่อให้ต่างชาติเกิดความสบายใจ ไม่ต้องห่วงเรื่องรายละเอียดเพราะตนก็มีความรู้พอ จะดูว่าอะไรที่ดูแลประชาชนไม่ให้ออกมาตีกันและทำให้เสียบรรยากาศ เพื่อให้รัฐบาลบริหารประเทศได้
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการนำตัวผู้ที่ทำผิดกฎหมายและยังหลบหนีอยู่ต่างประเทศกับมาดำเนินคดี พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ถ้าผิดกฎหมายก็ตามจับ ส่วนความผิดประมวลกฎหมายอายญ มาตรา 112 ต้องดูว่าแต่ละประเทศได้ทำข้อตกลงกับประเทศเราหรือไม่ รวมถึงเรื่องก่อการร้ายถ้ามีข้อตกลงร่วมกันก็ต้องทำเรื่องขอตัวกลับมาดำเนินคดี หากคนร้ายจะอ้างว่าเป็นเรื่องทางการเมืองก็ต้องมาสู้กัน แล้วว่ากันไปตามกฎหมาย
เมื่อถามว่าการเข้ามาของรัฐบาลมาด้วยการรัฐประหารจะลบรอยด่างพร้อยได้อย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ถ้าปล่อยไว้ให้คนตีกันแล้วตาย คุณจะรับผิดชอบหรือไม่ ผมบอกแล้วว่าเราเข้ามาเพื่อหยุดความขัดแย้ง เพราะขณะนั้นคนสองกลุ่มกำลังตีกัน และใช้อาวุธสงครามจนเสียชีวิตกันมามาย แล้วคุณจะทำอย่างไรต่อไป เราทำเพื่อให้เกิดความสงบ หรือคุณมาว่านี้ไม่สงบหรือ”
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกระแสความไม่เห็นด้วยในร่างรัฐธรรมนูญว่า สื่อรู้ได้อย่างไรว่ามีคนไม่เห็นด้วย เพราะยังมีคนเห็นด้วย ทั้งนี้กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.ยกร่างฯ) ทั้ง 36 คนก็ไม่ได้มีนัยอะไร แต่พวกเขามีความต้องการให้ประเทศชาติเดินต่อไปได้ และให้ประชาชนมีความเท่าเทียมกัน อีกทั้งทำทุกอย่างไม่ให้เกิดความขัดแย้งต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตาม ถ้าอยากให้มีการทำประชามติก็ต้องทำ แต่ในรัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) 2557 ไม่ได้เขียนไว้ ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับ กมธ.ยกร่างฯ
เมื่อถามว่าร่างรัฐธรรมนูญมีการล็อคสเปก พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มีการล็อกสเปก ตนขอถามว่าจะไปล็อกได้อย่างไร ใน กมธ.ยกร่างฯ ทั้ง 36 คนก็มีคนจบดอกเตอร์ และเป็นนักกฎหมาย และมีความหลากหลาย ตนถามว่าจะไปบังคับเขาได้หรือ อีกทั้งพวกเขามีอิสระให้ความคิด อย่างไรก็ตามตนยืนยันว่าความคิดของบุคคลต้องไม่มีความเกรงใจ คสช. เพราะทุกอย่างทำให้กับประเทศชาติ และประชาชน