นายกฯ ติงพวกลากยูเอ็นเข้ามายุ่งเกี่ยวประเทศไทย เชื่อไม่มีการซ้อม 4 ผู้ต้องหาบึ้มตามที่ถูกกล่าวหา ย้อนถามทนายสิทธิมนุษยชนเคยสนใจดูแลประชาชนที่บาดเจ็บล้มตายจากถูกล้อมทำร้ายหรือไม่ แม้แต่ข้าราชการทหาร-ตำรวจที่ถูกไล่ตี เคยดูแลบ้างไหม รับมีแนวคิดผ่อนปรนกฎอัยการศึก แต่ต้องมีกฎหมายที่สามารถทำงานได้เหมือนเดิมมารองรับ พร้อมหนุนนิรโทษกรรมผู้ชุมนุม ที่ไม่มีคดีอาญา และ ม. 112
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนร้องเรียนว่ามีการซ้อมทำร้ายร่างกาย 4 ผู้ต้องหาในคดีวางระเบิดบริเวณศาลอาญา รัชดาภิเษก ว่า “เดี๋ยวเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอยู่ แต่ผมว่ามันไม่น่าใช่เพราะทุกครั้งก็ย้ำไปอยู่แล้ว ซ้อมไปจะได้อะไรขึ้นมา ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมาเลย ทั้งหมดมันอยู่ที่หลักฐาน ผมถามว่าวันนี้อย่าไปดูเรื่องซ้อมเพียงอย่างเดียว อยากให้ไปดูว่าความผิดนั้นมีหรือไม่ และมีหลักฐานทั้งการใช้โทรศัพท์ก็มี การโอนเงินก็มี แต่คนเหล่านี้ก็กลับมาอ้างเรื่องซ้อม ผมจึงอยากให้เอาทั้งสองอย่างมาดูด้วยกันทั้งคู่ ใครผิดใครถูกก็ว่ากันมา”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงขนาดที่จะไปร้องกับสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในเรื่องดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ก็ไปร้องมา ไปร้องมาเถอะ เจ้าหน้าที่เขามีหลักฐานอยู่แล้ว ผมมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเขาดูแลอยู่แล้ว มีการถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานอยู่” เมื่อถามว่าหมายความว่าพร้อมจะให้ยูเอ็นเข้ามาร่วมตรวจสอบในคดีดังกล่าวด้วยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “อย่าไปลากเขาเข้ามานักสิ มันเป็นปัญหาของเรา แล้วทำไมเวลาที่ประชาชนเดือดร้อน บาดเจ็บ ล้มตายไปร้องกับเขาบ้างหรือเปล่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) ดูแลเขาบ้างหรือไม่ล่ะ ได้ดูแลข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ประชาชนที่บริสุทธิ์บ้างหรือไม่ แต่พอมีผู้ต้องหาขึ้นมาก็ไปดูแลผู้ต้องหา ซึ่งมันก็ใช่ แต่ก็ต้องย้อนกลับไปดูกันบ้างว่าที่ผ่านมาได้ดูแลข้าราชการ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ที่โดนไล่ล่า ไล่ตี มีการร้องเรียนให้ทหารบ้างหรือยัง เท่าที่รู้ก็ยังเลย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีการตั้งเพจเพื่อให้มีการยกเลิกกฎอัยการศึก จะมีการปิดเพจดังกล่าวหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ว่าไป ขณะนี้กำลังให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจดูว่า ใครทำ เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่าว่าวันนี้รัฐบาลใช้กฎอัยการศึกอย่างไร ตนได้อธิบายไปแล้วว่าใน 17 มาตรา เราใช้เพียง 2 มาตราเท่านั้น และเดี๋ยวกำลังหาทางออกว่าจะใช้อย่างไร แต่ก็คงต้องสามารถทำงานได้เหมือนเดิม อย่าไปคิดว่าไปเปลี่ยนกฎอัยการศึกแล้วเราจะอยู่โดยกฎหมายปกติ มันทำไม่ได้ เดี๋ยวต้องไปหาวิธีการให้คนยอมรับให้ได้
ส่วนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นด้วยกับข้อเสนอให้มีการนิรโทษกรรมผู้ชุมนุมทางการเมืองที่เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนไม่ได้ขัดแย้งอะไร แต่เป็นเรื่องของทางสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะเสนอขึ้นมา ตนได้ให้นโยบายไปแล้วว่าเรื่องนี้ตนไม่ได้ปิดกั้น คนที่ไม่มีคดีอาญาเราก็ต้องดูแลเขาก็เป็นไปตามอดีตที่เคยเป็นมา ส่วนจะพิจารณาโดยเร็วหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับทาง สปช. ตนเคยบอกไปแล้วว่าถ้าจะให้ทำเร็วก็สามารถทำได้ ตอนนี้ก็ต้องไปดูว่า คนที่ติดคุกอยู่หรืออยู่ในขั้นตอนของศาลและกระบวนการยุติธรรมว่าคนเหล่านี้มีความผิดหรือเปล่า ทั้งคดีอาญาและความผิดตามมาตรา 112 หรือไม่ แต่ถ้ามาด้วยการประท้วง ปิดถนน และอยู่ในกลุ่มที่ถูกจับเข้ามาก็คงไม่มีแล้ว ส่วนใหญ่ที่ยังอยู่ในกระบวนการนั้นมีความผิดในคดีอาญาซึ่งคงไม่สามารถยกเลิกได้