คสช.ส่ง “ดาว์พงษ์” ประชุมวิป สปช. แนะชี้แจงแนวทางปฏิรูป ประชาชนได้ประโยชน์อย่างไร ใช้เวลานานแค่ไหน พร้อมให้ประสาน ครม.อย่างใกล้ชิด ด้าน ครม.ขอเวลา 3 เดือนแก้กฎหมาย ก่อนเปิดสัมปทานปิโตรเลียม ขณะเดียวกัน สปช.ย้ำยึดแนวทาง สปช.ปม ตั้ง “เครือญาติ” เป็นผู้เชี่ยวชาญประจำตัว จี้ให้ลาออกทั้งหมด
นายวันชัย สอนศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิป สปช.) แถลงภายหลังการประชุมว่า ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มี พล.อ.ดาวน์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นตัวแทนร่วมประชุมได้นำข้อหารือของ คสช.มาแจ้งต่อที่ประชุมวิป สปช.โดยได้ขอให้ สปช.ชี้แจงแนวทางการปฏิรูปด้านต่างๆ ให้ชัดเจนถึงเหตุผลว่าทำไมต้องปฏิรูป แล้วจะปฏิรูปอย่างไรให้ประชาชนได้ประโยชน์ และจะใช้เวลาดำเนินการเท่าไหร่ โดยขอให้มีการประสานการทำงานกับทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ คสช.อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การปฏิรูปมีประสิทธิภาพ
ขณะที่ในส่วนของ ครม.ได้มีการแจ้งให้วิป สปช.ทราบถึงการขอเปิดสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 21 ที่จะต้องมีการแก้ไขกฏหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาของ ครม.คาดว่าอีก 3 เดือนจะแล้วเสร็จ ซึ่งในระหว่างนี้ทาง ครม.ได้ขอข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นของสมาชิก สปช.เพื่อตอบสนองด้านความมั่นคงทางด้านพลังงาน แต่ต้องเป็นความเห็นที่ไม่ขัดแย้ง
นายวันชัยกล่าวว่า สำหรับการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯได้พิจารณาแล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างการทบทวนก่อนนำมาขอความเห็นจาก สปช.นั้น นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้ ครม.ร่วมศึกษาร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วย โดยมอบให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เป็นหัวหน้าทีมเพื่อการศึกษา
ส่วนการประสานการทำงานร่วมกันของของแม่น้ำ 5 สาย อยากให้มีการส่งตัวแทนที่เกี่ยวข้องต่อการปฏิรูปด้านนั้นๆ เข้ามาชี้แจงเพื่อให้การปฏิรูปมีประสิทธิและไม่มีความขัดแย้ง ส่วนการเสนอกฏหมายที่หลายฝ่ายมีอำนาจในการเสนอกฎหมายก็อยากให้มีการประสานงานกันเพื่อไม่ให้การออกกฎหมายมีความซ้ำซ้อนหรือขัดแย้งกัน
นอกจากนี้ ทางวิป สปช.ได้มีการเพิ่มกำหนดการนัดประชุมเป็น 3 วันต่อสัปดาห์ คือ วันจันทร์ วันอังคาร และวันพุธ เพื่อที่จะสามารถพิจารณาแนวทางการปฏิรูปที่คณะกรรมาธิการต่างๆ ได้พิจารณาแล้วเสร็จ โดยประเด็นในการปฏิรูปเรื่องสำคัญ อาทิ การปฏิรูปด้านบริหารราชการแผ่นดิน การปฏิรูปด้านการทุจริตประพฤติมิชอบ การปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เป็นต้น
นายวันชัยกล่าวถึงการแต่งตั้งเครือญาติเป็นที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ช่วยประจำตัวสมาชิก สปช.ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือกัน โดยนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช.ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะปกปิดข้อมูลในส่วนดังกล่าวแต่อย่างใด เพียงแต่นายเทียนฉายไม่ได้มีอำนาจโดยตรง แต่เป็นอำนาจของข้าราชการ โดยคณะกรรมการบริหารข้อมูลข่าวสารของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเกิดกรณีดังกล่าวขึ้นที่ประชุมวิป สปช.ก็มีมติให้นำแนวทางของ วิป สนช.ที่แนะนำให้สมาชิกมีการปรับเปลี่ยนตัวที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ช่วยที่เป็นเครือญาติออกจากตำแหน่งทันทีเพื่อสนองความต้องการของสังคมที่มีความเคลือบแคลงการแต่งตั้ง ส่วนประเด็นดังกล่าวจะมีผลต่อความน่าเชื่อถือในการปฏิรูปประเทศหรือไม่ ตนคิดว่าเป็นคนละเรื่องกัน