xs
xsm
sm
md
lg

ทอ.ส่งหน่วยบินฝนหลวงบรรเทาภัยแล้ง-ลดหมอกควัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

กองทัพอากาศจับมือกระทรวงเกษตรฯ ทำพิธีส่งหน่วยบินฝนหลวง บรรเทาความเดือดร้อนจากภัยแล้ง และหมอกควัน ดีเดย์เที่ยวบินแรก 1 เมษายนนี้

ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง วันนี้ (17 มี.ค.) พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) มอบหมายให้ พล.อ.อ.อานนท์ จารยะพันธุ์ รอง ผบ.ทอ. เป็นประธานพิธีส่งหน่วยบินฝนหลวงกองทัพอากาศ ประจำปี 2558 โดยกองทัพอากาศร่วมกับกรมฝนหลวง และการบินเกษตร จัดทำโครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการทำฝนหลวงแบบพลุซิลเวอร์ ไอโอไดด์ และพลุสารดูดความชื้น Hygroscopic Flare เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์ภัยแล้ง

พล.อ.อ.อานนท์กล่าวว่า กองทัพอากาศให้การสนับสนุนเครื่องบิน 12 เครื่อง เพื่อทำฝนหลวง ประกอบด้วย เครื่องบินลำเลียงแบบบีที-67 เครื่องบินโจมตีและธุรการแบบที่ 2 (เอยู-23 เอ) และเครื่องบินโจมตีแบบที่ 7 (อัลฟาเจ็ต) ซึ่งจะขึ้นปฏิบัติการจากกองบินต่างๆ ทั่วประเทศ ตั้งแต่ มี.ค.จนถึง ต.ค. โดยเที่ยวบินแรกจะขึ้นบินในวันที่ 1 เม.ย.นี้

สำหรับโครงการพระราชดำริฝนหลวงกับกองทัพอากาศ เริ่มครั้งแรกในปี 2515 เมื่อครั้งเกิดสภาวะแห้งแล้งเป็นบริเวณกว้าง ทางรัฐบาลจึงมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินตามแนวพระราชดำริ โดยให้กองทัพอากาศสนับสนุนเครื่องบินและเจ้าหน้าที่เข้าร่วมปฏิบัตินับเป็นการเข้าร่วมโครงการพระราชดำริฝนหลวงครั้งแรกของกองทัพอากาศ เพื่อสนับสนุนแก้ไขปัญหาภัยแล้งตามนโยบายรัฐบาล ทั้งนี้ปีที่ผ่านมาได้ปฏิบัติการบินไปแล้ว 665 เที่ยวบิน ใช้สารเคมี 936.4 ตัน ซึ่งประชาชนสามารถติดต่อขอให้ความช่วยเหลือได้ที่หมายเลข 0-2534-2096

“เรายืนยันว่าปีนี้จะทำโครงการฝนหลวงให้เร็วที่สุด เพื่อลดปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยแต่ละจังหวัดจะมีศูนย์บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดดูแลอยู่ นอกจากนี้ทางกองทัพอากาศยังได้ให้การช่วยเหลือเรื่องการกำจัดหมอกควันจากการเผาป่าที่เกิดขึ้นในขณะนี้ด้วย ซึ่งต้องขอความร่วมมือจากประชาชนไม่เผาป่า อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติหน้าที่การทำฝนหลวง ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศว่าเอื้ออำนวยต่อการทำงานมากน้อยแค่ไหน เช่น ความชื้นในอากาศ และการรวมตัวของก้อนเมฆ แต่เบื้องต้นได้จัดรถบรรทุกน้ำออกแจกจ่ายน้ำให้กับประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ได้ระดับหนึ่ง เพราะถือเป็นการทำงานเป็นหน้าที่ของข้าราชการที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่”


กำลังโหลดความคิดเห็น