จันทบุรี - หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจันทบุรี ขึ้นปฏิบัติการโปรยสารเคมีช่วยเหลือพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ 9 อำเภอ ของจังหวัดจันทบุรี เพื่อช่วยเหลือในพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะสวนลำไย ที่กำลังประสบปัญหาอย่างมาก
วันนี้ (8 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สนามบินท่าใหม่ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดจันทบุรี ได้นำเครื่องบินการเกษตร จำนวน 3 ลำ ขึ้นปฏิบัติการโปรยสารเคมีในพื้นที่เป้าหมายใน 9 อำเภอ ของจังหวัดจันทบุรี วันนี้เป็นวันแรกแล้ว หลังสภาพอากาศเอื้ออำนวย สร้างความดีใจให้แก่ชาวบ้าน และเกษตรกรชาวสวนเป็นอย่างมาก โดยในเช้าวันนี้ ได้ออกปฏิบัติการบินโปรยสารเคมีในพื้นที่เป้าหมายใน 2 อำเภอ คือ อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี เป็นอันดับแรก
เนื่องจากพื้นที่ 2 อำเภอ กำลังต้องการฝนหลวงเพื่อเข้ามาช่วยเหลือในพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะสวนลำไย ที่กำลังประสบปัญหาเป็นอย่างมาก ประกอบกับมีชาวบ้านร้องขอฝนหลวงเข้าเป็นจำนวนมาก เพราะ 2 อำเภอนี้เกิดปัญหาภัยแล้งซ้ำซากเป็นประจำทุกปี และในช่วงบ่ายจะมีการขึ้นบินโปรยสารเคมีอีกใน 7 อำเภอเป้าหมาย เพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน และเกษตรชาวสวนผลไม้ในหลายพื้นที่ ในการสร้างความชุ่มชื่นให้แก่พื้นที่การเกษตรที่ผลผลิตไม่ว่าจะเป็น ทุเรียน เงาะ มังคุด ลำไย ลองกอง และกล้วยไข่ส่งออก กำลังต้องการน้ำเป็นอย่างมาก รวมทั้งเกษตรกรชาวสวนยังสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายลงไม่ต้องเสียเวลา เสียเงินสูบน้ำ หรือซื้อน้ำจากรถบรรทุกน้ำของเอกชนเข้าสวนอีกด้วย
สำหรับสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ในปัจจุบันทางจังหวัดได้ประกาศให้ 9 อำเภอ จาก 10 อำเภอ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินภัยแล้ง มีราษฎรได้รับผลกระทบ 52 ตำบล 487 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับผลกระทบ 56,535 ครัวเรือน 186,025 คน พื้นที่ทางการเกษตรได้รับผลกระทบ 691,948 ไร่
ทั้งนี้ ขบวนรถบรรทุกน้ำของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด จะกระจายไปช่วยราษฎรในพื้นที่อำเภอขลุง อำเภอสอยดาว อำเภอโป่งน้ำร้อน อำเภอมะขาม และอำเภอแก่งหางแมว ขณะที่กองทัพเรือภาค 3ได้นำเรือบรรทุกน้ำอุปโภคบริโภคช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งในพื้นที่บ้านโรงไม้ เกาะจิก ตำบลบางชัน อำเภอขลุง ซึ่งเป็นพื้นที่เกาะกลางทะเลอ่าวไทย
นอกจากนี้ นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้สั่งบูรณาการหน่วยงานต่างๆ ทั้งตำรวจ ทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปภ.จังหวัด เร่งให้การช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับผลกระทบทั้ง 9 อำเภอ ของจังหวัดจันทบุรี ที่ประสบภัยแล้งคิดเป็นพื้นที่รวมร้อยละ 66.62 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่จังหวัด ด้านน้ำเพื่อการเกษตรที่เขื่อนกักเก็บน้ำขนาดกลางยังพอมีน้ำเพื่อการเกษตรเพียงพอสำหรับปีนี้
สำหรับหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดจันทบุรี ยังคงขึ้นปฏิบัติการทำหน้าที่บินโปรยสารเคมีเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบปัญหาภัยแล้งใน 9 อำเภอ อย่างต่อเนื่องทุกวัน และจะอยู่ช่วยเหลือพี่น้องชาวจังหวัดจันทบุรี จำนวน 3 เดือน ก่อนที่จะย้ายฐานการบินไปตั้งฐานที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ภัยแล้งต่อไป
