หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ห่วง พ.ร.บ.ภาษีที่ดิน-บ้าน ชี้รัฐอาจไม่ได้แก้ความเหลื่อมล้ำ ติงเป็นแนวคิดทุนนิยม ผู้คนที่อาศัยอยู่นานก่อนมูลค่าบ้านขึ้นต้องรับภาระ บีบประชาชนย้ายออก วอนทบทวน
วันนี้ (10 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเป็นห่วงต่อหลักการในร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เพราะในสมัยที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรีมีหลักการชัดเจนว่าเป้าหมายคือการใช้กฎหมายดังกล่าวเป็นเครื่องมือลดความเหลื่อมล้ำด้านทรัพย์สิน โดยมีการกำหนดชัดเจนถึงรายได้ว่า นอกจากมอบให้ท้องถิ่นแล้วจะต้องจัดสรรบางส่วนไปไว้ในธนาคารที่ดินเพื่อจัดทำโฉนดชุมชน แก้ปัญหาเรื่องที่ทำกินให้แก่ประชาชนควบคู่ไปด้วย
อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แต่ข่าวที่ออกมาในขณะนี้ทำให้มีความเป็นห่วงว่ารัฐบาลขาดความชัดเจนหลายเรื่อง เช่น ธนาคารที่ดิน โฉนดชุมชน จะยังดำเนินการหรือไม่ จะใช้เงินที่ได้มาแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้ประชาชนหรือเปล่า รวมถึงกรณีที่ในร่างเดิมของรัฐบาลตนได้กำหนดให้มีการปรับกรณีสะสมที่ดินรกร้างว่างเปล่า โดยยกเว้นที่อยู่อาศัยกับการประกอบกิจการทางการเกษตรตามความเหมาะสมเพราะจะเป็นภาระต่อประชาชนและไม่ตรงเป้าหมายที่ต้องการแก้ปัญหาเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ เนื่องจากการอยู่อาศัยนั้นประชาชนอาจอยู่มาก่อนในขณะที่ราคาที่ดินไม่สูง แต่ต่อมาบ้านเมืองพัฒนามากขึ้นทำให้ราคาที่ดินสูงมูลค่าบ้านจึงสูงตามไปด้วย ทั้งๆ ที่ประชาชนเหล่านั้นอาจไม่ใช่คนรวยแต่กลับต้องรับภาระโดยไม่เป็นธรรม
“แนวคิดที่กระทรวงการคลังกำหนดว่าจะคิดภาษีจากมูลค่าทรัพย์สินและที่ดินจึงเป็นการคิดแบบทุนนิยม ไม่ตรงเป้าหมายเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ อีกทั้งยังอาจเกิดปัญหาทางอ้อม กลายเป็นการบีบให้ประชาชนที่ไม่ใช่คนรวยแต่อยู่อาศัยในพื้นที่ที่มีราคาต้องย้ายจากที่อยู่อาศัยของตัวเอง เนื่องจากไม่สามารถรับภาระที่จะเกิดขึ้นได้ จึงอยากให้รัฐบาลทบทวนหลักคิดและกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและอย่าเปลี่ยนแปลงหลักคิดที่จะใช้กฎหมายดังกล่าวเป็นเครื่องมือลดความเหลื่อมล้ำ ถ้ายังเดินหน้าเช่นนี้ก็เท่ากับทำผิดเป้าหมาย ซึ่งตนจะติดตามรายละเอียดในเนื้อหาของร่างกฎหมายนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป”