ที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ มีมติ 206 ต่อ 1 เสียง รับหลักการรายงานการปฏิรูประบบเพื่อสร้างเสริมชุมชนเข้มแข็ง เน้นพัฒนากระบวนการประชาธิปไตยทางตรงและชุมชน ให้ชุมชนจัดการตนเองร่วมกับภาครัฐ และทุกภาคส่วน พร้อมรับความเห็นและข้อเสนอแนะของสมาชิกที่ได้อภิปรายส่งกลับคณะ กมธ. เพื่อพิจารณาอีกครั้ง
วันนี้ (23 ก.พ.) ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่มี นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ ทำหน้าที่ประธานการประชุมเพื่อพิจารณารายงานการปฏิรูประบบเพื่อสร้างเสริมชุมชนเข้มแข็งของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ปฏิรูปด้านสังคม ชุมชน เด็กเยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส สปช. โดย นพ.อำพล จินดาวัฒนะ ประธานคณะ กมธ. กล่าวนำเสนอหลักการว่า คณะ กมธ. ได้ตั้งคณะอนุ กมธ. ปฏิรูประบบที่เกี่ยวข้องกับชุมชนท้องถิ่นและสังคมขึ้นมาหนึ่งชุด เพื่อทำหน้าที่ทบทวนเอกสารและรวบรวมข้อเสนอแนะจากหน่วยงานและเครือข่ายทุกภาคส่วนที่เสนอต่อคณะกรรมาธิการปฏิรูปสังคมฯ พร้อมทั้งได้ยกร่างกรอบแนวคิดเบื้องต้นเสนอต่อคณะกรรมาธิการปฏิรูปสังคมฯ นอกจากนี้ ยังได้จัดเวทีสัญจรเพื่อให้ผู้แทนทุกภาคส่วนให้ความเห็นต่อทิศทางปฏิรูป โดยเป็นการทำงานร่วมกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานประสานการพัฒนาสังคมสุขภาวะ (สปพส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ โดยมีองค์กรภาคประชาชนเข้าร่วมกว่า 10 เครือข่าย
นพ.อำพล กล่าวต่อว่า รายงานฉบับดังกล่าวได้เสนอแนวทางการปฏิรูปเพื่อสร้างเสริมชุมชนเข้มแข็ง แบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ 4 ประการ โดยพัฒนากระบวนการประชาธิปไตยทางตรงและประชาธิปไตยชุมชน ทำให้ชุมชนมีสิทธิชุมชนและมีความเป็นเจ้าของ และสามารถจัดการตนเองร่วมกับภาครัฐและทุกภาคส่วนในสังคมได้ รวมทั้งทำให้ชุมชนสามารถจัดการทุนชุมชนโดยชุมชน ในเรื่องทรัพยากรวัฒนธรรม ทุนทางปัญญา เช่น การผลักดัน พ.ร.บ. ธนาคารที่ดิน เพื่อดำเนินการสนับสนุนด้านการเงินให้กับเกษตรกรเพื่อป้องกันที่ดินหลุดมือ และเพื่อการจัดหาที่ดินให้เกษตรกรได้ใช้ประโยชน์ เป็นต้น พร้อมสร้างหลักประกันทางสังคมที่เท่าเทียมให้กับชุมชนในด้านสวัสดิการชุมชน และชุมชนมีส่วนร่วมจัดบริการสาธารณะ ควบคู่กับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจชุมชนให้มีฐานรากเข้มแข็งและยั่งยืน ที่ผ่านมา ไม่มีกลไกในการแก้ปัญหาอย่างแท้จริง ดังนั้น ปัจจัยที่จะทำให้ชุมชนเข้มแข็งคือต้องคืนอำนาจ สิทธิในการจัดการเพื่อให้ชุมชนสามารถจัดการตนเองได้ พร้อมทั้งเพิ่มอำนาจให้ชุมชน ลดอำนาจรัฐ โดยรัฐต้องมีหน้าที่สนับสนุน ปกป้องคุ้มครอง เสริมสร้างพลังให้กับชุมชน เพื่อให้ชุมชนพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งผลักดันเสาหลักในชุมชน ทั้งงบประมาณ สวัสดิการสังคม หลักการประกันทางเศรษฐกิจ สังคม และด้านอื่นๆ
ทั้งนี้ การอภิปรายของสมาชิก สปช. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยส่วนใหญ่อภิปรายสนับสนุนรายงานดังกล่าว เนื่องจากจะทำให้โครงสร้างของประเทศมีความมั่นคงและยั่งยืนเมื่อชุมชนมีความเข้มแข็ง พร้อมมีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ โดย นพ.พรพันธุ์ บุญยรัตพันธุ์ ได้อภิปรายว่า ไม่ควรแยกสถาบันพัฒนาชุมชนเป็นหลายหน่วยงานย่อย แต่ควรรวมสถาบันชุมชนเป็นหน่วยเดียวเพื่อให้มีศักยภาพในการพัฒนาชุมชน ขณะที่ นายจำลอง โพธิ์สุข กล่าวว่า สิ่งสำคัญต่อการพัฒนาชุมชน คือ การเข้าถึงและสามารถใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกัน ดังนั้น ต้องมีระบบการจัดการตนเองของชุมชน การมีผังชุมชนโดยชุมชนมีส่วนร่วมในการออกแบบ รวมถึงให้ชุมชนมีส่วนในการแก้กฎหมายอย่างแท้จริง ซึ่งภายหลังจากอภิปรายร่วม 6 ชั่วโมง ที่ประชุมมีมติรับหลักการรายงานดังกล่าว ด้วยคะแนน 206 ต่อ 1 งดออกเสียง 4 เสียง พร้อมมีมติเป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนน 211 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง รับความเห็นและข้อเสนอแนะของสมาชิกที่ได้อภิปรายจำนวน 31 คน ส่งให้กลับคณะ กมธ. เพื่อพิจารณาอีกครั้ง ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติพิจารณาอีกครั้งในอีก 3 เดือน