“สุริยะใส” หนุนสภาขับเคลื่อนฯ-คกก.ยุทธศาสตร์ปฏิรูปฯ เพื่อความต่อเนื่อง แต่ติงสัดส่วน สปช.-สนช.ต้องไม่มากเกินไปเน้นยึดโยงสังคม ถามกลับพรรคการเมืองที่ค้านทำอะไรเพื่อปฏิรูปกันบ้าง
วันนี้ (8 มี.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา อาจารย์วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) เผยว่า โดยหลักการแล้ว ตนเห็นด้วยและคิดว่ามีความจำเป็นจะต้องกำหนดกลไกไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อสร้างความต่อเนื่องของกระบวนการปฏิรูปประเทศ ไม่ให้ขาดช่วงหรือถูกเว้นวรรคเพียงเพราะการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลเหมือนที่ผ่านๆ มา ข้อเสนอของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญให้มีสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและคณะกรรมยุทธศาตร์การปฏิรูปแห่งชาตินั้นเป็นข้อเสนอที่สังคมควรพิจารณาเพื่อให้กระบวนการปฏิรูปมีลมหายใจที่ยืนยาว และไม่ถูกบิดเบือน
นายสุริยะใสเผยต่อว่า หลักการนี้เป็นทั้งหัวใจและเป็นหลักการสำคัญของการเขียนรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะการปฏิรูปไม่สามารถทำได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ต้องทำตลอดเวลาและมีความต่อเนื่องมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจน เพียงแต่ที่มาของกลไกทั้งสองกลไกนี้จะต้องยึดโยงกับสังคมวงกว้างและมีที่มาที่หลากหลายกว่านี้ สัดส่วนของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กับสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) รวมกันไม่ควรเกินกึ่งหนึ่ง เพราะอาจกลายเป็นจุดอ่อนให้ถูกโจมตีว่าสืบทอดอำนาจ เหมือนที่กำลังมีการตั้งข้อสังเกตของหลายฝ่ายอยู่ในขณะนี้ และอำนาจหน้าที่ต้องไม่ซ้ำซ้อนกับ ส.ส.และ ส.ว. ควรกำหนดเขตอำนาจหน้าที่ให้ชัดกว่านี้ มีความเป็นอิสระจากการเมือง ถูกกำกับดูแลและควบคุมตรวจสอบโดยสังคม ไม่ใช่เป็นสภาของนักการเมืองสอบตก หรือเป็นสุสานข้าราชการประจำที่เกษียณอายุ
นายสุริยะใสเผยต่อว่า ปัญหาใหญ่ที่ทำให้การปฏิรูปล้มลุกคลุกคลานมาตลอดเพราะรัฐบาลที่ผ่านมาไม่จริงจัง คิดแต่นโยบายเพื่อชิงความได้เปรียบทางการเมือง วิสัยทัศน์ปฏิรูปแม้มีอยู่บ้างแต่ก็ขาดแรงสนับสนุน ขาดกลไกรองรับ ทำกันตามกระแสเท่านั้น เหมือนกรณีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศที่มีอดีตนายกฯ อานันท์ ปันยารชุน กับ ศ.นพ.ประเวศ วะสี เป็นประธาน ก็ไม่มีฝ่ายการเมืองหรือรัฐบาลใดรับข้อเสนอไปทำเป็นเรื่องเป็นราว บรรดานักการเมืองที่ออกมาค้านเรื่องนี้ก็ต้องตอบสังคมเหมือนกันว่าในยุคที่ตนเองมีอำนาจเป็นรัฐบาลได้ปฏิรูปอะไรกันบ้าง กฎหมายดีๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมีบ้างหรือไม่ กฎหมายลูกที่ต้องออกตามรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของประชาชนก็ถูกดองไว้จนประชาชนเสียโอกาส ที่เห็นกันก็มีแต่จะแก้จะรื้อรัฐธรรมนูญเพื่อตัวเองทั้งนั้น