xs
xsm
sm
md
lg

รุมชยันโต รธน.“ฉบับปื๊ด” “บิ๊กตู่” นิ่งเสียตำลึงทอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

บวรศักดิ์ อุวรรณโณ
รายงานการเมือง

โดนล่อเป้าติดๆ กันหลายสัปดาห์ สำหรับ 36 อรหันต์ทองคำ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ชุด “ดร.ปื๊ด” บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นหัวโจก

โดยเฉพาะ “บทสวดชยันโต” จากพรรคการเมืองที่กฐินสามัคคีกันกระทุ้งโดยมิได้นัดหมาย หลังเนื้อหาหลายอย่างเข้าไปกระทบกระแทกเข้าอย่างจัง ทำให้เสียงค้านเกิดขึ้นอย่างระงม แม้แต่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สมาชิกปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) บางคนยังกระโดดแจม

เซียนหลายสำนักถึงขั้นฟันธงว่า เนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ต่างอะไรจากการถอยหลังลงคลอง กลับไปสู่ยุคดึกดำบรรพ์อีกครั้ง โอกาสแท้งมีสูงมาก หาก 36 อรหันต์ทองคำยังจับหลักของตัวเองแน่น ไม่ออกมาฟังลม ฟ้า อากาศข้างนอก

แม้แต่ “เนติบริกร” วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะซือแป๋กฎหมายประจำทำเนียบรัฐบาล ยังยอมรับว่า มีความรู้สึกนึกคิดกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่ขอทำหน้าที่คอมเมนเตเตอร์ เพราะกลัวความเห็นแย้งจะลุกลามบานปลายไปกว่าเก่า

เอากันตามเนื้อผ้า หลายคนเชื่อว่า รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวจะไปไม่ถึงฝั่งฝัน จอดไม่ต้องแจวกลางคัน ด้วยแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่หลายส่วนดูระส่ำระส่าย แต่ดูเหมือน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รวมถึงผู้มากบารมีในรัฐบาล กลับไม่ได้ไหวติงไปกับความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น

หนำซ้ำยังตีบทนิ่งอยู่ในที่ตั้ง เหมือนไม่มีอะไร

น่าสนใจต่อท่าทีดังกล่าว เพราะในแง่ความมั่นคง เนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวอาจเป็นเชื้อไฟอย่างดีให้ฝ่ายตรงข้ามที่จ้องขย่มรัฐบาล นำไปตีกินเพื่อปลุกระดมมวลชนให้ออกมาต่อต้านได้ โดยเฉพาะสาระสำคัญที่เรียกว่า สร้างขึ้นมาเพื่อปิดกั้นคนจากฝั่งพรรคเพื่อไทยอย่างเจาะจง

ทั้งการป้องกันนักการเมืองที่เคยต้องคำพิพากษา หรือทำให้การเรื่องตั้งไม่สุจริต ซึ่งบุคคลที่อยู่ในข่ายจำนวนมากเป็นนักการเมืองฝ่ายแดง โดยเฉพาะ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จ่อคิวโดนเชือดอยู่ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

การกำหนดให้ปลัดกระทรวงรักษาการแทนนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี หลังจากมีการประกาศยุบสภา หรือแม้แต่การกำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สามารถเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปได้หากเห็นว่า เกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือในบางเขตที่มีปัญหา ซึ่งเรียกว่า สองกรณีนี้ ลอกบทเรียนเลือกตั้งโมฆะ 2 ก.พ. 57 มาทั้งยวง

รวมทั้งการใช้สูตรเลือกตั้งผสมแบบเยอรมัน ที่หวังจะสะบั้นการผูกขาดของสองพรรคใหญ่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ไม่ให้กินรวบในสภา โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่มักชนะแบบไม่เห็นฝุ่น โดยมีพรรคขนาดกลางและพรรคขนาดเล็กเข้ามามีอำนาจต่อรองมากขึ้นในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล หมดสิทธิ์ลอยลำมีอำนาจแต่เพียงผู้เดียว

หลายปมเห็นชัดว่า กมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญของ “ดร.ปื๊ด” กำลังตามเช็ดสิ่งที่ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” เคยทำเอาไว้ โดยการอุดช่องโหว่มากกว่าการสร้างภูมิคุ้มกันอันใหม่

จะว่าไปการที่ “บิ๊กตู่” และขุมข่ายอำนาจไม่สะทกสะท้านกับก้อนอิฐที่ถูกเขวี้ยงใส่ ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะ “กับดัก” ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่เขียนทางหนีไฟเอาไว้ให้ตัวเอง โดยเฉพาะกรณีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว

“บิ๊กตู่” ไม่จำเป็นต้องอกสั่นขวัญแขวน กลับกันมีแต่พรรคการเมืองที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนออกมาฟาดงวงฟาดงา เพราะการลงมืออย่างใดอย่างหนึ่งอาจเป็นการต่ออายุให้รัฐบาลชุดนี้มีอำนาจยาวนานกว่าโรดแมปที่วางเอาไว้ได้โดยไม่รู้ตัว

ยิ่งมีเสียงคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เท่าไหร่ ยิ่งมีการเรียกร้องให้คว่ำร่างรัฐธรรมนูญเท่าไหร่ ผลดีจะไปตกอยู่ที่รัฐบาลทั้งหมด เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวกำหนดเอาไว้ชัด หาก สปช. ลงมติไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญ จะส่งผลให้กระบวนการยกร่างทั้งหมดแท้งทันที

ไม่ใช่แค่ กมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 36 คนจะต้องพ้นสภาพไปโดยอัตโนมัติ แต่รวมถึงสมาชิก สปช.ทั้งหมดจะต้องแยกย้ายกลับบ้านไปทำมาหากินอย่างอื่น กระบวนการทุกอย่างจะกลับไปเริ่มนับหนึ่งคือ สรรหาสมาชิก สปช. 250 คนกันใหม่ จากนั้นต้องมานั่งสรรหา กมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญชุดใหม่ขึ้นมาอีก ใช้เวลาเป็นเดือนๆ

เมื่อได้ กมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญ จะต้องยกร่างกันใหม่อีกหลายเดือน กว่าจะเสร็จเป็นปีๆ ในขณะที่ “รัฐบาลบิ๊กตู่” ถูกไฟต์บังคับให้จำเป็นต้องอยู่จนภารกิจเสร็จ

“รัฐบาลบิ๊กตู่” มีแต่ได้กับได้ เพราะมีคนต่อเวลาให้อยู่อีกร่วมปีเศษ มีเวลาได้แก้ปัญหาที่ยังคาราคาซัง โดยไม่น่าเกลียด ในเมื่อประชาชนเป็นคนตัดสินเอง

มีแต่ “ดร.ปื๊ด” นั่นแหละที่น่าหนักอกหนักใจ เพราะหมายมั่นปั้นมือกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้เอาไว้ให้เป็นเกียรติยศศักดิ์ศรี หากถูกคว่ำลง ถือว่า เสียงรังวัดนักกฎหมายลำดับต้นๆ ของประเทศ รวมถึงบรรดากมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญคนอื่นๆ ที่อาจรู้สึกไม่คุ้ม เนื่องด้วยถูกตัดสิทธิ์ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองภายในระยะเวลา 2 ปีไปแล้ว แถมงานที่ได้รับมอบหมายยังไปไม่ถึงขอบฟ้า

“บิ๊กตู่” จึงไม่จำเป็นต้องกระโดดโลดเต้นเป็นลิงเป็นค่างกับเสียงท้วงติงดังกล่าว มีแต่พรรคการเมืองและนักการเมืองเท่านั้นที่ถูกบีบให้เลือกคือ หากไม่เอาร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เท่ากับเป็นการต่อเวลาพิเศษให้รัฐบาลทหารอยู่ยาวออกไปอีกเป็นปีๆ ซึ่งนักการเมืองอาชีพคงไม่ปลื้มเท่าไหร่นัก เพราะอยากเลือกตั้งใจแทบขาด และอยากให้รัฐบาลนี้ไปพ้นๆ เสียที

กับอีกทางหนึ่งคือ ยอมรับเนื้อหาที่สุดซอยฉบับนี้แบบจำใจ ต้องก้มหน้าก้มตารับกติกาที่สุดโหด จนนักการเมืองแทบกระดิกทำอะไรไม่ดีไม่งามไม่ได้ แถมยังหมดสิทธิ์แก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราสำคัญ เพราะ กมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญเขียนยันต์กันผีเอาไว้สุดหินไม่ให้ได้แก้กันง่ายๆ

หรือต่อให้มีการเรียกร้องให้ทำประชามติรัฐธรรมนูญโดยอาศัยเสียงประชาชนตัดสิน อย่างน้อยๆ คสช. ต้องใช้เวลาแก้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเพื่อเปิดช่องตรงนี้อีกพักนึง

พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามก็ต้องคิดอีกว่า หากรณรงค์ให้ประชาชนไม่รับรัฐธรรมนูญเผด็จการฉบับนี้ เท่ากับเป็นการต่อเวลาพิเศษให้รัฐบาลเช่นเดียวกัน หรือประชาชนรับ พรรคการเมืองก็ต้องจำรับยัดเยียดเนื้อหาสุดลิ่มดังกล่าวไป

รัฐบาลอยู่ในชัยภูมิที่ได้เปรียบ ตาม “กับดัก” ที่สร้างเอาไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว สามารถกำหนดเกม และกำหนดอายุตัวเองได้

อย่างในชั้นโหวตเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบใน สปช. หลังจากมีการเสนอญัตติแก้เนื้อหากันเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว หากรัฐบาลนึกคึกอยากอยู่ต่อ ในฐานะผู้ให้กำเนิดแม่น้ำ 5 สาย ยังสามารถสั่งได้ว่า จะให้ทีมงานคว่ำหรือไม่คว่ำ

เห็นกันชัดๆ ว่า ทุนหน้าตักใครเหนือกว่ากัน!!
กำลังโหลดความคิดเห็น