สยบข่าวลือ “หม่อมอุ๋ย” ยืนยันนายกฯ ไม่เคยพูดเรื่องปรับ ครม.3 กระทรวงเศรษฐกิจ เอามืออาชีพมางานแทน “อำนวย” เชื่อนายกฯ พอใจผลงาน ไม่เครียดแม้ถูกปรับ ส่วนข่าวลือ 4 รัฐมนตรีทหารไขก๊อกนั่ง รมต.อย่างเดียวอีกรอบ เผย “ประยุทธ์” ไม่เรียกถาม “ผบ.สูงสุด” แจงปรับรัฐมนตรีทหารตำแหน่งหลักออก หรือไม่ เป็นอำนาจรัฐบาล-คสช.
วันนี้ (2 มี.ค.) มีรายงานว่า จากข่าวมาสเตอร์โพลออกมาสำรวจว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีช่วยฯ มีรายชื่อรัฐมนตรี ที่สมควรเปลี่ยนแปลง รวมทั้งมีกระแสข่าวว่าอาจถูกปรับออกจากตำแหน่งเนื่องจากแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำไม่สำเร็จ รวมถึงถึงกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เตรียมปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) 3 กระทรวงที่เกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ในเดือน มี.ค.นี้
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่มีเรื่องนี้ และตนไม่เคยได้ยิน เพราะถ้ามีเรื่องนี้จริงตนคงต้องรู้เรื่องก่อน เมื่อถามว่ากรณีที่อาจปรับ ครม.ในส่วนของตำแหน่ง รมว.และ รมช.เกษตรฯ นั้นเป็นเพราะผลงานในการแก้ปัญหาราคาพืชผลการเกษตร โดยเฉพาะยางพาราไม่ประสบผลสำเร็จใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ผลงานของทุกคนดีหมด และเป็นที่ยอมรับว่าทำได้แค่ไหน อย่างไร ทั้งนี้ตนยืนยันว่าไม่เคยมีการพูดคุย หรือแตะเรื่องการปรับ ครม.
ส่วนกรณีนี้นายกรัฐมนตรีเคยหารือเป็นการภายในหรือไม่ว่าควรจะปรับ ครม.ในช่วงไหนอย่างไร ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวปฏิเสธว่าไม่มี นายกรัฐมนตรีไม่เคยพูดเลย มีแต่สื่อมวลชนพูดกันเอง เมื่อถามต่อว่านายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรฯ และนายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรฯ ได้เคยพูดถึงปัญหาอุปสรรคในการทำงานแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรหรือไม่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า รัฐมนตรีทั้งสองคนทำงานอย่างเต็มที่ แม้จะมีสิ่งที่ทำให้ติดขัดอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีปัญหา
ด้านนายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรฯ ในฐานะกำกับดูแลปัญหายางพาราทั้งระบบ กล่าวปฏิเสธไม่ทราบเรื่องนี้ และยืนยันว่าการแก้ไขปัญหายางพาราเป็นมติ ครม.ออกมาก่อน ที่ได้ออกแนวทางมา 16 มาตรการ ในช่วง 3 เดือนหลังตั้งแต่ตนเข้ามาเป็นรัฐมนตรียังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจาก 16 มาตรการเดิมซึ่งตั้งราคาเป้าหมายที่ 60 บาท ขณะนี้ราคายางแผ่นรมควันชั้นสามขึ้นไปต่อเนื่องตามกลไกและราคาตลาดโลก
“เป็นเรื่องปกติที่ทุกรัฐบาลไม่สามารถมาแก้ไขปัญหาได้ภายในปีเดียวจบทุกอย่าง อยากให้ประชาชนเข้าใจมาตรการต่างๆ กว่าจะห็นผลเป็นรูปธรรมต้องใช้เวลา และตอนนี้ภาวะราคาสินค้าเกษตรตกต่ำเกิดขึ้นทั่วโลก ทุกประเทศเร่งแก้ไขและใช้ตำราเศรษฐศาสตร์ไม่ต่างกัน ส่วนตัวตึงไม่กังวลจะถูกปรับออกหรือไม่ ผมไม่เคยเครียด เพราะต้องดูตัวเองก่อน ถ้าทำเต็มที่แล้วหน้าที่เราก็จบแล้ว อย่าไปฝืน”
นายอำนวยกล่าวต่อว่า แม้แต่โพลบางแห่งให้คะแนนกระทรวงเกษตรฯ อันดับสอง รองจากกระทรวงกลาโหม บางสำนักให้อันดับสุดท้าย
มีรายงานว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ได้หารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม รวมทั้งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยประเมินการทำงานทุกกระทรวงตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา พบว่ายังล่าช้า การทำงานขาดการบูรณาการร่วมกัน โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ จึงจำเป็นต้องหามืออาชีพในด้านเศรษฐกิจมหภาคมาช่วยทำงานเพื่อเสริมเสถีรยภาพรัฐบาลมากกว่าที่ผ่านมาที่แค่ประคองตัวเท่านั้น ในเบื้องต้นสรุปว่าจะมีการปรับ ครม.บางตำแหน่งช่วงเดือน มี.ค.นี้ โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่แก้ปัญหาเกษตรกรไม่เห็นผลเป็นรูปธรรม อีกทั้งผลโพลยังออกมาชัดเจนว่าเป็นกระทรวงที่สมควรปรับเปลี่ยนมากที่สุด นอกจากนั้นยังมีแนวโน้มที่จะมีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลังด้วย
อีกด้าน พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวภายหลังเป็นประธานในการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพว่า ในที่ประชุมไม่ได้มีการหารือถึงการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำเดือนเมษายน 2558 เพราะการปรับย้ายเป็นเรื่องนอกวาระ ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เชิญ ผบ.เหล่าทัพ ไปมอบนโยบายและแนวทางไว้เรียบร้อยแล้วเพื่อให้เหล่าทัพไปดำเนินการ โดยยึดความอาวุโส ความรู้ความสามารถตามระเบียบที่มีไว้
ส่วนกรณีที่มีทหารไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้จะมีการปรับออกจากตำแหน่งหลักหรือไม่ พล.อ.วรพงษ์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้มีการพูดถึง ถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลและ คสช.ที่จะพิจารณา แต่เรื่องนี้ไม่มีกฏกติกาห้ามไว้ แต่ตนคิดว่าการปรับย้ายจะดูที่ผลงานมากกว่าว่าใครจะอยู่หรือจะไป คงไม่ดูว่าบุคคลนั้นเป็นใคร
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ถือเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ พล.อ.วรพงษ์กล่าวว่า ตนไม่มีความคิดเห็นในเรื่องนี้ เพราะอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบ ซึ่งตำแหน่งตนยังสูงไม่พอ
รายงานข่าวระบุว่า มีกระแสข่าวลือออกมากดดัน 4 รัฐมนตรีทหารอีกครั้ง หลังเมื่อต้นเดือนมกราคม 2558 กรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมายืนยันว่าเป็นข่าวจริง ไม่ใช่ข่าวลือ เกี่ยวกับกระแสข่าวการขอให้ 3 นายทหารระดับสูง คือ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รอง ผบ.ทบ. และรมว.พาณิชย์, พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รอง ผบ.สส.และรมว.ยุติธรรม และพล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสธประจำกองบัญชาการและ รมช.ศึกษาธิการ ลาออกจากตำแหน่งในกองทัพก่อนเกษียณอายุราชการในเดือน ต.ค. เพื่อให้ไปทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีเพียงอย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวครั้งนี้ระบุว่าจะมีการย้ายรัฐมนตรีทหารบางคนในจำนวน 4 คนที่ยังไม่เกษียณออกจากตำแหน่งหลัก โดยเปิดตำแหน่งเฉพาะตัวให้ทั้ง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รอง ผบ.ทบ.ในฐานะ รมว.พาณิชย์, พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รองผบ.สส. ในฐานะ รมว.ยุติธรรม, พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชากองทัพบก ในฐานะ รมช.ศึกษาธิการ และ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. ในฐานะ รมช.กลาโหม ที่มีอายุราชการถึงเดือน ก.ย. 2558 นี้ ขณะเดียวกันมีการยืนยันว่านายกฯ และ รมว.กลาโหม ไม่ได้สั่งให้มีการย้ายใดๆ ใน 4 รัฐมนตรีทหาร โดยรายชื่อโยกย้ายจะส่งให้ รมว.กลาโหมกลางเดือน มี.ค.เพื่อเร่งส่งให้นายกรัฐมนตรีทูลเกล้าฯ ถวาย และโปรดเกล้าฯ ภายใน 1 เมย. 2558
