แหล่งข่าวเผยเงินบริจาค “ธัมมชโย” พ่นพิษ ชี้หลักฐานโยงถึงเอาผิดได้ พร้อมระบุเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีมีอำนาจชี้ขาดปาราชิก ไม่ใช่มหาเถรสมาคม ด้านเครือข่ายมหาวิทยาลัยฯ ยื่นผู้ตรวจฯ ตรวจสอบมหาเถรสมาคม กรณีไม่เอาผิด ด้าน เลขาฯ ผู้ตรวจ ชี้ต้องตรวจสอบข้อมูล ระบุหากไม่อยู่ในอำนาจก็จะส่งไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
วันนี้ (25 ก.พ.) แหล่งข่าวเปิดเผยถึงปัญหาความขัดแย้งในแวดวงศาสนาอันเนื่องมาจากกรณีของพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่า เรื่องนี้ต้องแยกคดีเกี่ยวกับการสั่งจ่ายเช็คเพื่อบริจาคเงินและกรณีของการปาราชิกออกจากกัน ซึ่งในทางคดีนั้น วันที่ 16 มี.ค. นี้ ทางศาลแพ่งจะมีการนัดไกล่เกลี่ยคดี ซึ่งก็ต้องรอผลการไกล่เกลี่ยของศาลก่อน ทั้งนี้หากพบหลักฐานชัดเจนว่ามีการโอนเงินในการบริจาคให้กับพระธัมมชโย ก็จะส่งผลทำให้เรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของมหาเถรสมาคม แต่ทั้งนี้ก็จะต้องมีผู้ร้องด้วย
“เรื่องการปาราชิกหรือไม่นั้น ตามข้อเท็จจริงและตามขั้นตอนแล้วผู้ที่จะมีอำนาจในการดำเนินการก็คือ พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ที่ผ่านมาหลายคนมองข้ามไป โดยมุ่งไปที่มหาเถรสมาคม แต่แท้จริงแล้วอำนาจที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่มหาเถรสมาคม แต่อยู่ที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี”
แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า ในส่วนของเช็คที่ทางสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนสั่งจ่ายให้พระธัมมชโยนั้น แม้ว่าเช็คนั้นมีการโอนไปยังมูลนิธิแล้ว ไม่ได้เจาะจงถึงตัวพระธัมมชโย แต่ถ้าเมื่อใดมีหลักฐานที่จะโยงไปถึงตัวพระธัมมชโย ก็สามารถเอาผิดได้ ตอนนี้อยากให้ทุกอย่างดำเนินไปตามขั้นตอนก่อน อย่าเพิ่งไปด่วนสรุปว่าเรื่องนี้จะคว้าน้ำเหลวหรืออะไร แต่อยากให้มองที่หลักฐานซึ่งเชื่อว่าจะมีหลักฐานชัดเจนขึ้นมาเรื่อยๆ
อีกด้านหนึ่ง เครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปปท.) นำโดย นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานกรรมการ มปปท. พร้อมด้วยตัวแทนเครือข่าย มปปท. เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดินผ่านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ตรวจสอบกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) กรณีมีมติไม่เอาผิดพระธัมมชโย
นางวิรังรอง กล่าวว่า ตามที่กรรมการมหาเถรสมาคมมีมติไม่เอาผิดพระธัมมชโย ในการประชุมมหาเถรสมาคมเมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา ถือว่ามติดังกล่าวเป็นการขัดต่อพระธรรมวินัยและกฎหมายบ้านเมืองอย่างชัดเจน เนื่องจากโดยพระธรรมวินัยแล้วภิกษุไม่สามารถรับที่ดิน ไร่นา มาเป็นของตนได้ ปรากฎตามพระสุตตันตปิฎก อย่างไรก็ตามขอให้ทางผู้ตรวจฯ ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง หากพบว่ากรรมาการเถรสมาคมและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ได้ดำเนินการโดยถูกต้องตามพระธรรมวินัยและกฎหมาย โดยดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และกระบวนการต่อไป
ด้าน นายรักษเกชา กล่าวว่า ทางผู้ตรวจฯ ต้องมีการพิจารณาก่อนว่าเรื่องดังกล่าว อยู่ในอำนาจหน้าที่หรือไม่ หากอยู่ในอำนาจก็จะดำเนินการตามกระบวนการ แต่หากไม่อยู่ในอำนาจก็จะส่งเรื่องไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาต่อไป