“มาร์ค” เบรก “ประยุทธ์” รอ กมธ.ยกร่างฯ ตีโจทย์ปรองดองให้ชัด ถึงคุยคู่ขัดแย้ง

หัวหน้า ปชป.สะกิด “บิ๊กตู่” ปรองดองเป็นเรื่องของ กมธ.ยกร่างฯ แนะ ตีโจทย์ให้ชัดก่อนปัญหาขัดแย้งเกิดจาก กม.บังคับใช้ไม่ได้ ถึงคุยกับคู่ขัดแย้ง อย่าเพิ่งใช้อำนาจพิเศษ ย้อนแดงมุ่งอภัยโทษมากกว่านิรโทษกรรม เผยห่วงร่าง รธน. เพิ่มอำนาจฝ่ายบริหาร-พรรคการเมืองขัดแย้งกันเอง

วันนี้ (16 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข้อเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พูดคุยกับคู่ขัดแย้ง เช่น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และกับทุกพรรคการเมือง ว่าตนเข้าใจว่าทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มองว่าเรื่องของการปรองดองเป็นเรื่องของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่มีในหมวดการปฏิรูปและเรื่องปรองดอง ดังนั้น การจะดำเนินการอะไรคงต้องฟังข้อเสนอของทาง กมธ.ยกร่างฯ ก่อน ขณะเดียวกัน ในส่วนของ กมธ.ยกร่างฯ ก็ยังไม่มีข้อยุติทั้งหมด จึงอยากให้ กมธ.ยกร่างฯ ตีโจทย์ให้ชัดว่าปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งในลักษณะไหน ปัญหาที่ผ่านมาเป็นเรื่องของการกระทำที่ผิดกฎหมาย หรือไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ ทำให้ไม่เกิดความเชื่อมั่นในทุกฝ่าย เพราะฉะนั้นต้องแก้ตรงนี้ให้ได้ เข้าใจว่าสัปดาห์นี้ กมธ.ยกร่างฯ จะได้ข้อยุติ

เมื่อถามว่า ระยะเวลาในการดำเนินงานของคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติ ที่ต้องใช้เวลาถึง 5 ปี นานเกินไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียด แต่ขึ้นอยู่กับอำนาจหน้าที่และขอบเขตงานที่ทำคืออะไร คิดว่าปมที่เป็นปัญหาความขัดแย้งไม่ได้มีมาก แต่สิ่งที่จำเป็นต้องช่วยกันทำคือ บรรยากาศการทำงานของทุกๆฝ่าย โดยเฉพาะกระบวนการทางการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ให้เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ใช่เอาความรุนแรงมาใช้กัน อย่างไรก็ตาม การที่จะให้นายกรัฐมนตรีมาพูดคุยกับบรรดาแกนนำนั้น คิดว่าคงต้องรอให้กรอบของ กมธ.ยกร่างฯ ชัดก่อนว่ามีข้อเสนออะไร กลไกที่จะมาทำงานเรื่องนี้คืออะไร ใครเป็นผู้ดำเนินการ

ต่อข้อถามว่า แกนนำคนเสื้อแดงจังหวัดอุดรธานีเรียกร้องให้มีการนิรโทษกรรมหรือการปรองดองเกิดขึ้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยากให้ย้อนไปดูว่าปัญหาของโจทย์เรื่องนิรโทษกรรมซึ่งเป็นที่มาของความขัดแย้งครั้งนี้ แต่ที่ฟังขณะนี้มุ่งไปที่เรื่องอภัยโทษมากกว่า เป็นแนวทางที่แตกต่าง ก็ต้องรับฟังว่าจะเป็นอย่างไร

“ผมคิดว่าหัวหน้า คสช.พูดชัดอยู่แล้วว่าต้องการที่จะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอยู่แล้ว ท่านก็ทราบดีอยู่ เพียงแต่การที่จะไปบอกให้ท่านใช้อำนาจพิเศษทันทีทันใดโดยที่ไม่มีความชัดเจนในเชิงกรอบความคิดคงจะไม่ได้และเรื่องนี้มีการมอบหมายให้ กมธ.ยกร่างฯ แล้ว ดังนั้นควรจะรอความชัดเจนจาก กมธ.ยกร่างฯ ก่อนก็จะรอบคอบกว่า”

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่มอบหมายให้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมสัมมนากับ กมธ.ยกร่างฯ ว่ามี 2 ประเด็นที่เราเป็นห่วง คือ 1. การที่โครงสร้างของรัฐธรรมนูญที่เพิ่มอำนาจฝ่ายบริหารน่าจะสวนทางกับสภาพปัญหาที่ผ่านมาที่ฝ่ายบริหารถูกตรวจสอบได้ยาก เพราะมีบทบัญญัติหลายบทที่เพิ่มอำนาจฝ่ายบริหาร และ 2. การทำให้พรรคการเมืองมีความขัดแย้งกันเองหรืออ่อนแอไม่น่าจะเป็นแนวทางที่ถูกต้อง