xs
xsm
sm
md
lg

ปู ต้องพิสูจน์ความจริง ถ้าหนีก็พา “ชินวัตร” สิ้นศรัทธา !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ผ่าประเด็นร้อน

เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจเหมือนกันสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่กำลังเผชิญวิบากกรรมอย่างหนักในเวลานี้ ซึ่งหลายคนก็มองตรงกันว่าเป็น “กรรมที่เธอไม่ได้ก่อ” เสียด้วยซ้ำ แต่ก็อย่างว่าแหละ อีกด้านหนึ่งก็เป็นความสมัครของเธอเองด้วย และที่สำคัญ เป็นเพราะไม่คาดคิดว่าจะมีวันนี้ มีชะตากรรมแบบนี้เกิดขึ้นได้ เพราะในตอนนั้นคงมั่นใจว่าไม่มีทางที่ใครจะมาล้มอำนาจของพวกเขาลงได้

สำหรับคดีความต่างๆ ที่ว่ากันเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวเรื่องเดียว ก็ทำให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องเจอกับชะตากรรมอันเจ็บปวดแทบจะไม่อาจทนทานได้แล้ว เริ่มจากถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดและส่งเรื่องให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ถอดถอน และต่อมาก็ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ขณะเดียวกัน เมื่อ ป.ป.ช. ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดสั่งฟ้องอาญา แม้ว่าในเบื้องต้นจะมีรายการยื้อกันอยู่บ้าง แต่ในที่สุดอัยการสูงสุด ก็มีความเห็นสั่งฟ้อง และมีหนังสือนัดหมายส่งตัวยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เวลา 10.00 น. ซึ่งคดีอาญาแบบนี้มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี ก็ถือว่าไม่ธรรมดา

อย่างไรก็ดี สิ่งที่จะตามมาเป็นพรวน ก็ยังมีคดีแพ่ง ซึ่งล่าสุดทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ส่งหนังสือถึงกระทรวงการคลังเพื่อเรียกค่าเสียทางทางแพ่งจากโครงการรับจำนำข้าว จาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับพวก โดยให้ยึดเอาความเสียหายตามตัวเลขของคณะกรรมการปิดบัญชีโครงการดังกล่าวของกระทรวงการคลัง และหากจำกันได้ตัวเลขความเสียหายคร่างๆ ก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 6 แสนล้านบาท

เพียงเรื่องเดียวแต่โดนเข้ามาสามเด้ง คือ ถูกถอดถอน และตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ถูกฟ้องอาญามีสิทธิ์ติดคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี และถูกฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 6 แสนล้านบาท และเมื่อพิจารณาจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง การทุจริตที่เกิดขึ้นจริง เห็นตัวเลขกันชัดเจน มองในมุมไหนก็ต้อง “โดน” เพียงแต่ว่าจะสามารถหาทางบรรเทาลงมาได้แค่ไหนเท่านั้นเอง

ดังนั้น ก็ต้องถือว่าหนักหนาสาหัสสำหรับเธอ และยิ่งพิจารณาอย่างเข้าใจมาตั้งแต่ต้นว่าเธอ “ถูกเชิด” ลงมาทำให้ยิ่งน่าเห็นใจ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอก็ไม่เคยปฏิเสธ ตรงกันข้ามกลับมีความชื่นชมยินดีกับตำแหน่งทางการเมืองที่ได้รับ ทำให้มีหน้ามีตา มีบทบาทในทางสังคมสูงเด่นขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำลังจะสรุปความผิดเกี่ยวกับคดี “ทัวร์นกขมิ้น” ที่เกี่ยวกับการใช้ตำแหน่งหน้าที่ หรืออุปกรณ์ของทางราชการใช้ในการหาเสียง เอาเปรียบคนอื่น ผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่ง กกต. ได้เตรียมนัดชี้ขาดในอีกไม่นานนี้

นั่นเป็นคดีความมากมายที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังเผชิญ แต่อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสินชี้ขาด หรือมีคำพิพากษาออกมาว่ามีความผิด ก็ต้องถือว่าเธอยังไม่ผิด ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ขณะเดียวกัน จำเป็นอย่างยิ่งก็คือ “เธอต้องพิสูจน์” ข้อกล่าวหาที่ว่าเธอทำผิดนั้นต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า “ไม่ผิด” ซึ่งก็ต้องพิสูจน์กันให้ได้ใน “ศาลยุติธรรม” แม้ว่าที่ผ่านมาพวกเธอจะแสดงท่าทีไม่ยอมรับ ป.ป.ช. ไม่ยอมรับ กกต. หรือแม้แต่ไม่ยอมรับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่ยอมรับรัฐบาล แต่ก็ต้องยอมรับศาลยุติธรรมในประเทศนี้

ก่อนหน้านี้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และบรรดาคนในเครือข่ายที่สนับสนุนเธอ ต่างออกมาพูดในเชิงหลักการสวยงาม ว่า “จะสู้คดีไม่หนีและจะยอมตายคาประชาธิปไตย” ว่ากันถึงขั้นนั้นเลยทีเดียว แต่ขณะเดียวกัน กระบวนการเคลื่อนไหวหลังจากทราบว่าอัยการสูงสุดชี้ขาดว่าต้องส่งฟ้องคดีอาญาโครงการรับจำนำข้าวในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่ และ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 และความผิดตาม พ.ร.บ.ปปช. 2545 มาตรา 123/1 ที่มีโทษสูง กลับได้เห็นความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติออกมาทันที เริ่มตั้งแต่การขออนุญาตออกนอกประเทศ การร่นเวลาในการไปทำบุญให้กับบรรพบุรุษที่เชียงใหม่เร็วกว่าปกติ เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ ที่มักจะทำในช่วงเดือนเมษายน พร้อมๆ กับรายงานเรื่องการทำเรื่องขอลี้ภัยในสถานทูต หรือสถานกงสุลสหรัฐฯ เป็นต้น ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวล้วนทำให้เข้าใจได้ว่า ยิ่งลักษณ์ พยายามคิดหนี

อย่างไรก็ดี ด้วยศักยภาพของเครือข่ายของคนพวกนี้ที่มีอยู่รอบตัวทั้งในและต่างประเทศ หากจะหนีคดีก็เชื่อว่าคงสามารถหนีได้ จะอ้างว่าถูกรังแก ถูกคุกคามไม่ได้รับความเป็นธรรม มันก็อ้างได้ ส่วนจะมีคนเชื่อถือหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่สังคมต้องการเห็น ก็คือ ต้องการให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาพิสูจน์ความจริงในศาล นำหลักฐานมาโต้แย้งข้อกล่าวหาว่าไม่จริงอย่างไรต่างหาก ดังนั้น หากหนี ก็คงจะหนีได้ แต่ความเชื่อมั่นศรัทธาที่มีต่อตัวเธอและครอบครัวชินวัตรก็จะดำดิ่งทันที เพราะนี่ไม่ใช่การกลั่นแกล้ง แต่เป็นเรื่องของการพิสูจน์ว่า “ผิดจริง” หรือไม่ต่างหาก !!
กำลังโหลดความคิดเห็น