xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.ทบ.รับต้องรอบคอบคดี “ปู” 11 ก.พ.มีคิวแจง ผช.ทูตทหาร แย้มมีข่าวดีคดี ม.112

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก(แฟ้มภาพ)
“อุดมเดช” แจงรับนโยบาย “ประยุทธ์” คสช.ต้องรอบคอบคดี “ยิ่งลักษณ์” สิ่งใดมีผลคดีต้องชะลอ ชี้ห้ามไปนอกเหมาะแล้ว พร้อมแจงทำความเข้าใจ ผช.ทูตทหาร 11 ก.พ. ลั่นไม่จำเป็นต้องแจงเชิญปรับทัศนคติ ย้อนมีป่วนอีกใครจะร่วมรับผิดชอบ ต้องช่วยตัวเอง ยันไม่ละเมิดสิทธิฯ แย้มมีข่าวดีคดีแถลงการณ์ปลอม รับคืบไปมาก รวมถึงคดีเครือข่ายบรรพต



วันนี้ (9 ก.พ.) ที่อาคารรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีที่ คสช.ไม่อนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางออกนอกประเทศว่า การดำเนินการของ คสช. ตนในฐานะเลขาธิการ คสช. รับนโยบายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ว่าในเรื่องการปฏิบัติต่างๆ ทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการอย่างระมัดระวัง และทราบดีว่าเรื่องดังกล่าวนี้คนไทยให้ความสนใจ แต่จะต้องอยู่ในกระบวนการตามกฎหมายที่ คสช.ต้องมีความรอบคอบและนำข้อมูลส่งไปให้หัวหน้า คสช.ตัดสินใจ โดยมีการรับข้อมูลจากส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย รวมทั้งที่ผ่านมามีการปรึกษาหารือร่วมกัน

“ผมขอย้ำว่าเรื่องนี้ คสช.ดำเนินการอย่างรอบคอบ และคสช.เองก็อยากให้ความสะดวกกับทุกๆ คนที่ให้ความร่วมมือ แต่ถ้าบางสิ่งบางอย่างมีผลต่อรูปคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ และอาจเกิดผลกระทบตามมาได้ ก็จำเป็นต้องชะลอเรื่องไว้ก่อน เพื่อรอให้ศาลเป็นผู้ตัดสินใจต่อไป” พล.อ.อุดมเดชกล่าว

เมื่อถามว่า หากคดีโครงการรับจำนำข้าวยังไม่สิ้นสุด น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางออกนอกประเทศไม่ได้ใช่หรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ทางอัยการสูงสุดก็จะดำเนินการตามขั้นตอน เมื่อเข้าสู่กระบวนการทางศาลก็ต้องเป็นไปตามนั้น แม้ว่า คสช.จะมีอำนาจสั่งการในเรื่องต่างๆ แต่เมื่อเป็นรัฐบาลแล้วก็ต้องเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ดังนั้นประเด็นนี้ตนคิดว่ามีความเหมาะสมแล้วที่จะออกมาเป็นเช่นนั้น เพราะเกรงว่าอาจเกิดปัญหาภายหลังได้

เมื่อถามถึงกรณีที่ คสช.เชิญผู้ช่วยทูตทหารประจำประเทศไทยทุกประเทศเข้ารับฟังการชี้แจงสถานการณ์ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ในระดับของทหารมีผู้ช่วยทูตทหารประจำประเทศไทยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในส่วนกองทัพบกที่มีผู้ช่วยทูตทหารมาสร้างความสัมพันธ์กับเรา ซึ่งก็ต้องสร้างความเข้าใจ เพื่อให้เขานำไปชี้แจงในประเทศของเขาได้ถึงความจำเป็นในการปฏิบัติงานต่างๆ ของ คสช. และรัฐบาล ที่เป็นประโยชน์และเพื่อให้ประเทศมีความเรียบร้อยสามารถเดินต่อไปได้ ซึ่งมิตรประเทศก็ควรมีความเข้าใจการดำเนินการของรัฐบาล และ คสช.ในขณะนี้ว่าสามารถสร้างความสงบสุขได้ แม้ว่าก็ยังมีการสร้างสถานการณ์เล็กน้อยๆบ้าง แต่ตนคิดว่าไม่มากมายนัก เพราะเจ้าหน้าที่ยังควบคุมสถานการณ์ได้ดี

เมื่อถามต่อว่าจะมีการชี้แจงเรื่องที่ คสช.เชิญผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองมาพูดคุยเป็นประเด็นหลักหรือไม่ เพราะทางสหรัฐฯ ยังมีความกังวลใจในเรื่องนี้อยู่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า เรื่องนี้มีความจำเป็น เราต้องชี้แจงว่าเกิดอะไรขึ้น ที่ผ่านมาเกิดความไม่สงบเรียบร้อยจนทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติ การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่ไม่มีการควบคุมจนขยายตัวเป็นหลายๆ กลุ่มที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน และก้าวไปสู่การใช้อาวุธสงครามจนทำให้เด็ก ผู้หญิงและประชาชนทั่วไปต้องเสียชีวิต ตนอยากถามว่าถ้าเกิดเหตุการณ์เหล่านั้นขึ้นมาอีกจะมีใครมาร่วมรับผิดชอบชะตากรรมและการบริหารประเทศได้ ดังนั้นบางอย่างเราก็มีความจำเป็นเพื่อสร้างความสงบ และที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการเพียงแค่ขอความร่วมมือเท่านั้น ซึ่งได้รับความร่วมมือจากประชาชนพอสมควร แต่มีบางส่วนที่ยังไม่เข้าใจ ทางเจ้าหน้าที่ก็พยายามตักเตือน โดยไม่ได้ใช้ความรุนแรงอะไร อย่างไรก็ตาม ถ้าใครไม่มีความเข้าใจก็ต้องมีการปรับความเข้าใจกัน ทั้งนี้ไม่ได้กระทบหลักละเมิดสิทธิมนุษยชน เพราะเป็นการเชิญมาพูดคุยกัน

“ถ้าเราประสบปัญหาคงไม่มีใครมาช่วยเราได้นอกจากเราต้องหาวิธีดูแลสถานการณ์ของเราเองให้ได้ โดยไม่ได้ดำเนินการด้วยวิธีการใช้ความรุนแรง ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าไม่มีใครโดนกระทำด้วยความรุนแรง” พล.อ.อุดมเดชกล่าว

พล.อ.อุดมเดชกล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่ทหารควบคุมตัวนายกฤษณ์ บุดดีจีน อายุ 25 ปี อาชีพนักดนตรี ผู้ช่วยประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จ.เพชรบูรณ์ ผู้เผยแพร่แถลงการณ์สำนักพระราชวังฉบับที่ 13 ปลอมว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวคนกระทำความผิดได้แล้ว และทราบว่ายังอยู่ในขั้นตอนการขยายผล ตนคิดว่าคงมีข่าวดีต่อไป และเชื่อว่าคนไทยทุกคนจะให้กำลังใจเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ที่รักและเทิดทูนสถาบัน อีกทั้งไม่ต้องการให้ใครมาทำลายสถาบัน เรื่องนี้มีความคืบหน้าไปมาก ส่วนคนที่ทำผิดตามมาตรา 112 เช่น เครือข่ายบรรพต คงได้ยินกันตามสื่อมาแล้ว เรากำลังติดตามอยู่ได้ทราบถึงกลุ่มที่สนับสนุน และผู้ที่ให้ความร่วมมือเผยแพร่คลิปต่างๆ อย่างไรก็ตามกองทัพบกจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างดีที่สุด เพราะคนไทยรักและเทิดทูลสถาบัน เราต้องดูแลให้สถาบันของเราปลอดภัย เร่งดำเนินการในเรื่องนี้ ส่วนการปลอมแปลงเอกสารต่างๆที่ออกมาน่าจะขยายผลไปสู่คนอื่นๆที่เกี่ยวข้องได้มากขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น