เกาะกระแส
00 เริ่มออกมาปรามกันเสียงเข้มๆกันแล้วจากปากของ "สองในสามอำนาจ"ยุคใหม่ นั่นคือ มท.1 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และก่อนหน้านี้ก็คือ "พี่ใหญ่"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในทำนองว่าต้องเดินหน้าเปิดสัมปทานรอบใหม่คือรอบที่ 21 ตามกำหนด และประกาศชัดว่า สปช.ไม่มีอำนาจมาสั่งรัฐบาลในเรื่องนี้ได้ ใช่ไม่มีใครเถียงหรอกว่าไม่มีอำนาจอะไร เพราะรู้กันอยู่ว่าเป็นแค่"สภาตรายาง"ไม่ได้มีความหมายอะไร หากรัฐบาลหรือ คสช.ที่คุมอำนาจเบ็ดเสร็จไม่เอาด้วย เพราะความจริงก็คือ สปช.มาจากการแต่งตั้งของ คสช.และมีที่มาจาก "สามพี่น้อง"คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร และพล.อ.อนุพงษ์ นั่นแหละไม่มีใครเถียง
00 แต่คำถามก็คือวัตถุประสงค์ของการมี สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)ขึ้นมาทำไม ตั้งขึ้นมาเพื่อศึกษาหาแนวทางปฏิรูปตามความต้องการของประชาชน รวมไปถึงตามความต้องการของบรรดาผู้นำ คสช.ตามที่เคยประกาศเอาไว้หลังการเข้าควบคุมอำนาจเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ดังนั้นเมื่อ สปช.มีมติมีความเห็นอย่างไร แล้วส่งให้รัฐบาลและคสช.พิจารณา แต่รัฐบาลก็ไม่ได้นำพา เพราะมติดังกล่าวขัดหรือแย้งกับความเห็นของฝ่ายที่มีอำนาจเหนือกว่าที่"ตั้งธง"เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว และมั่นใจเอาไว้ล่วงหน้าเช่นเดียวกันว่า มติของ สปช.ที่ตัวเองแต่งตั้งขึ้นจะต้องออกมาในทางเดียวกัน แต่บังเอิญเป็นเพราะ"ผิดคิว"หรือว่าบรรดา สปช.เหล่านั้นมีความคิดเป็นอิสระ มีความคิดยึดเอาผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่จึงมีมติไม่เห็นด้วยกับการเร่งรีบเปิดสัมปทานรอบใหม่ และงานนี้หากรัฐบาลยังเดินหน้าต่อไปโดยไม่ยอมฟังเสียง มันก็อาจกลายเป็นจุดหักเหในเรื่อง"ความศรัทธา"ที่รอการพิสูจน์ก็เป็นได้
00 เรื่องอื่นอาจสร้างภาพฉาบฉวยเพื่อตบตากันได้ แต่เรื่อง"ปฏิรูปพลังงาน"ที่ให้คนไทยได้ใช้ในราคาที่เป็นธรรม มันเป็นเรื่องที่คนในสังคมกำลังติดตามอย่างใกล้ชิดและนับวันก็ยิ่งตื่นตัวมากขึ้นเรื่อยๆ และที่สำคัญเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีเสียงดังเสียด้วยซีพี่น้อง ดังนั้นเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องของ"อำนาจ"หรือใครไม่มีอำนาจอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ที่ต้องพิจารณากันให้หนัก ไม่หมูหรอก เชื่อเถอะ !!
00 ที่จริงก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายกับการจับกุมผู้ต้องหา"ปลอมแปลงแถลงการณ์ฯ"ที่เป็น"คนเสื้อแดง"โดยจากการตรวจสอบเป็นแกนนำเสื้อแดงจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่บอกว่าไม่ได้เหนือความคาดหมายของคนที่ติดตามพฤติกรรมของคนพวกนี้มานานก็ย่อมรู้กันดีว่าล้วนเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงเป็น"ขบวนการล้มเจ้า"ซึ่งมีมานานแล้ว และยังเชื่อมโยงมาตั้งแต่ในยุครัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่ปี 44-45 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ย้ำว่าเป็นพวกเดียวกัน เพียงแต่ที่ผ่านมาตำรวจไม่จับ รัฐบาลฝ่ายความมั่นคงวางเฉย มิหนำซ้ำบางทียังเห็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหลายคนนั่นแหละที่มีพฤติกรรม"จาบจ้วง"อย่างชัดเจน งานนี้ก็ต้องจับตามองว่า ผบ.ตร.ในยุค พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง จะเอาจริงเอาจังกันแค่ไหน ที่สำคัญต้องรอดูสัญญาณจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.ด้วยว่าจะลุยล้างกันอย่างไร !!