ผ่าประเด็นร้อน
ไม่เห็นจะต้องน่าแปลกใจ หรือ “คาดไม่ถึง” ตรงไหนกับการจับกุม กฤษณ์ บุดดีจีน เด็กหนุ่มชาวจังหวัดเพชรบูรณ์คนหนึ่งที่เป็นผู้ที่ในเบื้องต้นพบว่าเป็นผู้จงใจเผยแพร่แถลงการณ์สำนักพระราชวังปลอม เมื่อคืนวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และยังสอบสวนและตรวจสอบพบว่าเขาเป็นระดับแกนนำคนเสื้อแดงในพื้นที่ซึ่งตามข่าวระบุว่าเป็นรองประธานกลุ่ม นปช.ในจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งที่ผ่านมามีการระดมมวลชนและเข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่ม นปช.ในส่วนกลางแทบทุกครั้ง และในปัจจุบันก็ยังเคลื่อไหวอยู่ในพื้นที่ตลอดเวลา
โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวโดยใช้โซเชียลมีเดีย ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ เป็นต้น ส่งต่อแถลงการณ์ฯ ปลอมดังกล่าวไปให้สมาชิกในเครือข่ายของเขาที่บอกว่า “มีไม่น้อยกว่า 4-5 พันคน”
อย่างไรก็ดี ถือว่าเป็นเรื่องปกติอย่างยิ่งที่คนที่กระทำความผิดในลักษณะนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนเสื้อแดงทั้งสิ้น เป็นคนเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวสนับสนุนรัฐบาลในระบอบทักษิณทั้งสิ้น เพราะหากสืบสาวราวเรื่องย้อนกันไปในอดีต พฤติกรรมจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันเบื้องสูงมีมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2544 เรื่อยมา เกิดเว็บไซต์หมิ่นฯ เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด ซึ่งในตอนนั้นมีการสังเกตเห็นว่านี่คือ “ขบวนการล้มเจ้า” ที่เป็นขบวนการใหญ่ที่เชื่อมโยงถึงกันกับเครือข่ายอำนาจรัฐในตอนนั้น
หากย้อนกลับไปพิจารณากันอย่างตรงไปตรงมา เริ่มตั้งแต่ตัวหัวหน้าใหญ่คือ ทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละที่ถูกตั้งข้อสังเกตถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสมจาบจ้วงหลายครั้ง “ทั้งเรื่องกระซิบข้างหู” การให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศให้ร้ายสถาบันดังมีหลักฐาน วันเวลาข้อความปรากฏชัดเจน
ไม่ต้องไปพูดถึงบนเวทีชุมนุมของคนเสื้อแดงทุกครั้งที่ต้องมีคนพูดจาจาบจ้วง หรือด้านล่างเวทีจะมีกิจกรรมหรือแจกใบปลิวอยู่ตลอดเวลา ที่ไม่ลืมก็คือกรณีของ “ตั้งอาชีวะ” หรือ เอกภพ เหลือรา ที่ขึ้นเวทีเสื้อแดงจนกระทั่งถูกสังคมกดดันให้มีการจับกุม แต่ก็สามารถหนีนอดไปได้ ซึ่งก็เชื่อว่าได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ของรัฐนั่นแหละ
หากไม่ลืมก็มี จักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พอ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เสียชีวิตไปแล้ว นี่ว่ากันเฉพาะในสังกัดโดยตรง ทั้งที่เป็นหัวแถวจนถึงปลายแถว ยังไม่นับพวกที่เป็นแนวร่วมในการเคลื่อนไหวทางเดียวกันอย่าง “ดา ตอร์ปิโด” ดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล รวมไปถึงนักวิชาการเสื้อแดงตามมหาวิทยาลัยต่างๆ คนอย่างหลังแม้ว่าอาจจะไม่ใช่ในสังกัดโดยตรงแต่ก็ทำงานรับลูกสอดประสานกันเป็นอย่างดี นั่นคือเป้าหมาย “ล้มเจ้า”
นี่คือเครือข่ายด้านเคลื่อนไหวบ่อนทำลายสถาบัน ที่เฟื่องฟูมาตั้งแต่ยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
แต่เดี๋ยวก่อน เพื่อให้ครบ “แก้วสามประการ” ตามที่ อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เสื้อแดงนักปลุกระดมได้เปิดเผยเอาไว้ว่านอกจาก มีพรรคการเมืองแล้ว มีมวลชนแล้ว ก็ต้องมี “กองกำลังติดอาวุธ” ที่รู้จักในแบบชายชุดดำ(อาจไม่ใช่ใส่ชุดดำ) ที่คอยก่อเหตุลอบทำร้าย ข่มขู่คุกคามฝ่ายตรงข้ามด้วยอาวุธนานาชนิด และล่าสุดก็เพิ่งเกิดระเบิดขึ้นที่บริเวณทางเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยามกับด้านข้างห้างสยามพารากอน เมื่อค่ำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สรุปว่ามีลักษณะเดียวกับคดีที่เกิดขึ้นที่สมานเมตตาแมนชั่นในจังหวัดนนทบุรี และเหตุการณ์ระเบิดที่มีนบุรี เมื่อปี 53
ขณะที่นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ฟันธงว่าเป็นฝีมือของคนที่เคยพูดจาข่มขู่ใช้ความรุนแรง ซึ่งก็ไม่มีเรื่องอื่นนอกเหนือจากพวกที่เคยข่มขู่หลังจากที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกถอดถอนพ้นจากตำแหน่งทางการเมืองและถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง5 ปี และถูกฟ้องคดีอาญาจากโครงการรับจำนำข้าว
ดังนั้น หากพิจารณากันในแบบที่ติดตามความเคลื่อนไหวของคนพวกนี้มาอย่างต่อเนื่องก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใจว่าทำไมคนที่ถูกจับกุมเป็น นปช.เป็นคนเสื้อแดง และคดีลอบวางระเบิดเป็นลักษณะเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในเหตุการณ์เมื่อปี 53 เพราะมันเป็นเครือข่ายเดียวกัน พวกเดียวกัน เพียงแต่ที่น่าติดตามไปกว่านี้ก็คือจะจับกุมไปถึงตัวการใหญ่มากกว่านี้ได้แค่ไหน หรือจะตัดตอนอยู่เพียงแค่ปลายแถวพวกนี้!!