xs
xsm
sm
md
lg

สัญญาณ “ป๋า” รังเกียจคนโกง-จัดหนักจัดเต็ม !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

“ประเทศเรามีศาลมากมาย ทั้งศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธราม ศาลภาษี ถ้าจะตั้งศาลฉ้อราษฎร์บังหลวง จะดีหรือไม่ เอาคดีโกงแยกออกมา มาทำให้เร็วๆ เอาคดีนี้ลดขั้นตอนให้เร็วๆ ช่วยกันตั้ง ให้ใช้กฎหมายต่อคนโกงชาติตามลักษณะแบบทหารม้า คือ รวดเร็ว รุนแรง เด็ดขาด เพื่อเล่นงานคนโกง คือ ทำให้เร็ว ลงโทษให้รุนแรง เด็ดขาดในการปราบปราม”

“เราต้องจัดการคนโกง เพราะถือเป็นศัตรูของแผ่นดิน เราต้องหมายตาหมายหัว ทำลายคนโกงชาติให้หายไปจากแผ่นดินของเรา คนสันดานขี้โกง วิธีเดียวต้องนำมาลงโทษให้ได้ ดังนั้น ขอให้ทุกคนทำหน้าที่ของคนไทย อย่าเฉยเมยต่อคนโกง และให้ดูแลคนใกล้ตัว ให้เขาหายจากโรคขี้โกง”

นั่นเป็นคำพูดตอนหนึ่งของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ที่กล่าวในงานเสวนาทางวิชาการในวันครบรอบ 60 ปีของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อวันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา และถือเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ พล.อ.เปรม ได้กล่าวเรียกร้องให้จัดการกับคนโกงคนที่ทุจริตต่อบ้านเมืองอย่างจริงจัง และคราวนี้อาจเป็นครั้งแรกที่เป็นการพูดในลักษณะรณรงค์เรียกร้องให้ดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด และที่แหลมคมเป็นรูปธรรมมากที่สุด ก็คือ การเสนอให้จัดตั้ง “ศาลฉ้อราษฎร์บังหลวง” แยกออกมาเป็นเอกเทศเพื่อดำเนินการพิจารณาคดีการทุจริตเป็นการเฉพาะ โดยให้ดำเนินการลงโทษด้วยความรวดเร็ว รุนแรง และเด็ดขาด

แน่นอนว่าคำพูดดังกล่าวของประธานองคมนตรี ย่อมตรงใจกับคนไทยทั่วไป ยกเว้นพวกคนโกงเท่านั้น ที่ผ่านมา ได้รับรู้ปัญหาของการทุจริตคอร์รัปชันทั้งในหมู่ข้าราชการ นักการเมือง และในภาคเอกชน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการสุมหัวคบคิดกันโกง และนับวันยิ่งขยายวงกว้างจนไม่อาจระงับยับยั้งได้แล้ว อุปสรรคสำคัญก็คือข้าราชการผู้รักษากฎหมายนอกจากเมินเฉยแล้ว ยังเข้าด้วยช่วยเหลือคนโกงอีกด้วย

อย่างไรก็ดี เมื่อไม่กี่วันมานี้เริ่มได้เห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เห็นได้ชัดตามมาหลังจาก “กระแสสังคม” ที่ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากการที่อัยการสูงสุดสรุปฟ้องคดีอาญากับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากโครงการรับจำนำข้าว จากนั้นก็นำไปสู่มติถอดถอนจากตำแหน่งทางการเมืองและตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)

หรือก่อนหน้านั้น คณะกรรมการปัองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยังได้ชี้มูลความผิดกับอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ บุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ภูมิ สาระผล กับพวกที่มีทั้งนักการเมือง และข้าราชการในกระทรวงพาณิชย์อีกจำนวนหนึ่ง

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวล้วนต่อเนื่องไปในทิศทางเดียวกัน หรือแม้แต่ก่อนหน้านั้นก็ยังมีการวิเคราะห์เชื่อมโยงให้เห็นภาพถึงการเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ของนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาแล้ว

นอกจากนี้ สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นแบบไม่คาดหมายล่าสุด ก็คือ คำแถลงของอัยการสูงสุดได้สั่งฟ้องผู้บริหารบริษัท “กุหลาบแก้ว” คือ สุรินทร์ อุปพัทธกุล หรือ “ดาโต๊ะสุรินทร์” กรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัทดังกล่าว และเป็นผู้ถือหุ้นชั้นที่ 3 ของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (จำเลยที่ 2) กรณีขายหุ้นให้กองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ มูลค่ากว่า 7 หมื่นล้านบาท เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549 และได้สั่งฟ้องบริษัท แฟมอนท์ อินเวสเมนท์กรุ๊ป จำกัด เป็นจำเลยที่ 1 ในความผิด พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 เห็นว่าทั้งสองคนดังกล่าวถือหุ้นแทนต่างชาติ

คดีนี้ยืดเยื้อและเงียบหายมานานเกือบ 10 ปีแล้ว และส่วนใหญ่จะเก็บเงียบในยุคที่รัฐบาล “หุ่นเชิด” ของ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งสิ้นต่อเนื่องมาถึงรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนหลายฝ่ายมองว่าคงจะปล่อยให้หมดอายุความไปเอง

สำหรับคดีกุหลาบแก้ว ถือเป็นหนึ่งในคดีสืบเนื่องการเทขายหุ้นชินคอร์ป ให้กับกองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ จนนำไปสู่คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท ขณะที่ นายสุรินทร์ ผู้ต้องหาคนสำคัญก็ได้หายตัวไปเป็นเวลาหลายปีแล้วและเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามารถติดตามตัวได้

แม้ว่าพิจารณาตามความเป็นจริงจะเห็นว่า “ยังอีกยาว” อาจต้องจำหน่ายคดีชั่วคราว เนื่องจากจำเลยยังหลบหนี แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นความชัดเจน มีการสั่งฟ้องแล้ว

แต่ความหมายก็คือ นี่คือสัญญาณเข้มที่เข้ามาจัดการกับการทุจริตคอร์รัปชันอย่างจริงจัง หากพิจารณาจากท่าทีล่าสุดของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่เรียกร้องให้เอาผิดอย่างรุนแรง รวดเร็ว และเด็ดขาด พร้อมกับเสนอให้จัดตั้งศาลที่พิจารณาคดีฉ้อราษฎร์บังหลวงเป็นการเฉพาะ ซึ่งเกิดขึ้นช่วงของยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และบรรยากาศของการปฏิรูป รวมไปถึงการรื้อฟ้นคดีทุจริตที่เกี่ยวพันกับครอบครัวชินวัตร ทุกอย่างจึงน่าจับตามองว่านี่คือการ “จัดหนัก จัดเต็ม” กับพวกคนโกงหรือไม่ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น