รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้ตำรวจตามล่ามือวางบึ้มบีทีเอสสยาม บอกมีบางส่วนพอรู้แล้ว แต่ยังไม่มีเบาะแส ยันคิดต่างได้แต่อย่ารุนแรง ขอทุกคนช่วยกันเพื่อให้เกิดความสงบ ไม่รู้จะทำไปทำไม แย้มงัดมาตรการตรวจบอมบ์ทั่วประเทศ ย้อนสื่อคิดเองสมควรคงกฎอัยการศึกไหม ยันยังไม่คิดเลิก
วันนี้ (2 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.15 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องจำนวน 2 ลูก บริเวณทางเชื่อมรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสยาม ว่าขณะนี้ตำรวจกำลังเร่งติดตามอยู่ว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร แต่มีบางส่วนที่เราพอรู้แล้ว เรื่องต่างๆ เหล่านี้หน่วยงานด้านความมั่นคงทุกฝ่ายได้พยายามใช้มาตรการป้องกันมาโดยตลอด ตลอดจนเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ของห้างสรรพสินค้าต่างๆ ด้วย ดังนั้น เมื่อมีเหตุการณ์เราจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการที่เข้มขึ้นเพื่อระวังป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม ความคิดต่างนั้นคิดต่างได้ แต่อย่าแสดงออกในลักษณะความรุนแรงที่ทำให้เกิดความเสียหายกับชีวิตทรัพย์สินของประชาชนและส่วนรวมของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเชื่อมั่นต่างๆ คนทำแบบนี้ไม่ได้เกิดประโยชน์ มีแต่เสียความเชื่อมั่นของประเทศ ขณะนี้รู้อยู่แล้วว่ารัฐบาลกำลังเดินไปเพื่อจะแก้ปัญหาต่างๆ ให้กับประชาชน โดยเฉพาะเรื่องความยากจนและปัญหาเศรษฐกิจที่มารุมล้อม ไม่ใช่ประเทศไทยอย่างเดียวแต่เป็นทั่วโลก รัฐบาลพยายามทำทุกอย่างไม่ได้หยุด จะเห็นได้ว่านายกฯ และข้าราชการทุกคนพยายามเร่งรัดเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดีให้ได้ในรัฐบาลชุดนี้
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า รัฐบาลพยายามทำทุกอย่าง ไม่ใช่เพื่อรัฐบาล ไม่ใช่เพื่อตัวบุคคล แต่ทำเพื่อประชาชนและประเทศชาติให้เกิดความเชื่อมั่น ดังนั้น ทุกคนต้องช่วยกันเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้ได้ ฝากไว้ด้วยว่า เราจำเป็นต้องร่วมมือร่วมใจเพื่อให้ประเทศเกิดความสงบ และเกิดความปรองดองให้ได้ เพื่อจะได้มีประชาธิปไตยที่ถาวร คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตั้งความหวังไว้อย่างยิ่ง กำหนดโรดแมปชัดเจน และเดินไปอย่างชัดเจน สิ่งที่เกิดขึ้นตนไม่ทราบว่าทำไปทำไม เพราะทำให้เกิดความเสียหายในภาพรวมมากมาย ต้องขอโทษถ้าประชาชนหากไม่ได้รับความสะดวก เราจำเป็นต้องทำให้มาตรการต่างๆ เข้มขึ้นเพื่อความปลอดภัยของส่วนรวมทั้งประเทศ และอาจต้องมีการตรวจตราสิ่งของที่ติดตัวเวลาเข้าไปยังสถานที่ชุมนุมต่างๆ โดยมาตรการเข้มดังกล่าวจะทำทุกจุดทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหมดต้องร่วมมือกัน และประชาชนต้องร่วมเป็นหูเป็นตาด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีเบาะแสเรื่องผู้ก่อเหตุในครั้งนี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่มี ในเรื่องความรุนแรง เราพยายามติดตามมาตลอด เรื่องความคิดต่างมีอยู่แล้ว แต่ไม่เคยคิดว่าจะมาใช้ความรุนแรงขนาดนี้ เมื่อถามว่า ฝ่ายความมั่นคงประเมินว่า ผู้ก่อเหตุครั้งนี้เป็นกลุ่มคนเห็นต่างใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ทราบ เราพูดไม่ได้ อาจจะเป็นคนคิดร้าย เป็นปัญหาทางการเมือง หรือจะเป็นเรื่องความคิดต่าง คิดได้ร้อยแปด ไม่ได้ละประเด็นไป
เมื่อถามว่า มีรายงานหรือไม่ว่า เหตุใดคนร้ายต้องก่อเหตุในช่วงเวลานี้ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มีข่าวออกมาเลยว่าใครเป็นคนทำ ขณะนี้เจ้าหน้าที่การข่าวยังติดตามอยู่ ให้เวลาเราทำงาน คิดว่าจะแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ เมื่อถามย้ำว่า เหตุการณ์ครั้งนี้อาจทำให้ยังต้องคงกฎอัยการศึกอยู่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรย้อนถามว่า “แล้วแต่คุณคิด คุณคิดเองได้ ผมไม่ต้องตอบ คิดเองเลยว่าสมควรมั้ย”
เมื่อถามถึงแนวคิดของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) บางคนที่ต้องการยกเลิกกฎอัยการศึกและมาใช้มาตรา 44 แทน รองนายกฯ กล่าวว่า คิดไป แต่ทางคสช.ยังไม่ได้คิดเรื่องเหล่านี้ เมื่อถามอีกว่า จะมีมาตรการลงโทษรุนแรงกับผู้ก่อเหตุในครั้งนี้หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย เราเองต้องเดินไปตามกฎหมาย รัฐบาลต้องใช้มาตรการในการสร้างความเป็นธรรมต่อสังคมให้ได้ ซึ่งเราพยามจะเร่งรัดคดีนี้ให้เสร็จ ตำรวจไม่ได้หลับได้นอน ทุกคนช่วยกันเต็มที่