xs
xsm
sm
md
lg

“สรรเสริญ” อ่านใจ “บิ๊กตู่” คิ้วย่นสงสารชาวสวนยาง - ขันนอตผู้ว่าฯ ทำให้เร็ว - โปร่งใส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี (ภาพจากแฟ้ม)
ประชุม กอ.รมน. นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำความมั่นคงระดับจังหวัด ยึดหลัก “ทำให้เร็ว - ทำให้ทัน - ทำอย่างโปร่งใส” บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ อย่าเชื่อแอบอ้าง “ประยุทธ์” ขอตำแหน่ง ย้ำไม่ได้พูดเรื่องเคลื่อนไหวการเมือง สั่งทุกหน่วยงานทำความเข้าใจเกษตรกร โดยเฉพาะชาวสวนยาง “สรรเสริญ” โอ่ท่านผู้นำมีรอยย่นที่คิ้ว เปรยสงสารชาวนาหลังดูทีวีสัมภาษณ์เกษตรกร “วินธัย” เชื่อสหรัฐฯ ให้เกียรติไทย ไม่แทรกแซงนโยบาย

วันนี้ (30 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เพื่อสรุปผลการปฏิบัติงานประจำปี 2557 และแถลงแผนการปฏิบัติงานประจำปี 2558 ของ กอ.รมน. โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม, พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.), พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.), พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.), พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และหน่วยที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมพร้อมเพียง โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง

โดย พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด แต่ได้ใช้มือชี้ไปที่คอส่งสัญญาณให้ทราบว่ามีอาการเจ็บคอ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ ยังได้หารือนอกรอบกับ ผบ. เหล่าทัพ ที่ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี อีกประมาณ 20 นาที ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางกลับ พล.อ.อุดมเดช ยังได้มีการหารือกับ พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (ผบ.กกล.รส.) สองคน กรณี คสช. เรียกบุคคลที่แสดงความคิดเห็นทางการเมืองเข้ารายงานตัว ประมาณ 10 นาที

จากนั้นเวลา 16.30 น. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุม กอ.รมน. ว่า เป็นการรับทราบการขับเคลื่อนการดำเนินการ กอ.รมน. ซึ่งมีหลายระดับ ทั้งนี้ นายกฯ ได้เน้นย้ำการดำเนินการในชั้นของระดับจังหวัด ซึ่งแกนกลางที่เป็นตัวขับเคลื่อนคือผู้ว่าราชการจังหวัด เนื่องจากสวมหมวกสองใบ ทั้งเป็นผู้ว่าฯ และเป็นผู้อำนวยการ รมน. จังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ ก็จะต้องสวมหมวกถึงสามใบ คือ ในฐานะศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.จชต.) ด้วย ดังนั้น ผู้ว่าฯ จะต้องยึดหลักการสำคัญคือ ทำให้เร็ว ทำให้ทัน และจะต้องทำอย่างโปร่งใส โดยนายกฯ ได้ย้ำว่าการทำงานต้องบูรณาการงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไม่ซ้ำซ้อน ซึ่งผู้ว่าฯ จะต้องใช้ความสามารถขับเคลื่อนงานออกมาให้ได้ เนื่องจากเวลามีจำกัด และนายกฯ ได้ขอให้ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่

“นายกฯ เน้นย้ำประเด็นสำคัญ คือ การเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางการทำงานต้องตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก โดยจะต้องมีแผนจากข้างล่างขึ้นมาข้างบน และเสนอแผนตามความเป็นจริงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามนายกฯ ได้กำชับการทำงานว่าการทำงานไม่ใช่จะฟังเฉพาะตัวแทนของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือผู้บังคับบัญชาตัวเองเท่านั้น ผู้ว่าฯ จะต้องบูรณาการ บริหารจัดการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ได้ วันนี้เนื้อหาส่วนใหญ่การทำงานของผู้ว่าฯ ว่าต้องทำให้เร็วและสุจริต โดยถ้ามั่นใจว่าสุจริตไม่ต้องกลัวว่าจะช้า โดยให้คิดแบบคนจน เพื่อจะได้เข้าใจว่าคนจนคิดอย่างไร” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการคาดโทษอย่างไรบ้าง พล.ต.สรรเสริญ กล่าวยอมรับว่า นายกฯ มีการคาดโทษไว้ว่า อย่าให้รู้ว่ามีการทุจริตประพฤติมิชอบ ใครที่ชอบแอบอ้างว่าได้มาขอตำแหน่งกับตนแล้วอย่าเชื่อ ซึ่งนายกฯ เล่าให้ที่ประชุมฟังว่า แค่ขับรถผ่านบ้านก็ไปแอบอ้างว่าได้คุยกับตนแล้ว ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงโดยขอให้พิจารณาแต่งตั้งตามขีดความสามารถ และระบุว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อาจจะย้ายออกจากตำแหน่ง เพราะฉะนั้นจะต้องสุจริต ตั้งใจทำงานทำตัวให้เป็นกลจักรสำคัญ นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้เล่าให้ฟังถึงการดำเนินการเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งต้องใช้เงินลงเป็นแสนล้านบาท จึงได้ระบุว่าอะไรที่ทำได้ขอให้ทำไปก่อน เมื่อที่ดินแพงให้ใช้ที่ดินของรัฐไปก่อน จึงได้กำชับผู้ว่าฯ ให้ไปดูแลและเร่งประชาสัมพันธ์ว่า อย่าซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไร เพราะจะทำให้นักลงทุนเกิดความลังเล เพราะเราต้องการให้เกิดการขับเคลื่อนโดยเร็ว และต้องการให้พื้นที่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษมีความเจริญ

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า สำหรับการรายงานสถานการณ์ต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นการรายงานในภาพรวมและแผนงานต่างๆ ที่ได้ดำเนินการมา ไม่ได้มีการเจาะจงในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือความเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือความเห็นที่ยังมีความแตกต่างในขณะนี้ ซึ่งสรุปโดยภาพรวมทั้งหมด นายกฯ มีความพอใจ เพราะการรายงานการดำเนินการทั้งหมดสามารถจับตาได้มากขึ้น ซึ่งนายกฯ ระบุว่าในการทำงานต่อปีจะต้องจับต้องได้มากขึ้นกว่าที่ทำอยู่

นอกจากนี้ นายกฯ ยังกล่าวถึงเรื่องงบประมาณรายจ่ายปี 2558 ที่มีจำนวน 2.7 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นงบประจำ 2 ล้านล้านบาท ส่วนอีก 7 แสนล้านบาท ตั้งไว้เรื่องต่างๆ จึงทำให้งบการลงทุนลดลง ดังนั้น จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความเข้าใจเกษตรกร โดยเฉพาะเกษตรกรชาวสวนยางพารา ซึ่งนายกฯ ระบุว่า รู้และเห็นใจความยากลำบากของชาวสวนยาง และนายกฯ ยังเล่าให้ฟังว่า ได้ดูรายการทางโทรทัศน์ช่องหนึ่งที่ไปสัมภาษณ์เกษตรกรสวนยางรู้สึกสงสาร

“ดูจากรอยย่นที่ระหว่างคิ้วแล้วเข้าใจความรู้สึก ซึ่งวันนี้รัฐบาลได้พยายามแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งหาทางดูแลแก้ปัญหาราคายางและทำให้เกษตรกรสวนยางเข้าใจ ว่ารัฐบาลมีเงินเท่านี้ ไม่สามารถสนับสนุนอะไรได้มาก ซึ่งทาง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายแก้ไขปัญหา เบื้องต้นคือการมูฟวิ่งสต๊อก โดยรัฐบาลเข้าไปซื้อนำตลาด และพยายามขายยางในสต๊อกก่อน จากนั้นค่อยซื้อยางใหม่เข้ามา เพื่อดูแลราคายาง และใน 7 ปีข้างหน้ารัฐบาลได้ตั้งเป้าที่จะลดจำนวนสวนยางให้ได้ 7 แสนไร่ และสนับสนุนให้ปลูกพืชชนิดอื่นเข้ามาเสริม” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

อีกด้านหนึ่งที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายแพทริค เมอร์ฟีย์ อุปทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยเดินทางไปเยือนพื้นที่ภาคอีสานว่า ตนยังไม่ทราบในรายละเอียดของการเดินทางว่าเป็นการเดินทางไปปฏิบัติงาน หรือไปทำกิจกรรมภารกิจใด ซึ่งทุกคนมีสิทธิ์ที่จะดำเนินกิจกรรมต่างๆ ตามความเหมาะสมอยู่แล้ว ถ้าเรื่องนั้นๆไม่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์

ทั้งนี้ เชื่อว่า ผู้แทนมิตรประเทศหรือนักการทูตทุกคนจะให้เกียรติประเทศที่ตนเองพำนักอยู่ และคงไม่ทำอะไรที่จะทำให้กระทบกับความสัมพันธ์ของประเทศนั้น โดยเฉพาะในเรื่องของการเมืองหรือการแทรกแซงนโยบาย เพราะอาจจะส่งผลต่อความรู้สึกต่อคนขอประเทศที่พำนักได้ นอกจากนี้โดยปกตินักการทูตจะมีธรรมเนียม และมารยาททางการทูตที่เป็นมาตรฐานสากลอยู่แล้ว และคิดว่าหลายๆประเทศได้ให้เกียรติประเทศไทยเสมอมา โดยเฉพาะสหรัฐฯ ก็มีความสัมพันธ์กันมานานกว่าร้อยปี


กำลังโหลดความคิดเห็น