หัวหน้าประชาธิปัตย์เผยคุยกับผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เจ้าปัญหาหลายครั้ง ชี้ “แดเนียล” มาปกติ หวังถามความเปลี่ยนแปลงในไทย บอกคุยเรื่องแนวทางและอนาคตระบบเลือกตั้ง ไม่ได้ถกถอดถอน ระบุนัดมาเกือบเดือนและบังเอิญตรงช่วงถอดถอนพอดี ยันมหาอำนาจมีสิทธิ์แสดงจุดยืนแต่ต้องระวังไม่ให้ถูกตีความแทรกแซง เลือกข้าง ย้ำไม่มีอะไรน่าแปลก ป้องเจ้าตัวระวังคำพูดแล้ว
วันนี้ (29 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการพูดคุยกับนายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศ สหรัฐฯ ว่าตนเคยพบกับนายแดเนียลมาหลายครั้งแล้ว เพราะส่วนใหญ่เขาจะมาพบกับพรรคการเมืองต่างๆ เป็นเรื่องปกติ แม้แต่ในช่วงที่ตนทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เพียงแต่ไม่เป็นข่าวเหมือนกรณีนี้
“ผมมองว่าการมาครั้งนี้เป็นเรื่องค่อนข้างจะปกติของทางสหรัฐฯ ที่ต้องการรับทราบความเปลี่ยนแปลงเรื่องต่างๆ ภายในประเทศไทย จุดยืนที่แสดงออกไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย เพราะมีการแสดงความเห็นตั้งแต่มีการปฏิวัติรัฐประหารมาจนถึงเรื่องของกฎอัยการศึก เป็นเรื่องที่ประเทศทางตะวันตกมักจะแสดงความห่วงใยอยู่แล้ว การมาแลกเปลี่ยนพูดคุยจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับแนวทางในปัจจุบัน และอนาคตมากกว่า เพราะมีการสอบถามว่าประเทศไทยจะเดินกลับเข้ามาสู่ระบบที่มีการเลือกตั้งอย่างไรเมื่อไหร่ รวมถึงแนวทางการยกร่างรัฐธรรมนูญซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ ตอนที่พบกับเราไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องคดีถอดถอนเลย และการเดินทางมาของเขาได้นัดหมายล่วงหน้าเกือบเดือน ดังนั้นผมมองว่าน่าจะเป็นเรื่องบังเอิญมากที่มาในจังหวะที่มีการถอดและบังเอิญในการไปพบปะกับทางคุณยิ่งลักษณ์และ พรรคเพื่อไทยก็คงมีการพูดถึงประเด็นนี้ และมีการนำไปบรรยายปาฐกถาจนกลายเป็นข่าวขึ้นมา” นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่า เหมาะสมหรือไม่ที่สหรัฐฯ มาพูดเรื่องความไม่เห็นด้วยกับการที่ยังใช้กฎอัยการศึก หรือความกังวลที่มีต่อกลไกประชาธิปไตยในไทย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนคิดว่าเขามีสิทธิ์ที่จะแสดงจุดยืน แต่ก็ต้องระวังไม่ให้ถูกตีความว่ากำลังมาแทรกแซง ก้าวก่าย หรือเลือกข้างทางการเมือง ขณะเดียวกันตนคิดว่าเขาก็พยายามที่จะบอกว่ายังสนใจที่จะสานสัมพันธ์ด้านต่างๆ เท่าที่จะทำได้ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน จึงไม่มีอะไรน่าแปลกใจสำหรับจุดยืนและท่าทีที่แสดงออกมา เพียงแต่ในประเด็นที่มีความละเอียดอ่อน เมื่อพูดออกมาแล้วก็ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายว่าจะมีปฏิกิริยาทั้งบวกและลบต่อสิ่งที่เขาพูด แต่เท่าที่ดูเขาก็ระมัดระวังในการใช้คำพูดพอสมควร
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงมติถอดถอนกับความปรองดองว่า เป็นคนละประเด็นกัน การถอดถอนเป็นเรื่องที่ สนช.ต้องรับไม้ต่อจากวุฒิสภามาดำเนินการ ถือเป็นประเด็นที่มีการค้างคาใจอยู่แล้ว แต่เรื่องปรองดองก็ต้องไปว่ากันในอนาคตว่าจะมีการพยายามทำความเข้าใจกับการที่จะอยู่ร่วมกันภายใต้กติกาที่ทุกฝ่ายยอมรับกันได้มันจะทำกันอย่างไร