หน.ปชป.เผยจะไปตามคำเชิญ กมธ.ยกร่าง รธน. 24 พ.ย.นี้ แต่รับหนักใจถูกเชิญฐานะตัวแทนพรรค จึงทำเรื่องขอ คสช.ประชุมพรรคก่อน ชี้การแสดงความเห็นเป็นความรับผิดชอบพรรค หากไม่ทำให้รูดซิปปาก แย้มเสนอจัดระบบเลือกตั้งให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ติง แนวคิดแยกฝ่ายนิติบัญญัติ-บริหาร ยิ่งถอยหลัง ชี้สำคัญฝ่ายบริหารนั้นไม่เหลิงอำนาจ
วันนี้ (18 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเชิญพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองเข้าหารือเพื่อให้ขอเสนอแนะในการปฏิรูปประเทศ ว่าตนจะเดินทางไปพบกับคณะกรรมาธิการยกร่างฯในวันที่ 24 พ.ย.นี้ แต่มีประเด็นคือเป็นการเชิญในฐานะตัวแทนพรรค ไม่ใช่ในฐานะนายอภิสิทธิ์ จึงมีความหนักใจ เพราะถ้าบอกให้เป็นความเห็นพรรคการเมือง พรรคก็ควรจะได้ประชุม แต่ข้อจำกัดอยู่ว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังไม่ให้พรรคการเมืองประชุม ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงทำหนังสือไปที่ คสช.เพื่อขอประชุมในเรื่องนี้แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ หาก คสช.อนุญาตให้พรรคการเมืองทำการประชุมได้ พรรคประชาธิปัตย์จะประชุมในวันที่ 23 พ.ย.นี้ โดยจะนำเรื่องที่ได้จากที่ประชุมไปเสนอกับคณะกรรมาธิการยกร่างฯ แต่หากไม่สามารถประชุมได้ ซึ่งตนก็จะเข้าให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการฯโดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรค และนายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค ส่วนสมาชิกอีกหนึ่งคนกำลังพิจารณาว่าจะเป็นใครที่สามารถไปเสริมในมุมที่ครบถ้วน ไปคุยกับสมาชิกพรรคเท่าที่จะทำได้ แล้วนำไปเสนอต่อคณะกรรมาธิการฯ
เมื่อถามว่า บางพรรคการเมืองบอกว่าประชุมพรรคไม่ได้ และไม่ทำหนังสือขออนุญาตไปยัง คสช. คิดว่าเป็นการอ้างไม่อยากเข้าร่วมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่านั่นคือจุดยืนที่ชัดเจนหรือยัง เพราะเห็นว่าคณะกรรมาธิการฯได้แถลงว่ายังไม่มีพรรคการเมืองไหนปฏิเสธ ซึ่งตนถือว่าการให้ข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็น เป็นความรับผิดชอบของพรรคการเมือง และเราไม่ได้มีส่วนในการที่จะไปอนุมัติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับการร่างรัฐธรรมนูญ แต่ถือว่าเป็นหน้าที่ในฐานะพรรคการเมือง และถ้าบอกว่าจะไม่ทำหน้าที่นี้เลยก็ไม่ควรออกมาแสดงความเห็นต่อสาธารณะด้วย เพราะจะทำให้มีอิทธิพลต่อคนที่เขาทำอยู่
“ประเด็นที่พรรคจะนำไปเสนอต่อคณะกรรมาธิการฯ อาทิ ระบบการเลือกตั้ง ที่อาจจะมาปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ยุคปัจจุบันมากขึ้น ส่วนแนวคิดแยกฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหารออกจากกันนั้น ผมคิดว่าเรากำลังจะถอยออกมาจากระบบรัฐสภาดั้งเดิม ซึ่งประเด็นที่ต้องคิดเป็นพิเศษคือ เราต้องมีคำตอบว่าการเลือกผู้บริหารโดยตรง จะให้ผู้บริหารรับผิดชอบรับผิดชอบการบริหารประเทศอย่างไร เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายบริหารที่มาจากการเลือกตั้ง ใช้อำนาจเกินขอบเขต ลุแก่อำนาจ โจทย์ใหญ่ที่สุดของประเทศ คือทำอย่างไรฝ่ายบริหารนั้นไม่เหลิงอำนาจ ฉะนั้นสมมติว่าเกิดกรณีว่าฝ่ายบริหารนั้นตรวจสอบไม่ได้ ขยายอำนาจตัวเองมากขึ้น สภาไล่ออกไม่ได้ เรื่องลาออกนั้นผมว่าระบบแบบนี้น้อยมากที่จะเกิดขึ้น เพราะเขาถือว่าเลือกมาแล้วอยู่ 4-7 ปี ซึ่งก็แล้วแต่รัฐธรรมนูญจะกำหนดนี้ ถ้าเลือกตรงแล้วเขาบอกว่าวาระต้องแน่นอน เขาได้รับเลือกมาอย่างนี้จะทำอย่างไร คุณต้องมีคำตอบตรงนี้” นายอภิสิทธิ์กล่าว