โฆษกรัฐบาลอ้าง “บิ๊กเจี๊ยบ” สอนมวย “มะกัน” เหตุไทยต้องใช้อัยการศึก ระบุ “บิ๊กตู่” ไม่อยากให้ขยายความ เชื่อสหรัฐฯ หวังดี สั่งผุดศูนย์บริการราชการในห้าง มอบดาบ คตร. สอบโครงการส่งกลิ่นหลายกระทรวง อนุมัติข้าราชการลาบวชเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ เพิ่ม 4 พ.ค. เป็นวันหยุดราชการ ลากยาว 1 - 5 พ.ค. กระตุ้นท่องเที่ยว เห็นชอบ ม.เชียงใหม่ ศึกษาแหล่งวัฒนธรรมพื้นที่ ก่อนส่งบรรจุเข้ามรดกโลก พร้อมเสนอภูพระบาท อุดรธานี เข้าสู่บัญชีมรดกโลก
วันนี้ (27 ม.ค.) ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในระหว่างการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการมาเยือนไทยของ นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ซึ่งมีการพบกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและคณะ เพื่อสอบถามสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยด้วย โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในที่ประชุมว่า เชื่อว่า สหรัฐฯ ไม่ได้พยายามกดดันสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย แต่เป็นการแสดงท่าทีของประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น และจากการที่นายแดเนียลได้ฟัง พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ชี้แจง ก็มีความเข้าใจสถานการณ์บ้านเมือง และสิ่งที่รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ทำลงไป
ส่วนกรณีที่กระแสข่าวว่า สหรัฐอเมริกาอยากให้ยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า เรื่องนี้ พล.อ.ธนะศักดิ์ ได้ย้อนถามนายแดเนียลเช่นกัน ว่า หากบ้านเมืองของท่านเป็นเหมือนเรา มีปัจจัย มีข้อจำกัดเช่นนี้ ท่านจะทำอย่างไร หากไม่ใช้กฎอัยการศึก ซึ่งนายแดเนียลก็ตอบไม่ได้ว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะประเทศเขาไม่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน อย่างไรก็ตาม นายกฯ ไม่ต้องการให้มีการขยายความหรือไปต่อว่าต่อขานสหรัฐฯ เพราะในความเป็นจริง นายแดเนียลก็ไปรับฟังข้อมูลจากทุกทาง เชื่อว่าจะมีดุลยพินิจที่จะนำสิ่งใดไปประกอบการพิจารณา ซึ่งรัฐบาลก็ให้สิทธิต่อทุกฝ่ายในการพูดคุยกับฝ่ายที่มาสอบถามขอข้อมูล เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วงสิ่งที่รัฐบาล คสช. ทำไป มั่นใจสิ่งที่ได้ทำไปเป็นแนวทางที่ทำให้ประชาชนมีความสุขยอมรับได้ จะได้เข้าสู่ภาวะบ้านเมืองที่เป็นประชาธิปไตยแล้วมีการเลือกตั้ง
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ สั่งการว่า ขณะนี้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อมีผลบังคับใช้แล้ว ให้ทุกหน่วยงานราชการที่เกี่ยวกับการให้บริการประชาชนต้องจัดทำคู่มือ เพื่อแจกจ่ายกับประชาชนที่มารับบริการให้รับทราบว่ามีขั้นตอนอย่างไร และเรื่องจะเสร็จสิ้นเมื่อใด นอกจากนี้ เรื่องศูนย์บริการประชาชนต่างๆ อย่าคิดแต่เปิดบริการเฉพาะพื้นที่หน่วยงานราชการอย่างเดียว แต่ต้องตอบโจทย์กับสิ่งที่สังคมกำลังพัฒนาไปในขณะนี้ ซึ่งนายกฯ สั่งการให้เปิดศูนย์บริการร่วมเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ตามนโยบายของรัฐ ในพื้นที่ที่คนใช้บริการกันมากอย่างห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบหมายให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ที่มี พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ที่รึกษานายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ตรวจสอบโครงการของรัฐหลายกรณี ประกอบด้วย เรื่องที่เกี่ยวกับองค์การสวนสัตว์ เรื่องการจัดซื้อโคมไฟ และหลอดไฟแอลอีดีของกระทรวงคมนาคม เรื่องการจัดซื้อจัดจ้างการสร้างอาคารของหน่วยงานที่กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับผิดชอบ ซึ่งปรากฏว่ามีการขออนุมัติเพิ่มวงเงิน ขอแก้แบบ และขอผูกพันงบประมาณเพื่อให้มีจำนวนปีในการก่อสร้างมากยิ่งขึ้น ทำให้แบบแผนของเดิมใช้ไม่ได้เพราะรองรับงบประมาณไม่ได้ โดยนายกฯ ระบุว่า ขอให้เป็นบรรทัดฐานในโอกาสต่อไปหากมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นจะต้องมีผู้รับผิดชอบ ไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง คตร. ต้องดูว่าแบบก่อสร้างที่ออกมาใช้ไม่ได้เพราะอะไร ไม่ดีหรือผู้รับเหมาคิดค่าจัดซื้อจัดจ้างสูงเกินไปหรือไม่
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ครม. อนุมัติตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนา เสนอให้ข้าราชการทุกประเภท ทั้งพนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ สามารถลาอุปสมบท เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสเจริญพระชนมายุ 5 รอบ 60 พรรษา ซึ่งการอุปสมบทจะจัดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยประเทศไทยจะจัดขึ้น 15 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. ส่วนในต่างประเทศจะจัดขึ้นที่ประเทศอินเดียระหว่างวันที่ 28 ก.พ. ถึง 8 มี.ค. ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่หน่วยงานต้นสังกัด
ขณะเดียวกัน ครม. อนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เสนอให้วันที่ 4 พ.ค. เป็นวันหยุดเพิ่มเติม เนื่องจากในวันที่ 2 -3 พ.ค. เป็นวันเสาร์ - อาทิตย์ และวันที่ 5 พ.ค. เป็นวันหยุดราชการเนื่องในวันฉัตรมงคล ครม. จึงอนุมัติให้หยุดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ข้าราชการสามารถวางแผนเดินทางท่องเที่ยว เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตาม วันหยุดดังกล่าวไม่มีผลในภาคเอกชน เนื่องจากภาคเอกชนจะมีวันหยุดแรงงานในวันที่ 1 พ.ค. แล้ว
ด้าน ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.ให้ความเห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอให้อนุสรณ์สถานแหล่งต่างๆ และภูมิทัศน์วัฒนธรรมของ จ.เชียงใหม่ นครหลวงล้านนาเข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้นของศูนย์มรดกโลก โดย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้เสนอเอกสารการเสนอเมืองเชียงใหม่ ภายใต้ชื่ออนุสรณ์สถานแหล่งต่างๆ และภูมิทัศน์วัฒนธรรมของ จ.เชียงใหม่ เพื่อบรรจุในบัญชีรายชื่อเบื้องต้นแหล่งมรดกวัฒนธรรมของไทย และเพื่อนำเสนอสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้นของคณะกรรมการมรดกโลกและกรมศิลปากร โดยคณะกรรมการเตรียมการเพื่อนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมเข้าสู่บัญชีมรดกโลกในการประชุมเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2557 โดยมีมติเห็นชอบให้เสนอเอกสารดังกล่าวต่อคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก โดยให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ดำเนินการศึกษาและจัดทำระบบบริหารจัดการแหล่งมรดกวัฒนธรรมในการนำเสนอเอกสารเพื่อเป็นมรดกโลกต่อไป ทั้งนี้ต้องมีการส่งมอบเอกสารดังกล่าวให้ศูนย์มรดกโลก ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ภายในวันที่15เม.ย.ปีนี้ เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการมรดกโลกต่อไป
ทั้งนี้ อนุสรณ์สถานแหล่งต่างๆ ภูมิทัศน์วัฒนธรรม จ.เชียงใหม่ และนครหลวงล้านนา แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. กลุ่มพื้นที่วัฒนธรรม จ.เชียงใหม่ อาทิ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพปุย วัดพระธาตุดอยสุเทพ ถ.จากเชิงดอยสุเทพไปยังวัดพระธาตุดอยสุเทพ เป็นต้น 2. กลุ่มอนุสรณ์สถาน และสถานที่ พื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เป็นปราการชั้นในของเมืองเชียงใหม่ 3. นอกปราการชั้นนอกเมืองเชียงใหม่ 4. ในกำแพงเมืองชั้นในเมืองเชียงใหม่ 5. นอกปราการชั้นในเมืองเชียงใหม่ และ 6. อนุสรณ์สถานและสถานที่ในยุคสมัยใหม่ อย่างไรก็ตาม ครม. เห็นชอบให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก นำเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้นของศูนย์มรดกโลกที่กรุงปารีสต่อไป
นอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบเสนออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จ.อุดรธานี เข้าสู่บัญชีรายชื่อมรดกโลก ที่ก่อนหน้านี้ได้ถูกบรรจุไว้ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกแล้วตั้งแต่ปี 2547 โดยสามารถเสนอชื่อเข้าเป็นมรดกโลกได้ตามเอกสารอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก โดยมี 2 กลุ่มพื้นที่ด้วยกัน คือ 1. อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท วัดพระพุทธบาทบัว และ 2. วัดพระพุทธบาทบัวบาน