xs
xsm
sm
md
lg

ตามคาด! “ปู” โวยถูก สนช.กลั่นแกล้งเอาชาวนาเป็นเครื่องมือ ลั่นไม่เหลืออะไรแล้วนอกจากคดีความ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ โพสต์เฟซบุ๊กแทนแถลงข่าว บอกตามคาดที่ถูก สนช. ถอดถอน ยืนยันความบริสุทธิ์ ย้ำจำนำข้าวโครงการที่ดี ไม่สร้างความเสียหาย อัดตัวเลขแค่อคติ เอาชาวนาเป็นเครื่องมือ หนำซ้ำอัยการสูงสุดแถลงสั่งฟ้องก่อนลงมติ 1 ชั่วโมง ลั่นไม่เหลืออะไรแล้วนอกจากคดีความ เปรยปรองดองไม่ใช่ไล่ล่า แต่ต้องเป็นกลาง แทนที่จะหันหน้าเข้าหากันกลับสร้างความเกลียดชัง ก่อนทำเศร้าเสียใจแทนชาวนาเสียโอกาส ลั่นสู้คดีถึงที่สุด

วันนี้ (23 ม.ค.) เฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เผยแพร่คำแถลงหลังสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติถอดถอน 190 ต่อ 18 เสียง ในกรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายโครงการจำนำข้าว โดยระบุว่า

“เรียน พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน เป็นไปตามความคาดหมาย ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้มีมติถอดถอนดิฉันออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี และอัยการสูงสุดได้สั่งฟ้องดิฉัน ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ดิฉันขอแถลงดังนี้

ดิฉัน ขอยืนยันและมั่นใจในความบริสุทธิ์ของดิฉัน และขอขอบคุณเสียงส่วนน้อยที่ยังคงยึดมั่นในหลักการ และความเที่ยงธรรม ซึ่งในกระบวนการต่างๆ ได้ลิดรอนและตัดสิทธิขั้นพื้นฐานของดิฉัน ในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่พึงได้รับ

ดิฉันขอยืนยันว่า โครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการที่ดี ไม่ได้สร้างความเสียหายแต่อย่างใด สำหรับตัวเลขความเสียหายที่พยายามจะยัดเยียดให้ดิฉันนั้นก็เป็นเพราะความมีอคติต่อตัวดิฉัน และนำชาวนามาเป็นเครื่องมือในการทำลายล้างทางการเมือง

ดังที่ดิฉันได้เคยกล่าวถึงความเป็นประชาธิปไตยในประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2556 ณ เมืองอูลันบาตอ ประเทศมองโกเลียว่า “ดิฉันนั้นต้องการเห็นความปรองดองเกิดขึ้นในประเทศไทย และประชาธิปไตยของไทยพัฒนาให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ ก็ด้วยหลักนิติธรรม และกระบวนการทางกฎหมายที่แข็งแรง มีขั้นตอนที่ชัดเจน โปร่งใส และเมื่อนั้น ทุกคนจะสามารถมั่นใจได้ว่าเขาจะได้รับการดูแลที่ยุติธรรม”

ดิฉันยังคงยืนยัน ในคำพูดดังกล่าว แม้ว่าวันนี้ประชาธิปไตยไทยได้ตายไปแล้วพร้อมกับหลักนิติธรรม แต่ขบวนการทำลายล้างยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ดังที่ดิฉันได้ประสบอยู่ขณะนี้

เป็นที่น่าเสียใจ และเป็นเรื่องที่ไม่อยากจะเชื่อว่ามีเหตุการณ์บังเอิญต่างๆ มากมาย ตามที่ดิฉันได้แถลงปิดสำนวนไปเมื่อวานนี้ และเป็นการบังเอิญ ที่ไม่ใช่ความบังเอิญ อีกครั้งหนึ่ง คือ ก่อนเวลาที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะเริ่มลงมติถอดถอนเพียง 1 ชั่วโมง อัยการสูงสุดก็ได้แถลงสั่งฟ้องดิฉันในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก่อให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ทั้งๆ ที่หัวหน้าคณะผู้แทนอัยการสูงสุดยืนยันว่ายังต้องพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ของคดีต่อไป

องค์กรอัยการซึ่งเป็นองค์กรที่สร้างความน่าเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรมมายาวนาน กลับต้องถูกตั้งข้อสงสัยในประเด็นนี้ค่ะ

ทั้งนี้ การปฏิบัติหน้าที่ของดิฉันในฐานะนายกรัฐมนตรีตลอดระยะเวลา 2 ปี 9 เดือน 2 วันนั้น ดิฉันตั้งใจทำงานด้วยความทุ่มเทที่จะแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มอย่างไม่เลือกปฏิบัติ และดิฉันภูมิใจที่ช่วงหนึ่งในชีวิตได้ทำให้พี่น้องชาวนา และคนยากจนได้ลืมตาอ้าปากและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

แม้ในวันนี้ดิฉันไม่มีตำแหน่งอะไรเหลืออยู่แล้ว ยังคงเหลือแต่คดีความที่ถูกยัดเยียดไว้ให้ ที่ต้องไปสู้คดีในชั้นศาลต่อไป

คำว่าความปรองดองจะเกิดขึ้นได้ต้องไม่ใช่การไล่ล่าคนใดคนหนึ่ง แต่หมายถึงความเป็นกลาง ที่ต้องอำนวยความยุติธรรมให้กับทุกฝ่าย เมื่อความเป็นธรรมเกิด ความยุติธรรมก็จะตามมา การยอมรับ ความสงบ ความสามัคคีก็จะมีขึ้นในสังคมไทย

เพราะเราเป็นคนไทยเหมือนกัน แทนที่เราจะหันหน้าเข้าหากัน แล้วร่วมกันทำให้ประเทศของเราเข้มแข็ง แต่กลับสร้างความจงเกลียดจงชังให้แก่กัน ไล่ล่าเพื่อให้ไม่มีที่ยืน สุดท้ายคนที่เสียหายก็คือประเทศของเรา

ดิฉันรันทดใจ ไม่ใช่เพราะดิฉันถูกกลั่นแกล้ง และประสบชะตากรรมที่ไม่เป็นธรรม แต่ดิฉันเสียใจแทนชาวนา และประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ที่ต้องสูญเสียโอกาส ต้องกลับไปอยู่ในวังวน ของความยากจน มีหนี้สิน ถูกเอารัดเอาเปรียบ และสูญเสียความเป็นประชาธิปไตยขั้นพื้นฐาน ตลอดจนกฎหมายถูกบิดเบือน

สุดท้ายนี้ ดิฉันก็หวังว่าผู้ที่เป็นฝ่ายอำนวยความยุติธรรมของประเทศ จะไม่ปล่อยให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ที่ไม่รักษากติกาประชาธิปไตย และไม่รักษา หลักนิติรัฐ นิติธรรม มาชี้นำใดใดอีก ดังที่มีนักวิชาการกล่าวว่า “ไม่มียิ่งลักษณ์ คนไทยยังอยู่กันได้ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ ถ้าไม่มีความยุติธรรมหลงเหลืออยู่ ในระบบการปกครองของไทยแล้ว คงไม่มีใครอยู่ได้”

อย่างไรก็ตาม ดิฉันขอยืนยันว่า ดิฉันจะต่อสู้จนถึงที่สุดเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของดิฉันไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร และที่สำคัญ คือ ดิฉันจะขอยืนหยัดอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชนคนไทย เราต้องร่วมกันนำความเจริญก้าวหน้ามาสู่ประเทศ ทำให้ระบอบประชาธิปไตยของเรากลับคืนมา และสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอย่างแท้จริง”




กำลังโหลดความคิดเห็น