“ยิ่งลักษณ์” ระรื่นนำบริวารแถลงปิดสำนวนคดีถอดถอน ยันพร้อมแจงทุกขั้นตอนโครงการจำนำข้าว ปัดหนีตอบข้อซักถาม อ้างมอบหมายให้อดีต รมต.แจงแล้ว ไม่รู้คนไกลหนุนอยู่เบื้องหลังหรือไม่ อ้อน สนช.ให้ความเป็นธรรม ขณะที่ “ทนายถุงขนม” ขู่ “ยุติธรรมไม่มี สามัคคีไม่เกิด” ด้านฝ่ายความมั่นคงขนตำรวจ ทหาร ดูแลความเรียบร้อยรอบรัฐสภา แต่ไร้เงาม็อบให้กำลังใจ “ปู”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในเวลา 10.00 น. วันนี้ (22 ม.ค.) มีวาระพิจาณาเพื่อดำเนินกระบวนการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง กรณีไม่ระงับยับยั้งปล่อยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 6 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ประกอบมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 โดยวันนี้อยู่ในขั้นตอนการรับฟังคำแถลงปิดสำนวนด้วยวาจาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ผู้กล่าวหา และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา โดยก่อนหน้านี้ นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทีมทนายความโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางไปแถลงปิดคดีโครงการรับจำนำข้าวด้วยตัวเอง โดยมีทีมทนายความ 4 คน และอดีตรัฐมนตรี 5 คน ร่วมเดินทางไปด้วย
สำหรับมาตรการรักษาความปลออดภัย บริเวณรัฐสภา มีการวางกำลังตั้งแต่ลานพระรูปทรงม้าเป็นชุดของกองบัญชาการตำรวจนครบาล 4 จำนวน 1 กองร้อย และบริเวณถนนอู่ทองใน หน้ารัฐสภา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 กองร้อยจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล 1 รวมทั้ง บริเวณแยกขัตติยาณี มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 1 กองร้อยจากกองกำกับการควบคุมฝูงชน ร่วมกับกำลังตำรวจนอกเครื่องแบบและเจ้าหน้าที่ทหาร ดูแลความเรียบร้อยรอบพื้นที่รัฐสภา พร้อมตรวจบุคคลเข้าออกบริเวณอาคารอย่างเข้มงวด
พล.ต.ต.พงษ์พันธุ์ วรรณภักตร์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการข่าวที่เป็นกลุ่มมวลชนออกมาเคลื่อนไหว ซึ่งจะประเมินสถานการณ์ทุกวัน และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานประสานกับทหาร โดยตำรวจดูแลความเรียบร้อยเป็นหลัก และทหารเป็นกำลังเสริม หากเกิดกรณีที่มีมวลชนออกมามากกว่า 6 คน จะต้องประเมินว่าเกี่ยวข้องกับความเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ อาทิ การชูป้ายหรือการปราศรัย ก็จะใช้มาตรการเริ่มจากพูดคุยทำความเข้าใจก่อน แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่จะให้กำลังใจในเชิงสัญลักษณ์มากกว่า
ต่อมา เวลา 09.20 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เดินทางถึงรัฐสภา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมบรรดาอดีต ส.ส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทยกว่า 10 คน เช่น นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีต รมช.ศึกษาธิการ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี นายพลภูมิ วิภัตภูมิประเทศ อดีต ส.ส.กทม. เป็นต้น
น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ว่า มีความพร้อมและจะชี้แจงในส่วนของการแถลงปิดคดีซึ่งจะเป็นการสรุปรายละเอียดทั้งหมดตั้งแต่ต้นให้ประชาชนและสมาชิก สนช.รับทราบ เมื่อถามว่ามีความกังวลหรือไม่เพราะเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ไม่ได้มาตอบข้อซักถามต่อสนช. น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้น เพราะได้มอบหมายให้รัฐมนตรีที่รู้รายละเอียดให้มาตอบแทนแล้ว เพราะข้อบังคับก็เปิดให้ ตนจึงมอบหมายให้รัฐมนตรีมาชี้แจงแทน ไม่มีเจตนาใดๆ
“วันนี้ดิฉันพร้อมทำอย่างเต็มที่ และตั้งใจชี้แจงอย่างเต็มที่ในรายละเอียดก็ต้องให้ผู้รับฟังพิจารณาตัดสิน หวังว่าคงให้ความเป็นธรรมกับดิฉันด้วย”
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติได้ตั้งคำถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า ได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศหรือไม่ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่า ไม่ทราบ แต่จะชี้แจงตามข้อเท็จจริงตั้งแต่ต้นให้ดีที่สุด
ขณะที่นายพิชิต ชื่นบาน คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย กล่าวเรียกร้องให้ สนช.กลับไปดูพยานหลักฐานที่มี 3,000 หน้า เพราะเท่าที่ทราบมี สนช.ไม่กี่คนไปตรวจพยานแล้ว ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ในการทุจริตระบายข้าวจีทูจีและกรณีที่คณะทำงานร่วม ป.ป.ช.และอัยการสูงสุดมีมติสั่งฟ้องคดีอาญา น.ส.ยิ่งลักษณ์ในโครงการรับจำนำข้าวนั้น เป็นการพยายามสร้างกระแสกดดันเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าหาก สนช.ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์จะกระทบความปรองดองหรือไม่ นายพิชิตกล่าวว่า ถ้าความยุติธรรมไม่มี ความสามัคคีไม่เกิด ไม่ได้หมายความว่าหากปรองดองแล้วการดำเนินคดีความต่างๆ จะหยุดไป ซึ่งในพื้นฐานของความเป็นธรรมอยากให้ สนช.กลับมาอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง