กสม. ยันยังเกรดเอ ไม่ถูก ICC ลดระดับหลังให้โอกาสชี้แจง เผย 5 ข้อห่วงใย หวัง สนช. ผ่านร่าง พ.ร.บ. กสม. เพื่อเป็นไปตามหลักการปารีส ยืนยันสนองตอบต่อสถานการณ์ แม้จะล่าช้าแต่ครบถ้วน รอบด้าน ย้ำความเป็นอิสระ และเป็นกลาง
วันนี้ (16 ม.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ออกเอกสารชี้เแจงกรณีคณะกรรมการประสานงานระหว่างประเทศว่าด้วยสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (International Coordinating Committee on National Human Rights Institutions หรือ ICC) จะเสนอลดระดับความน่าเชื่อถือของคณะกรรรมการสิทธิมนุษยชนไทยจากระดับเอ เป็น บี ว่า เพื่อให้เกิดความเข้าใจขอชี้แจงว่าทาง ICC ได้เลื่อนการพิจารณาข้อเสนอดังกล่าวไปเป็นระยะเวลาอีกหนึ่งปีโดยจะเปิดโอกาสให้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมว่า กสม. มีการดำเนินการสนองตอบหรือมีความคืบหน้ามากน้อยเพียงใดต่อข้อห่วงกังวลของ ICC - SCA ดังนั้น กสม. จึงยังคงอยู่ในสถานะ A และสามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของ ICC และเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในภูมิภาคได้ตามปกติ
อย่างไรก็ตาม สำนักงาน กสม. มีความเห็นต่อประเด็นข้อห่วงใยของ ICC- SCA ที่จะส่งผลต่อการพิจารณาลดสถานะ กสม. ดังนี้
1. กระบวนการสรรหา และแต่งตั้ง กสม. กรณีที่ ICC - SCA ได้แสดงความเห็นต่อกรณีการสรรหา คัดเลือก คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ว่าองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหายังไม่สามารถประกันได้ถึงความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะภาคประชาสังคม ทั้งยังไม่มีบรรทัดฐานชัดเจนในการประเมินคุณสมบัติของผู้สมัครที่เหมาะสม กสม. ตระหนักถึงข้อห่วงใยดังกล่าว แต่กรณีนี้จำเป็นต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของ กสม. อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การสรรหา และแต่งตั้ง กสม. สอดคล้องกับหลักการปารีส กสม. ได้จัดทำข้อเสนอแนะในการร่างรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการสรรหา กสม. ไปแล้ว ทั้งนี้ กสม. ขอเน้นย้ำและเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหาให้มีความหลากหลายทางวิชาชีพ รวมถึงหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหา คุณสมบัติของ กสม. ที่มีประสบการณ์การดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน และนำไปสู่การบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อไป
2. การสนองตอบต่อสถานการณ์ที่กระทบสิทธิมนุษยชนให้ทันท่วงที กรณีที่ ICC - SCA ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับการสนองตอบต่อสถานการณ์ที่กระทบสิทธิมนุษยชนให้ทันท่วงที โดยยกตัวอย่าง เหตุการณ์การประท้วงทางการเมืองและการปราบปรามประชาชน ในปี 2553 ส่งผลทำให้มีคนเสียชีวิตและบาดเจ็บและเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ กสม.ใช้เวลาในการ จัดทำรายงานล่าช้า นั้น สำนักงาน กสม.ขอชี้แจงว่า ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยรวบรวมพยานเอกสาร พยานแวดล้อม รวมถึงรับฟังพยานบุคคล อย่างครบถ้วนและรอบด้าน เพื่อพิจารณาจัดทำรายงานการตรวจสอบและข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการส่งเสริม ปกป้องและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน แถลงการณ์ต่อสาธารณะเพื่อแสดงท่าทีของ กสม. เกี่ยวกับสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งเน้นให้เกิดการยับยั้งต่อสถานการณ์ที่อาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชน
3. ความเป็นอิสระและความเป็นกลาง กรณีที่ ICC - SCA ได้แสดงความห่วงกังวลว่าเจ้าหน้าที่ของ กสม. ที่แสดงออกต่อสาธารณะถึงการฝักใฝ่ทางการเมืองขณะที่ทำหน้าที่ นั้น กสม. ได้เน้นย้ำให้ เจ้าหน้าที่ของสำนักงาน กสม. ต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง โดยยึดหลักความเป็นกลางเช่นเดียวกับหลักการปฏิบัติหน้าที่ของ กสม. ที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2542 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เกิดเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองที่มีความเห็นแตกต่างกันเมืองภายในประเทศ จำเป็นจะต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลางอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตาม การแสดงความเห็นทางการเมืองของเจ้าหน้าที่ กสม. ย่อมถือเป็นสิทธิ เสรีภาพส่วนบุคคล หากมิได้นำตำแหน่งหน้าที่และชื่อขององค์กรไปกล่าวอ้าง ย่อมสามารถทำได้ในฐานะพลเมือง
4.กระบวนการร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรณีที่ ICC - SCA สอบถามความคืบหน้าต่อกระบวนการร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กสม. ได้ดำเนินการเสนอร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.... (ฉบับใหม่) ที่สอดคล้องกับบทบาทหน้าที่ของ กสม. ตามหลักการปารีส ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2551 โดยยืนยันต่อรัฐบาลทุกรัฐบาลไปแล้ว แต่ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ได้ถูกจัดให้รอการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรมาโดยตลอด ถึงแม้ กสม. ได้ติดตาม เร่งรัดเพื่อให้มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง หลังจากการรัฐประหารได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่า ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ... (ฉบับใหม่) สมควรรอให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีผลบังคับใช้เสียก่อน ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของ กสม.เป็นไปตามหลักการปารีส ซึ่งระบุให้มีรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายรองรับอย่างชัดเจน จึงขอเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติเร่งนำร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาพิจารณาโดยเร็ว
5. ความคุ้มกันและความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ กรณีที่ ICC - SCA ยังคงมีข้อห่วงกังวลว่าพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ยังไม่มีบทบัญญัติว่าด้วยการคุ้มกันสมาชิกจากการถูกดำเนินคดีทางกฎหมายในกรณีการทำหน้าที่โดยสุจริตและเป็นการปฏิบัติงานตามหน้าที่ เพื่อป้องกันมิให้การปฏิบัติหน้าที่ของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต้องตกอยู่ภายใต้อิทธิพลจากภายนอก หรือการถูกข่มขู่ที่จะมีการดำเนินคดีทางกฎหมายต่อสมาชิก ดังนั้น จึงมีความเห็นว่าพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ควรจะมีบทบัญญัติว่าด้วยการคุ้มครองดังกล่าวไว้อย่างชัดเจน พร้อมกับผลักดันให้ กสม. รณรงค์ในเรื่องนี้ต่อไป
สำนักงาน กสม. ขอเรียนว่า ในร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ได้เสนอสภานิติบัญญัติไปแล้ว จะมีบทบัญญัติคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของ กสม. ว่าหากได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตแล้ว ย่อมไม่ต้องรับผิดทางอาญา ทางแพ่งและทางปกครองใดๆ กสม. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และรัฐบาลจะได้พิจารณาดำเนินการตามข้อห่วงใยของ ICC - SCA ในส่วนที่เกี่ยวข้องดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ทั้งนี้ในส่วนของ กสม. และสำนักงาน กสม. เอง ได้เล็งเห็นความสำคัญต่อการพัฒนาการและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำหน้าที่ในทุกมิติ และทุกบริบทในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง อันเป็นการแสดงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนตามมาตรฐานสากลต่อไป