xs
xsm
sm
md
lg

เล่นละครแจ้งเอาผิด โคตรโกงจำนำข้าว!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ แจ้งความกองปราบฯเรื่องจำนำข้าว
รายงานการเมือง

การเข้าแจ้งความต่อกองปราบปรามของ ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เพื่อดำเนินคดีกับคู่สัญญาในโครงการรับจำนำข้าว จากกรณีข้าวที่ตรวจสอบแล้วคุณภาพไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด

โดยมีการดำเนินคดีกับคู่สัญญาในส่วนความรับผิดชอบของ อคส. สังกัดกระทรวงพาณิชย์ 77 ราย มีข้าวเสียหายปริมาณ 3.6 ล้านตัน มูลค่าความเสียหายตามราคาตลาด 65,000 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา

เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่ตอกย้ำว่า โครงการจำนำข้าว ที่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปจีบปากจีบคอแถลงต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติว่า “โครงการจำนำข้าวชาวนาได้ประโยชน์ประเทศชาติไม่เสียหาย” นั้น เป็น “ความเท็จ”

ข้อมูลล่าสุดที่ปรากฏจากกระทรวงพาณิชย์ครั้งนี้ ทำให้ยอดการขาดทุนจำนำข้าวจากการบริหารของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่กระทรวงการคลังเคยสรุปไว้ที่ 5.18 แสนล้านบาทนั้น ต้องบวกเพิ่มขึ้นอีก 65,000 ล้านบาท เท่ากับตัวเลขกลมๆ ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำเจ๊งจากโครงการจำนำข้าวซึ่งมีการยืนยันจากทางราชการแล้วคือ 583,000 ล้านบาท

ในขณะเดียวกัน ตัวเลขดังกล่าวก็ยังไม่ใช่บทสรุปสุดท้ายของการขาดทุนมหาศาลที่เกิดจากโครงการจำนำข้าว เนื่องจากผลสรุปของกระทรวงการคลังเป็นการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าวเพียงแค่ 4 ฤดูกาล ในขณะที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ดำเนินโครงการจำนำข้าว 5 ฤดูกาล จึงเหลืออีก 1 ฤดูกาลที่กระทรวงการคลังยังไม่ได้นำมาคำนวณ

ดังนั้น หากจะคิดมูลค่าความเสียหายจากผลขาดทุนจำนำข้าวจึงควรจะใช้ตัวเลขการศึกษาของทีดีอาร์ไอ ซึ่งมีการรวบรวมข้อมูลจนถึงรายงานผลการตรวจโกดังข้าวทั่วประเทศของ คสช.ที่ระบุว่ามีข้าวหาย 1.2 แสนตัน มีข้าวดีเพียง 15% อีก 85% เป็นข้าวที่มีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน โดยมีการคำนวณผลขาดทุนทั้งหมดอยู่ที่ตัวเลข 6.6 แสนล้านบาท

แต่น่าเสียดายที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ค่อยจริงจังที่จะทำความจริงให้ปรากฏว่า แท้จริงแล้วโครงการจำนำข้าวในยุคยิ่งลักษณ์ผลาญเงินชาติจนประเทศเกือบจะต้องประสบกับหายนะทางการเงินอย่างไร

เพราะการสรุปตัวเลขของกระทรวงการคลังที่ผ่านมาไม่ได้บอกข้อมูลว่า 5 ฤดูกาลที่ยิ่งลักษณ์ทำจำนำข้าวเป็นเวลา 2 ปีเศษนั้นใช้เงินทั้งหมดเท่าไหร่กันแน่ เนื่องจากขณะนี้มีการเปิดเผยตัวเลขที่แตกต่างกัน

ทีดีอาร์ไอระบุในผลการศึกษาว่าโครงการจำนำข้าว 5 ฤดูกาลของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีการจำนำข้าวเปลือกรวม 54.35 ล้านตัน ค่าใช้จ่ายรวม 9.85 แสนล้านบาท เป็นเงินซื้อข้าว 8.57 แสนล้านบาท แต่ นิวัฒน์ธำรงค์ บุญทรงไพศาล อดีตรมว.พาณิชย์ ออกมาระบุว่าใช้เงินทั้งหมด 8.6 แสนล้านบาท ขาดทุน 3.8 แสนล้านบาท

จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องปิดบัญชีโครงการจำนำข้าวให้ชัดเจน ไม่ใช่ทำแบบกล้าๆ กลัวๆ เหมือนที่กระทรวงการคลังดำเนินการไป โดยการเหมารวมจำนำข้าวในอดีตตั้งแต่ปี 2547 - 22 พ.ค. 57 รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1.05 ล้านล้านบาท ทำให้ไม่เห็นตัวเลขที่แท้จริงที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ใช้ว่ามหาศาลแค่ไหน

นอกจากนี้ เมื่อพบว่าข้าวในโกดังมีปัญหารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่มีการแจกแจงว่าเสียหายอย่างไร ใครต้องรับผิดชอบ แต่กลับใช้วิธีการงุบงิบข้อมูลไม่เปิดเผยต่อสาธารณะแล้วตัดความรับผิดชอบด้วยการให้กระทรวงพาณิชย์ไปแจ้งความดำเนินคดีกับเอกชนที่เป็นคู่สัญญากับ อคส. แทน

สิ่งที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้จึงเป็นเพียงแค่การสร้างภาพเสมือนว่าเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามการทุจริตที่เกิดในโครงการจำนำข้าว แต่ความจริงเป็นการตัดตอนการทุจริตว่าอยู่ในขั้นตอนการปฏิบัติไม่ใช่ปัญหาที่เกิดจากนโยบาย เข้าทางที่ ยิ่งลักษณ์ ยืนกรานมาโดยตลอดว่าระดับนโยบายไม่มีปัญหาแต่มีปัญหาจากระดับปฏิบัติ ซึ่งไม่เป็นธรรมที่จะให้นายกรัฐมนตรีต้องไปรับผิดชอบกับปัญหาดังกล่าว

ที่น่าสนใจคือความเสียหายครั้งนี้อยู่ในความรับผิดชอบของ อคส. ทั้งหมด เพราะเป็นการแจ้งความดำเนินคดีกับคู่สัญญาของ อคส. แต่กระทรวงพาณิชย์กลับไม่มีการเปิดเผยว่า มีการตั้งกรรมการสอบสวนผู้บริหารของ อคส.หรือไม่ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่การทำสัญญา 77 ฉบับของ อคส. ที่สร้างความเสียหายถึง 65,000 ล้านบาทนั้นจะไม่มีผู้บริหาร อคส.รายใดรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นเลย

อีกทั้งยังไม่มีการตรวจสอบให้ชัดเจนว่าการทำสัญญาดังกล่าวมีการเอื้อประโยชน์กับเอกชนที่ทำสัญญาหรือไม่ และเอกชนเหล่านั้นมีความเชื่อมโยงอย่างไรกับผู้มีอำนาจหรือเปล่าจึงได้ทำสัญญากับ อคส.

ที่ผ่านมา อคส. เป็นถังข้าวสารที่ผู้มีอำนาจล้วงผลประโยชน์มาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการทำโครงการจำนำข้าวในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งพบว่ามีความเสียหายในการบริหารโครงการมาโดยตลอดและยังมีพฤติกรรมปกปิดข้อมูลตัวเลขสต๊อกในโกดังข้าวจนส่งผลกระทบต่อการปิดบัญชีโครงการนี้ด้วย แต่ผู้บริหาร อคส.ก็ไม่เคยถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด

แม้ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็ใช้วิธีการให้ ชนุตร์ปกรณ์ วงศ์สีนิล ผอ.อคส. ลาออกด้วยเหตุผลว่ามีปัญหาสุขภาพ โดยไม่มีประเด็นเกี่ยวกับการบริหารผิดพลาดหรือการทุจริตมาเกี่ยวข้อง ทั้งที่ความเสียหายจากโครงการจำนำข้าวล่าสุดจากข้อมูลกระทรวงพาณิชย์ที่ไปแจ้งความดำเนิน คดีกับเอกชนที่ทำสัญญากับ อคส. มีมูลค่าสูงถึง 65,000 ล้านบาท

ท่วงท่าการบริหารของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ปราบปรามการทุจริตแค่คำพูด ปล่อยคนทุจริตลอยนวลในทางปฏิบัติ สะท้อนชัดว่าการถอดถอน นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่น่าจะมีการลงมติใน สนช. ภายในเดือนมกราคมนี้ ไม่มีอะไรให้หวัง

เพราะการนิรโทษกรรมเริ่มขึ้นตั้งแต่การฉีกรัฐธรรมนูญปี 50 โดยไม่มีการบัญญัติมาตราที่เกี่ยวข้องกับการถอดถอนมาทดแทนในรัฐธรรมนูญชั่วคราว ปี 2557 แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น