xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” เดินสายพบผู้นำจีน ย้ำความสัมพันธ์สร้างแรงขับเคลื่อนร่วมมือให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นายกฯ เดินสายหารือประธานสภาฯและประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ยกระดับความสัมพันธ์ ร่วมกันผลักดันในทุกมิติให้มีความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมต่อไป โอกาสนี้ได้เชิญผู้นำจีนเยือนไทยในปีหน้า เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีนด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 23 ธ.ค. เวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เข้าหารือกับนายจาง เต๋อเจียง ประธานสภาประชาชนแห่งชาติจีน ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดย ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปผลการหารือ ดังนี้

ประธานสภาประชาชนแห่งชาติจีนได้กล่าวชื่นชมบทบาทของพระราชวงศ์ไทย โดยเฉพาะการเสด็จพระราชดำเนินเยือนของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ที่มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีน

นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มาเยือนจีนอย่างเป็นทางการและมีโอกาสเข้าพบหารือประธานสภาจางฯ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้มีบทบาทสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน มาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์มณฑลกวางตุ้ง โดยได้ส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทยกับมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเป็นมณฑลที่นำเข้าสินค้าเกษตรจากไทยมากที่สุด และได้นำคณะนักธุรกิจขนาดใหญ่มาเยือนไทย

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ฝ่ายนิติบัญญัติถือว่ามีความสำคัญ เป็นผู้แทนของประชาชน และอยากจะเห็นการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างสภานิติบัญญัติแห่งชาติของไทยกับสภาประชาชนจีนที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น รวมทั้งการไปหาสู่กันระหว่างประชาชนและการแลกเปลี่ยนระดับเยาวชนที่เพิ่มมากขึ้น

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณท่านประธานสภาฯ อีกครั้งที่ให้โอกาสเข้าพบในวันนี้ และหวังว่าจะได้มีโอกาสต้อนรับประธานสภาฯ ที่ประเทศไทย

และต่อมาเมื่อเวลา 16.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเข้าหารือกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีจีนได้ถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาวันที่ 5 ธันวาคม ขอให้ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง และเนื่องจากเป็นวันชาติของไทยด้วย ขออวยพรให้ประชาชนไทยมีความอยู่เย็นเป็นสุข

ประธานาธิบดีจีนกล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ไทย-จีนได้มีพัฒนาการที่สำคัญหลายประการ โดยเฉพาะการเสด็จฯ เยือนจีนของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี อีกทั้งการเข้าร่วมการประชุมเอเปค ที่กรุงปักกิ่ง ของนายกรัฐมนตรี การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมไทย-จีน โดยรองนายกรัฐมนตรี ที่กรุงปักกิ่ง การลงนาม MOU การศึกษาดูงานของคณะผู้แทนสภาปฏิรูปแห่งชาติ และการเข้าร่วมการประชุมสุดยอด GMS ของนายกรัฐมนตรีจีน ที่กรุงเทพฯ และการเดินทางมาเยือนของนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ จะส่งเสริมให้ความสัมพันธ์ไทย-จีน ก้าวหน้าขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง

นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มาเยือนจีนอย่างเป็นทางการ และขอขอบคุณประธานาธิบดีของจีนที่ให้เกียรติเข้าเยี่ยมคารวะอีกครั้งหลังจากที่เคยพบกันเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ในระหว่างการประชุม APEC ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความยินดีอีกครั้งกับความสำเร็จของจีนใน APEC โดยข้อเสนอสำคัญของจีนทุกเรื่อง โดยเฉพาะ FTAAP ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง พร้อมกล่าวชื่นชมการพัฒนาประเทศอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องของจีนที่พัฒนาประเทศไปอย่างก้าวกระโดด รวมถึงเชื่อมั่นว่าภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีจีนจะมีความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีก และบรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ “ความฝันของจีน” (China Dream) ที่วางไว้อย่างรวดเร็ว และเส้นทางสายไหมใหม่ (New Silk Road) ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อภูมิภาคโดยรวมโดยเฉพาะในแง่การพัฒนาเศรษฐกิจ

ในโอกาสนี้ ไทยและจีนได้หารือถึงความสัมพันธ์ไทย-จีน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ในปี 2558 ไทยกับจีนจะร่วมกันเฉลิมฉลองการครบรอบ 40 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต และยังเป็นปีที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษาด้วย ในโอกาสพิเศษนี้ นายกรัฐมนตรีจึงขอเรียนเชิญประธานาธิบดีจีนเยือนไทยในฐานะแขกของรัฐบาลไทย ซึ่งจะเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ การเยือนของจีนจะสร้างแรงขับเคลื่อนที่สำคัญต่อความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ไทย-จีน ใน 40 ปีข้างหน้า

นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความพอใจต่อผลการพบหารือกับนายกรัฐมนตรีจีนเมื่อวานนี้ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนทางความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ในรอบด้านระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันทั้งในกรอบทวิภาคีและภูมิภาค โดยในการหารือกับท่านประธานาธิบดีของจีนครั้งที่แล้ว ทั้งสองฝ่ายได้เน้นเรื่องความร่วมมือด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน 4 สาขา คือ ด้านรถไฟ การบริหารจัดการน้ำ พลังงาน และการศึกษา ซึ่งในการหารือกับนายกรัฐมนตรีของจีน นายกรัฐมนตรีได้แจ้งให้ทราบถึงความคืบหน้าในการดำเนินการของฝ่ายไทย โดยเฉพาะในเรื่องรถไฟ ส่วนในความร่วมมือด้านต่างๆ เช่น การค้า การสื่อสาร การท่องเที่ยว ก็จะได้ร่วมกันผลักดันให้มีความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

ในโอกาสนี้ ประธานาธิบดีจีน ยังได้ชื่นชมไทยในการทำหน้าที่ประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-จีน อีกทั้งจีนจะสนับสนุนการจัดตั้งประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็ง จีนจะดำเนินการทูตด้วยความจริงใจ มีไมตรีจิต เน้นการมีส่วน การบรูณาการความร่วมมือและสร้างความยั่งยืน จีนและไทยได้ร่วมมือกันแก้ไขสถานการณ์และปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด ทั้งวิกฤตการเงิน โรคซาร์ส แผ่นดินไหว อุทกภัย มีความร่วมมือด้านวัฒนธรรม การศึกษา เทคโนโลยี อีกทั้ง ประชาชนทั้งสองประเทศมีการไปมาหาสู่กันอย่างใกล้ชิด

ในช่วงท้าย ประธานาธิบดีจีนได้กล่าวว่า การเดินทางเยือนของนายกรัฐมนตรีประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งและความสัมพันธ์ไทย-จีนได้ก้าวขึ้นสู่อีกระดับหนึ่ง ซึ่งตนจะได้กำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเดินทางเยือนไทยต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์สรุปการปฏิบัติภารกิจระหว่างการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 22-23 ธันวาคม 2557 ดังนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการเดินทางมาเยือนจีนอย่างเป็นทางการ (Official Visit) เป็นครั้งแรกว่า เป็นไปตามคำเชิญของนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอยู่ในระดับที่ดีมากในขณะนี้ ไทยและจีนจะครบรอบ 40 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างในปีหน้า (2558) จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทำให้ผู้นำทั้งสองประเทศสามารถบุกเบิกความร่วมมือในด้านต่างๆ ทั้งการค้า การลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีสารสนเทศ การบริหารจัดการน้ำ เป็นต้น

สำหรับการพบปะหารือกับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนนั้น ได้มีการพูดคุยทั้งการส่งเสริมความร่วมมือเศรษฐกิจ และการขจัดอุปสรรค ทางการค้า ระหว่างกัน เพื่อประโยชน์ในการส่งออกสินค้าไทย โดยเฉพาะสินค้าเกษตรของไทย ซึ่งจีนเป็นประเทศคู่ค้าอันดับหนึ่งและเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทย

ทั้งสองฝ่ายจะได้เร่งรัดการดำเนินการ MOU 2 ฉบับ ที่ได้มีการลงนามไปแล้วเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2557 ที่กรุงเทพฯ ให้เป็นไปตามข้อตกลง ทั้ง MOU ความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 เห็นชอบร่วมกันที่จะให้คณะกรรมการร่วม ได้เริ่มหารือกันภายในต้นปีหน้า สำหรับ MOU ความร่วมมือด้านเกษตรนั้น จีนยืนยันที่จะพิจารณาเพิ่มการรับซื้อสินค้าเกษตร ทั้งในส่วนของข้าวและยางพารา จากไทย โดยรัฐบาลหวังว่าจะเป็นกลไกหนึ่งในการช่วยผลักดันสินค้าเกษตรให้มีราคาสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังได้มีการหารือในความร่วมมือด้านอื่นๆ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ พลังงาน เป็นต้น

นายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรีจีน ยังได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงและบันทึกความเข้าใจ 4 ฉบับ ครอบคลุมความร่วมมือทั้งด้านตลาดทุนและตลาดเงิน ระหว่างไทย-จีน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการทำธุรกรรมระหว่างเงินบาทของไทยและเงินหยวนของจีน การส่งเสริมให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนจีน นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือด้านวิชาการเรื่องน้ำในด้านต่างๆ ประกอบด้วย

1. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแต่งตั้งธนาคารชำระดุลเงินหยวนในประเทศไทยระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารประชาชนจีน (ธนาคารกลางจีน)

2. ความตกลงทวิภาคีแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลหยวนและบาท เพื่อต่ออายุความตกลงฯ ฉบับเดิมที่ลงนามเมื่อปี 2555 และกำลังจะหมดอายุในวันที่ 22 ธันวาคม 2557 ระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารประชาชนจีน (ธนาคารกลางจีน)

3. บันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับความร่วมมือทางวิชาการด้านทรัพยากรน้าและการชลประทาน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยกับกระทรวงทรัพยากรน้ำของจีน

4. บันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและธนาคารแห่งประเทศจีน จำกัด (Bank of China Limited)

สำหรับการหารือระหว่างกับนายจาง เต๋อเจียง ประธานสภาประชาชนแห่งชาติจีนนั้น ได้มีกรพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในแนวทางการปฏิรูปกฎหมายและนิติบัญญัติ และความสัมพันธ์ในระดับประชาชนกับประชาชน รวมทั้งได้เรียนเชิญประธานสภาประชาชนแห่งชาติจีนเดินทางมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการในปีหน้า เพื่อร่วมเฉลิมฉลองวาระโอกาสครบรอบ 40 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ในปีหน้าด้วย

ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนนั้น ประธานาธิบดีจีนได้เปิดเผยถึงแนวทางการปฏิรูปประเทศจีนตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านใา ทำให้จีนมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในช่วง 35 ปีหลัง ซึ่งจะยังคงต้องเดินหน้าปฎิรูปในเรื่องต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยจีนยังได้วางเป้าหมายหลักของการดำเนินการ 3 ประการ คือ การพัฒนาเส้นทางสายไหมใหม่ทั้งทางบกและทางทะเล การดำเนินนโยบายทางการทูตอย่างเป็นอิสระ และ ความฝันของจีน (China Dream) ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือไทยและจีนจะเป็นส่วนหนึ่งในแผนพัฒนาความก้าวหน้าของจีนทั้งสามประการด้วย และในโอกาสที่ปีหน้า จะครบรอบ 40 ปี ของความสัมพันธ์ไทย-จีน และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษาด้วย จึงได้ขอเรียนเชิญประธานาธิบดีจีน เดินทางมาเยือนไทยเพื่อร่วมเฉลิมฉลองในวาระพิเศษนี้ด้วย

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการเยี่ยมชมศูนย์ควบคุมรถไฟแห่งประเทศจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการควบคุมรถไฟจีนทั่วประเทศ โดยมีศูนย์ย่อยอีก 18 ศูนย์ เป็นศูนย์ที่ใช้เทคโนโลยีทีทันสมัยที่ สามารถติดตาม ตรวจสอบ ควบคุมการเดินรถไฟจีนทุกขบวนในระยะเวลาจริง และได้ทดลองนั่งรถไฟความเร้วสูงเส้นทางปักกิ่ง-เทียนจิน ที่มีระยะทาง 120 กม โดยใช้เวลาเดินทาง 33 นาที ซึ่งจะเป็นการศึกษาเพื่อพิจารณาเป็นหนึ่งแนวทางพัฒนารถไฟไทย ขณะนี้รัฐบาลได้เริ่มด้วยการพัฒนารถไฟที่สามารถวิ่งด้วยความเร็ว 160 กม/ชม และจะเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนารถไฟความเร็วสูงของไทยต่อไป

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียังได้เปิดเผยถึงการหารือกับภาคเอกชนจีนว่า รัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนา ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้านดิจิตอล เพื่อให้ไทยก้าวหน้าไปสู่ความทันสมัย พร้อมผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์โทรคมนาคมของภูมิภาคเช่นเดียวกัน (IT Hub) เช่นเดียวกัน อาทิ การพัฒนาศูนย์ข้อมูลข่าวสาร (Data Center) ที่จะต้องสามารถดำเนินงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีความสมารถในการบรรจุข้อมูลได้อย่างไม่จำกัดและ มีศักยภาพในการส่งข้อมูล ข่าวสารทั้งภาพ เสียง วิดีโอ ได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งไม่เพียงจะเป็นการต่อยอดให้กับเศรษฐกิจไทย แต่จะสามารถนำมาปรับใช้เพื่อการส่งเสริมระบบการเรียนการสอน และการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมให้กับคนไทยทั่วประเทศได้






กำลังโหลดความคิดเห็น