xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวร้าย-คนไทยจนกรอบ !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เกาะกระแส


00 ได้เห็นข่าวการเปิดเผยของประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทไทยเพรสซิเดนฟูดส์จำกัด(มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ มาม่า พิพัฒน์ พะเนียงเวทย์ ว่ายอดขายบะหมี่มาม่าในรอบปี 57 ต่ำที่สุดในรอบ 42 ปี ความหมายก็คือไม่เคยมียอดขายตกต่ำแบบนี้มาก่อนนับตั้งแต่มีการทำตลาดมา ซึ่งเขาอธิบายว่าที่ผ่านมาแม้ว่าบ้านเมืองจะมีภาวะเศรษฐกิจไม่ดีหรือตกต่ำแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างมาม่าจะขายดีสวนทางกัน แต่ปรากฏว่าในปีนี้เศรษฐกิจแย่"จนถึงขนาดคนจนไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อมาม่ากิน" โดย พิพัฒน์ ระบุว่าเป็นเพราะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว และราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ

00 นั่นคือข่าวร้ายที่สะท้อนดัชนีทางเศรษฐกิจที่"จริงที่สุด" โดยไม่ต้องไปอ้างอิงหลักวิชาการที่ไหนให้วุ่นวาย เพราะถ้าจะอ้างว่าอาจเป็นเพราะคนไทยยุคใหม่เลิกกินมาม่า ยำยำ แล้วหันไปอาหารหรูในร้านในห้างก็ไม่น่าจะใช่อีก เพราะเมื่อไปดูตามห้างต่างๆก็เงียบเหงายอดขายตกทั้งสิ้น อาจจะคึกคักบ้างในช่วงต้นเดือน กลางเดือน ซึ่งเหตุผลที่อธิบายได้ก็คือ"หนี้ครัวเรือนสูง"ทำให้ไม่มีเงินใช้จ่ายอย่างอื่น รายได้ของคนไทยส่วนใหญ่มาจากราคาสินค้าเกษตร คือ ยางพารา ข้าว รวมไปถึงสินค้าหลักตัวอื่นราคาตกต่ำหมด นี่คือคำตอบว่าทำไมคนไทยถึงได้"จนกรอบ"จนไม่มีเงินจะซื้อบะหมี่มาม่ากิน

00 หากย้อนหลังกลับไปข้อมูลทางเศรษฐกิจในลักษณะแบบนี้มีมาตั้งแต่ยุครัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในช่วงที่กำลังได้รับผลกระทบจากโครงการ"ประชานิยม"จากบ้านหลังแรก โดยเฉพาะจากโครงการ"รถคันแรก"จนต้องทิ้งใบจอง ทิ้งดาวน์ หรือแม้แต่พวกที่กัดฟันผ่อนรถต่อไป แต่นั่นหมายความว่าพวกมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้จำกัดก็จะไม่มีเงินเหลือพอจับจ่าย เพราะต้องหักค่างวด ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ค่าจอดรถสารพัด นี่แหละคือสาเหตุที่วันหยุดไม่ออกไปไหน และมาม่ายอดขายตกฮวบ

00 นี่คือข่าวร้ายที่สะท้อนความเป็นจริงอย่างที่สุด และหวังว่านายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และทีมเศรษฐกิจที่นำโดยรองนายกฯ มรว.ปรีดิยาธร เทวกุล รมว.คลัง สมหมาย ภาษี และ รมว.พาณิชย์ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รวมไปถึง รมว.เกษตรฯ ปิติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา และทั้งครม.ก็ต้องรับรู้เอาไว้ เพราะภาพรวมในปีนี้ย่อมส่งผลถึงแนวโน้มในปีหน้าอย่างชัดเจน ที่คาดหวังกันว่าศก.ปีหน้าจะโตร้อยละ 3.5-4 นั้นเริ่มมีหลายฝ่ายออกมายอมรับแล้วว่าน่าจะไม่ถึงเสียแล้ว นี่ก็คือข่าวร้ายที่ต้องรับรู้กันแต่เนิ่นๆ และต้องยอมรับสภาพความเป็นจริงแบบนี้อย่างมีสติให้ได้ด้วย !!

00 พิจารณาจากสัญญาณออกมาเท่าที่เห็นก็พอมองออกบ้างแล้วว่าการประชุมร่วมกันระหว่างตัวแทน ปปช.กับ อัยการสูงสุด วันที่ 25 ธ.ค.เพื่อพิจารณาสรุปสำนวนคดีความผิดโครงการรับจำนำข้าว ผลน่าจะเหลื่อมออกมาในทางที่อัยการฯจะยอมให้ส่งฟ้อง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อศาลอาญาได้แล้ว เพราะเริ่มมีแรงกดดัน เสียงวิจารณ์ที่ดังเข้ามาเข้าหูมากขึ้นเรื่อยๆ และที่สำคัญการออกมาพูดถึงตัวเลขความเสียหายจากโครงการดังกล่าวของ นายกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่ามีไม่ต่ำกว่า 6.8 แสนล้านบาท ดังนั้นงานนี้ถ้าไม่ฟ้องเอาผิดระดับ"หัวโจก"สุดท้ายอัยการฯนั่นแหละ"จะโดน" ยิ่งในเวลานี้กระแสปฏิรูปกำลังมาแรง ถ้ายังฝืนความรู้สึกสังคมระวังจะตกอยู่ในชะตากรรมแบบเดียวกับที่"ตำรวจ"กำลังเจออยู่ในเวลานี้

00 อย่างไรก็ดีแม้ว่าในวันนั้น(25 ธ.ค.) ทางอัยการฯจะอิดออดยังไม่ยอมสั่งฟ้อง ยังอ้างว่าสำนวนยังไม่สมบูรณ์ ก็เชื่อว่าทาง ปปช.ก็คงเดินหน้าฟ้องเองแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ ปปช.เจ้าของสำนวนอย่สง วิชา มหาคุณ และ สุภา ปิยะจิตติ ก็เคยออกมาส่งสัญญาณชัดแล้วว่า ไม่ยื้อกันอีกแล้ว รวมไปถึงไม่มีการสอบพยานเพิ่มเติมตามที่ร้องขอมาแต่อย่างใด เอาเป็นว่าวันที่ 25 ธ.ค.ก็น่าจะสรุปครั้งสุดท้ายแล้สว่าอัยการฯจะเลือกเดินทางไหน แม้ว่าจะอ้างกม.เป็นเกราะ แต่อย่าลืมความรู้สึกของชาวบ้านที่จ้องมองอยู่ที่สำคัญนี่คือกระแสสังคมยุคใหม่ที่"รู้เท่าทัน" และก้าวหน้าไปไกลลิบ จนนำมาสู่กระแสปฏิรูปทุกด้าน แม้ว่าภายนอกจะอยู่ภายใต้กรอบเผด็จการ แต่ที่ชาวบ้านเขายอมเงียบ เพราะเฝ้าดูอยู่ แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่"ไม่เป็นตามที่พูด"หรือตุกติก ต่อให้สิบคสช.ก็เอาไม่อยู่หรอก เชื่อเถอะ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น