xs
xsm
sm
md
lg

กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานอัดฉีด 6.9 พัน ล.เน้นหนุนชุมชนชายแดน-พีอาร์ 7%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก (ภาพจากแฟ้ม)
ประชุมกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เผย 3 ปีย้อนหลัง เน้นลดใช้พลังงาน หมดงบไป 1.4 หมื่นล้าน ปี 2558 จัดสรรงบ 148 โครงการ วงเงิน 6.9 พันล้าน พบกระจายกลุ่มเป้าหมายความมั่นคงเยอะสุด ส่วนใหญ่สนับสนุนชุมชนไม่มีไฟฟ้าใช้ และให้การศึกษาทางไกล รองลงมาหน่วยงานรัฐ ชุมชน พบงานพีอาร์ 7%

วันนี้ (22 ธ.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (กทอ.) ได้เป็นประธานการประชุมกองทุนเพื่อนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานครั้งที่ 4 / 2557 โดยมี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และ นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ นายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน ได้เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 โดยคณะกรรมการ กทอ. ได้รับทราบฐานะการเงินของกองทุน ณ วันที่ 30 กันยายน 2557 และงบการเงินกองทุนปี 2554 - 2556 ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองแล้ว โดยมีรายรับเฉลี่ย 500 - 600 ล้านบาทต่อเดือน ตามปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผลิตจำหน่าย และนำเข้าเพื่อใช้ในราชอาณาจักรในอัตราที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) กำหนดเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2553 ประมาณ 25 สตางค์ต่อลิตร และมีรายจ่ายตามที่ กพช. ในการประชุมเมื่อ 23 มีนาคม 2555 ได้กำหนดแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนตามวัตถุประสงค์ที่ พ.ร.บ. อนุรักษ์พลังงานฯ กำหนดไว้ โดยเฉลี่ย 500 - 600 ล้านบาทต่อเดือน

นายคุรุจิต กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของกองทุนในช่วง 3 ปีย้อนหลัง ได้เกิดผลงานเชิงประจักษ์ เช่น การลดการใช้พลังงานในภาครัฐ การกำกับดูแลการใช้พลังงานภาคเอกชนทั้งในโรงงานและอาคาร เป็นต้น ซึ่งในช่วงปี 2555 - 2557 ได้ใช้เงินกองทุนไป 14,841 ล้านบาท ช่วยลดการใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ 2,055 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ/ปี (ktoe/ปี) คิดเป็นมูลค่า 67,000 ล้านบาท/ปี ถ้านำไปเทียบกับการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายของประเทศ ณ ปี 2557 ที่ใช้ไปประมาณ 79,700 ktoe เท่ากับกองทุนได้เข้าไปช่วยทำให้การใช้ลดลงร้อยละ 2.5 ช่วยทำให้มีการใช้พลังงานทดแทนคิดเป็นร้อยละ 10.7ช่วยลดการปลดปล่อยก๊าชเรือนกระจกได้ 12.26 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์และคิดเป็นร้อยละ 57 ถ้าเทียบกับเป้าหมายตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ณ ปี 2557

การจัดสรรเงินกองทุนฯ ปี 2558 กทอ. ได้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้เป็นไปตาม 3 เรื่องสำคัญ คือ หนึ่ง สอดคล้องวัตถุประสงค์การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 สอง สอดคล้องกับแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตามมติ กพช. และสาม สอดคล้องกับยุทธศาสตร์แผนอนุรักษ์พลังงาน (พ.ศ. 2554 - 2573) และแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (พ.ศ. 2555 - 2564) โดยได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 จำนวน 148 โครงการ โดยมีวงเงิน 6,943 ล้านบาท แบ่งเป็นแบบงานตามแผนที่หน่วยงานคิดและวางแผนไว้แล้ว 5,944 ล้านบาท และแบบวงเงินรวม (Block Grant) ประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ประกาศให้ทุนสนับสนุนแก่โครงการอื่นๆ ตามความเหมาะสม เช่น ทุนวิจัยด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน การลงทุนเทคโนโลยีพลังงานทดแทนในภาคอุตสาหกรรมการดำเนินงานในระดับชุมชน เป็นต้นการจัดสรรงบกองทุนปีนี้ได้พยายามกระจายให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายต่างๆ จะแบ่งออกได้ 8 กลุ่ม ได้แก่ 19% กลุ่มชุมชน 13% หน่วยงานภาครัฐ 22% หน่วยงานความมั่นคง 23% ภาคเอกชน 9% งานศึกษาวิจัย 7% งานประชาสัมพันธ์ 4% งานพัฒนาบุคลากร และ 2% เป็นงานบริหาร

นายคุรุจิต กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินโครงการต่างๆ ในปี 58 จะช่วยลดการใช้พลังงานลงได้อีก 227 ktoe/ปี คิดเป็นมูลค่า 7,350 ล้านบาท/ปี และช่วยบรรเทาการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้พลังงานลงได้ 1.3 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ โดยยังคงกำกับดูแลการใช้พลังงานในอาคารภาครัฐกว่า 10,000 หน่วยงาน การใช้พลังงานในภาคเอกชนที่เป็นอาคารควบคุม 2,250 แห่ง และโรงงานควบคุม 5,500 แห่ง โดยเพิ่มความเข้มข้นขึ้นด้วยการมีมาตรฐานการใช้พลังงานมากำกับ และเพิ่มการช่วยเหลือ SMEs ให้มากขึ้นเพื่อลดต้นทุนรายจ่ายด้านพลังงาน เป็นต้น และเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจได้ว่า การปฏิบัติงานตามแผนการใช้จ่ายเงินของกองทุนเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องและสามารถสร้างผลงานที่สอดคล้องตามเป้าประสงค์หรือจุดมุ่งหมายที่วางเอาไว้ กทอ. จึงได้มอบคณะอนุกรรมการกองทุนในการกำกับดูแลโดยให้มีรายงานผลการดำเนินงานทุก 4 เดือนเป็นอย่างน้อย และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการประเมินผลขึ้นอีกคณะหนึ่ง เพื่อช่วยประเมินผลการดำเนินงาน รายงานจากคณะอนุกรรมการทั้ง 2 คณะ จะเป็นตัวบ่งชี้ผลสำเร็จ ปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น จะเป็นข้อมูลแก่ กทอ. ในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

สำหรับงบประมาณของหน่วยงานความมั่นคง 23% ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่สนับสนุนชุมชนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ในพื้นที่ห่าง อาทิ จ.นราธิวาส และ บางพื้นที่ของ จ.ยะลา โดยพื้นที่ห่างไกล และไม่มีไฟฟ้าใช่ประมาณ 343 แห่ง รวมทั้งมีการสนับสนุนหมู่บ้านพัฒนาเพี่อความมั่นคงตามพื้นที่ชายแดน และการสนับสนุนการเรียนการสอนที่เป็นโรงเรียนห่างไกล โดยในบางกรณีอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และพื้นที่ภูเขา โดยเฉพาะโรงเรียนที่ใช้ระบบการสอนแบบดาวเทียม ไปสนับสนุนเพื่อให้มีไฟฟ้าใช้เพื่อรับสัญญาณจากศูนย์สัญญาณที่วังไกลกังวล ทั้งนี้ กทอ. อนุมัติแล้วจะมีการส่งหนังสือแจ้งไปยังหน่วยที่รับการสนับสนุน และมีขอบเขตระยะเวลาในการดำเนินการตามกรอบข้อตกลง แต่หากในพื้นที่ห่างไกลอาจจะมีบางกรณีที่จะเปลี่ยนแปลงได้


กำลังโหลดความคิดเห็น