นายกรัฐมนตรีไม่หวั่นอดีต รมว.มหาดไทยหนีคำสั่ง คสช. เตรียมจดทะเบียนองค์การเสรีไทยในต่างประเทศ เชื่อคนส่วนใหญ่เข้าใจ แนะอย่าไปขยายความ แย้มมียึดหนังสือเดินทางจริง แต่เชื่อถือประเทศอื่น อัดซ้ำมีแต่พวกหนีอาชญากรรม เสรีไทยตัวจริงยังไม่รับ เชื่อผู้นำลุ่มน้ำโขงยอมรับไทย ยันตัวเองไม่ขี้โม้ ฝากถึงสื่อวิจารณ์ไม่ห้ามแต่อย่าทำให้เสียสติ
วันนี้ (18 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีต รมว.มหาดไทย ที่หลบหนีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และได้ก่อตั้งองค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในต่างประเทศ โดยดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ได้จดทะเบียนให้เป็นองค์การที่ถูกต้องตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกาว่า นี่คือความแตกต่างระหว่างมุมมองของโลกภายนอกกับประเทศไทย เพราะเขามองในแง่สิทธิมนุษยชน บางอย่างเรามีกฎหมายที่บ้านเขาไม่มี เพราะเราเป็นประเทศไทยเหมือนเขา เช่น เรื่องสถาบันที่จำเป็นต้องมี เป็นหน้าที่ของเราต้องดูแลเพราะพระองค์ท่านปกป้องพระองค์เองไม่ได้ มันถึงต้องมีกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพระองค์ท่านไม่สามารถไปไหนมาไหนแบบเราได้ มีแต่ไปเยี่ยมประชาชน เมื่อพระองค์ปกป้องและชี้แจงด้วยตัวเองไม่ได้ เราก็ต้องดูแล เพราะพระองค์ท่านทรงทำประโยชน์ให้บ้านเมืองและพวกเรา
เมื่อถามว่า เป็นห่วงเรื่ององค์กรเสรีไทยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ห่วง เป็นเรื่องของเขาที่จะเคลื่อนไหว คิดว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศเข้าใจ ต่างประเทศที่ตนไปมาเขาก็เข้าใจว่าเป็นความคิดต่าง ก็เป็นคนไทยทั้งสิ้น เว้นแต่หัวใจไม่เป็นคนไทยก็แล้วไป เมื่อถามว่าหากนานาชาติยอมรับจะทำให้การขอตัวกลับมาดำเนินคดีในไทยยากขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมถึงบอกว่ามุมมองแง่คิดต่างกัน ในต่างประเทศเขามองเราอีกแบบหนึ่ง ฉะนั้นเราจะทำอะไรก็ตามต้องคำนึงถึงพื้นฐานของบ้านเราด้วยว่ามีความแตกต่างกับเขาหรือไม่ พวกเราต้องรู้วันนี้ต่างชาติกับเราพื้นฐานต่างกัน ประเทศเขาไม่มีความขัดแย้งทางด้านการเมือง เขาพัฒนามานานมากจนทุกคนยอมรับในความเห็นต่างได้ แต่ประเทศไทยพอเห็นต่างกันก็กลายเป็นคนละพวกไปหมด อันนี้มันไม่ใช่ มันต้องยอมรับในความเห็นต่างและอยู่ร่วมกันโดยที่ไม่มีความรุนแรงหรือใช้อาวุธสงคราม ของเราเห็นต่างกันและยกพวกตีกันจะทำกันแบบนี้มันไม่ได้ประเทศอื่นมันไม่มีถ้ามีก็มีน้อย”
เมื่อถามว่าอยากให้กลุ่มเสรีไทยกลับมาพูดคุยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนประกาศไปหลายครั้งแล้ว ไม่เห็นเรียกมาให้ได้สักคน ตนบอกใครอยู่ต่างประเทศก็กลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เราจะดูแลความเป็นธรรมให้ และอาจจะเมตตาด้วยซ้ำไปเพราะถือว่าเป็นคนไทย แต่เขามองตนเป็นคนไทยหรือไม่
เมื่อถามว่า นายจารุพงศ์ประกาศจะให้ศาลอาญาระหว่างประเทศร่วมมือกับเสรีไทย เพื่อต่อต้านตัวผู้นำประเทศไทย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ไปสิ ศาลอาญาระหว่างประเทศก็ต้องดูว่าเรามีการลงนามอะไรกันหรือยัง หลายประเทศเขาก็มีปัญหาหมด ถ้าเอาทุกเรื่องไปฟ้องแล้วใครเสียหาย ประเทศเสียหายหรือไม่ เมื่อถามต่อว่า คิดว่ากลุ่มเหล่านี้จะมีการขยายตัวหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็อย่าไปขยายความให้เขา ทาง รมว.กลาโหม และ รมว.มหาดไทยก็ได้บอกไปแล้ว อะไรที่เป็นเรื่องของเราก็เป็นเรื่องของเรา อย่าไปขยายความขัดแย้งให้มากขึ้น และอย่าไปขยายสิ่งที่สร้างความสับสนแตกแยก อย่าไปทำให้เขา วันนี้อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าเราเข้ามาทำอะไร เข้ามาเพื่อให้ถูกตำหนิ มันเป็นความสุขหรืออย่างไร มันไม่ใช่ ตนทำเพื่อให้เกิดความสุขให้คนไทยในอนาคต ฉะนั้นจะผิดจะถูกจะดีหรือไม่ ต้องให้เวลาในการแก้ปัญหา ตนบอกแล้วว่าปัญหามันสลับซับซ่อนหมักหมุมมานาน วันนี้ทุกอย่างต้องแก้หมด ทั้งทางปฏิบัติทางกฎหมาย และการขับเคลื่อนบริหารราชการแผ่นดิน ไม่เช่นนั้นเราจะเดินหน้าประเทศไม่ได้ เรื่องทุจริตผิดกฎหมายมีเยอะต้องนำเข้าสู่กระบวนการและต้องไล่รายละเอียดให้กระชับขึ้น โดยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
เมื่อถามต่อว่า ต้องให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงนานาประเทศหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงมาโดยตลอด และสิ่งที่ตนพูดทุกครั้งก็มีการแปลเป็นภาษาอังกฤษหมดส่งไปยังสถานทูตต่างๆ ด้วย รวมถึงการพูดในรายการคืนความสุข ก็ส่งไปเป็นแผ่นซีดีด้วย ในบางประเทศอย่างกัมพูชา ยังรู้จักเพลงคืนความสุขให้กับประชาชน ตอนที่ตนเดินทางไปเขาก็บรรเลงให้ฟัง ส่วนจะให้ความสัมพันธ์ที่ดีขอตัวผู้ที่หลบหนีไปอยู่กัมพูชาหรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอแล้ว แต่ทางกัมพูชาบอกว่ายังไม่เจอตัว เพราะคนที่กระทำผิดเคลื่อนไหวไปประเทศโน้นนี้ไปเรื่อย
เมื่อถามต่อว่าทางการข่าวได้ติดตามหรือไม่ว่า ไอ้โม่งที่อยู่ข้างหลังกลุ่มเสรีไทยเป็นใคร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ใครเป็นคนขับเคลื่อนและโยงใยกับใครก็ต้องไปหามา บางอย่างไม่จำเป็นต้องบอกทั้งหมด หน่วยข่าวก็ต้องทำงาน ถ้าไม่ทำก็เสียเงินเดือนเปล่า ก็ทำก็รายงานอยู่ อะไรที่มีปัญหาเร่งด่วนเราก็เร่งแก้ไข อะไรที่ยังไม่เกิดเราก็เฝ้าระวัง ใครทำผิดกฎหมายก็ส่งให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการ ได้หรือไม่ก็เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ต่างชาติจะให้ตัวหรือไม่เราไปบังคับเขาไม่ได้ เบื้องต้นต้องขอความร่วมมือไปก่อน ที่ผ่านมาก็ขอมาตลอด ขอมาทุกคน แล้วเคยได้มั้ย ผมเคยบอกแล้วความแตกต่าง พื้นฐานบริบทแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน เขาอาจจะมองว่าสิทธิทำได้ แต่เรามองแล้วผิดกฎหมายไทย ฉะนั้นเราต้องเคารพกระบวนการยุติธรรมของแต่ละประเทศด้วย ในฐานะที่เราเป็นประเทศเล็ก ศักยภาพก็น้อย ฉะนั้นการจะให้คนอื่นเข้าใจทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเราเป็นมหาอำนาจรวมปึกแผ่นในอาเซียน มีพลเมือง 600 ล้านคน และเป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้ทุกประเทศ ถึงจะมีศักยภาพในการต่อรอง ถ้าในประเทศเรายังรวมไม่ได้ แล้วเราจะไปรวมกับใครเขาได้ มันก็แตกกระสัน สั้นกระเซ็นไปหมด ผมขอฝากไว้อย่างเห็นต่างต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ อย่าใช้ความรุนแรงมาต่อสู้กัน แล้วทำให้ประชาชนเดือดร้อนทุกคนทราบดีมันเกิดอะไรขึ้นมา”
เมื่อถามว่า ได้มีการยึดหนังสือเดินทางผู้ที่หลบหนีคนใดไปบ้าง นายกฯ กล่าวว่า มี แต่เรื่องนี้ต้องถามกระทรวงการต่างประเทศ เพราะตนจำได้ไม่หมด เมื่อถามย้ำว่า นายจารุพงศ์ ถูกยึดหนังสือเดินทางแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่าไปกังวล เขาไม่ถือของไทย เขาไปถือของประเทศอื่นได้ จำไว้ เพราะเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเราเท่าไหร่ แต่เราให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ถ้าใครทำผิดแล้วมาอยู่บ้านเรา จะไม่ให้อยู่ เพราะเพียงแต่คนในประเทศไทยก็ทะเลาะกันมากแล้ว ตนจึงได้บอกว่าเรื่องความมั่นคงในปีหน้าหน้าเป็นห่วง เพราะบ้านเราเป็นแห่งทรัพยากร มีหลายอย่างที่ผู้กระทำผิดกฎหมายสามารถอยู่ได้เราต้องเข้มงวดเรื่องพวกนี้ ต่างประเทศเขาไม่เข้มงวดเพราะเขาสามารถคัดแยกคนได้ด้วยระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่เรามีครบหรือยัง ถ้ายังไม่มีก็จะเสรีให้ใครมากไม่ได้ โดยความมั่นคงที่พูดถึงหมายรวมทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง โดยเฉพาะการบริหารราชการแผ่นดิน จะต้องมีเสถียรภาพสงบสุข นานาประเทศจึงคบเรา ถ้ามีการเดินขบวนแล้วตีกันอีกใครจะมา การประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขง ผู้นำทุกประเทศมาหมด แสดงว่าอย่างไร
เมื่อถามว่า แสดงความเขายอมรับเราใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่รู้ คิดเอาเอง เดียวจะหาว่าขี้โม้ สิ่งดีๆ ต้องนำเสนอ สิ่งไม่ดีขอให้ถามก่อน การวิเคราะห์วิจารณ์ไม่ห้าม แต่อย่าทำให้เสียสติ
เมื่อถามว่ากรณีที่เคยพูดถึงการจับคนเมื่อปี 51 ที่สนามบิน หมายถึงความอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นการตอบคำถามในวันที่ตลาดหุ้นร่วง โดยบอกว่าปี 51 มีคนเคยถูกจับเรื่องนี้อยู่ ที่ลงเครื่องบินมาแล้วถูกจับเป็นผู้หญิง แต่กลับเอาไปตีความเลอะเทอะกันไปเรื่อย
เมื่อถามว่า วันนี้มั่นใจหรือไม่ว่าจะไม่มีอะไรมาทำลายสมาธิในการบริหารประเทศได้ โดยเฉพาะเรื่องเสรีไทย นายกฯ กล่าวว่า “ไม่มี สมาธิต้องมี ไม่มีสมาธิตนจะมาพูดได้อย่างไร ทุกอย่างเราเดินหน้าประเทศไปข้างหน้า ใครจะต่อต้านอะไรใครจะอยู่ซ้ายและอยู่ขวาก็ดำเนินการไปและแก้ปัญหาไป แต่เราต้องบริหารประเทศในเชิงรุกเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและทันต่อสถานการณ์โลก ไม่มีอะไรมาทำให้เสียสติ เว้นแต่คำถามนักข่าวจะทำให้เสียสติ”
เมื่อถามว่าคิดว่าองค์กรเสรีไทยจะพัฒนาไปสู่ขั้นใด พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “เสรีไทยคราวที่แล้วเกิดจากสงครามโลก มีการรบกัน แต่องค์กรเสรีไทยนี้ องค์กรเสรีไทยจริง ยังไม่รับเลย เป็นเสรีไทยจากอะไรผิดกฎหมายหรือไม่ หนีอาชญากรรมทั้งนั้นแหละ ผิดกฎหมายอาญา” เมื่อถามย้ำว่า ถ้าเป็นอย่างนี้ไม่ต้องไปให้ค่าใช้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ถามกลับว่า “อ๋อ เพิ่งรู้หรือ โถ่ คนผิดกฎหมายก็อย่าไปขยายความให้เขา”