xs
xsm
sm
md
lg

สปช.บี้ออก กม.เอื้อปฏิรูปใน 2 ปี จี้ตั้งองค์กรคุ้มครองผู้บริโภค เน้นเรียนวิทย์-คณิต เอากีฬาวาระชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สภาปฏิรูปแห่งชาติ ประชุมพิจารณารายงาน กมธ.วิสามัญ 18 คณะวันแรก “บวรศักดิ์” นำทีมยกร่างฯ ฟัง “ไพโรจน์” แจงข้อเสนอรวม 246 เรื่อง ฝั่งคุ้มครองผู้บริโภคเริ่มอภิปรายชุดแรก ดันตั้งองค์กรอิสระใน 1 ปี วิทยาศาสตร์ชงพัฒนาการเรียนเน้นวิทย์-คณิต กมธ.กีฬาแนะบรรจุเป็นวาระชาติ ป้องกันป่วย แยกกระทรวงพ้นท่องเที่ยว กลุ่มปราบโกงแนะเขียนบทเฉพาะกาลสั่งสภาออก กม.เอื้อปฏิรูปใน 2 ปี ดันสอบบัญชีทรัพย์สิน-ภาษีนักการเมืองย้อนหลัง 5 ปี


วันนี้ (15 ธ.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 09.50 น. นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตามและให้ข้อเสนอแนะการยกร่างรัฐธรรมนูญ เรื่องสรุปความเห็นหรือข้อเสนอแนะในการยกร่ารัฐธรรมนูญของคณะกรรมาธิการวิสามัญประจำสภา 18 คณะ ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาแล้วเสร็จเป็นวันแรก โดยการประชุมดังกล่าวนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองประธาน สปช.คนที่ 1 ฐานะประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้นำคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเข้าร่วมรับฟังข้อเสนอและความเห็นของ สปช.ด้วย

ก่อนเริ่มการประชุม นายเทียนฉายได้แจ้งรายละเอียดว่าการประชุมดังกล่าวจะมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ตามเวลาที่ได้รับจัดสรร ส่วนลำดับการพิจารณาจะเริ่มต้นจากให้นายไพโรจน์ พรหมสาส์น ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตามและให้ข้อเสนอแนะการยกร่างรัฐธรรมนูญนำเสนอประเด็นข้อเสนอและความเห็นของ สปช.ในภาพรวมจำนวน 30 นาที ต่อจากนั้นให้ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปตามลำดับที่คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการ สปช. (วิป สปช.) กำหนดแถลงข้อเสนอแนะ จำนวน 20 นาที และสรุปไม่เกิน 10 นาที รวมเวลาไม่เกิน 30 นาที จากนั้นให้สมาชิก สปช.ที่แจ้งความจำนงขออภิปรายแต่ละประเด็น ที่กำหนดให้ไม่เกินคนละ 2 คณะ โดยเมื่อขั้นตอนดังกล่าวแล้วเสร็จตนจะขอมติจากที่ประชุมสปช. ว่าจะส่งความเห็นทั้งหมดต่อกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่

จากนั้นนายไพโรจน์ได้กล่าวรายงานว่า กรรมาธิการปฏิรูปทั้ง 18 คณะมีประเด็นที่นำเสนอ รวม 246 เรื่อง เมื่อจำแนกตามโครงร่างรัฐธรรมนูญและเรียงลำดับตามประเด็นที่เสนอพบว่า ในส่วนของภาคที่ 2 ผู้นำการเมืองที่ดีและสถาบันการเมือง มีประเด็นที่นำเสนอมากที่สุด คือ 133 ประเด็น โดยอยู่ในส่วนของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ จำนวน 82 เรื่อง รองลงมาคือการกระจายอำนาจและการปกครองท้องถิ่น จำนวน 16 เรื่อง ขณะที่หมวดว่าด้วยประชาชนซึ่งจัดอยู่ในภาคที่ 1 ว่าด้วยพระมหากษัตริย์และประชาชน มีประเด็นที่นำเสนอ 43 เรื่อง ขณะที่ในภาคที่ 4 ว่าด้วยการปฏิรูปและการสร้างความปรองดองนำเสนอประเด็นทั้งสิ้น 35 ประเด็น โดยจัดอยู่ในส่วนของการปฏิรูปเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและการสร้างความปรองดองมากที่สุด รวม 33 เรื่อง และการสร้างความปรองดองมีอยู่ 2 เรื่อง ส่วนภาคที่ 3 ด้วยนิติธรรม ศาล และการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ มีประเด็นนำเสนอทั้งสิ้น 33 เรื่อง นอกจากนั้นยังมีประเด็นเสนอในบททั่วไปที่เสนอโดยคณะกรรมาธิการปฏิรูปสังคม ชุมชน เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส มีรายละเอียดระบุว่า ให้รัฐธรรมนูญมีขอบเขตการคุ้มครองใน 4 ส่วนสำคัญ คือ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพและความเสมอภาคของบุคคลตามพันธกรณีระหว่างประเทศ การยอมรับนับถือตามกฎหมาย ประชาชนที่อาศัยในประเทศไทย ไม่ว่าจะมีชาติพันธุ์ สัญชาติ หรือศาสนาใด และคนสัญชาติไทยที่อาศัยอยู่ในหรือนอกประเทศไทย

จากนั้นได้เข้าสู่การอภิปรายเริ่มจากคณะกรรมาธิการปฏิรูปคุ้มครองผู้บริโภค นำเสนอโดยนางสารี อ๋องสมหวัง ประธานกรรมาธิการคณะกรรมาธิการ กล่าวว่า ควรจัดให้มีองค์กรอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ต่อภาครัฐ กำหนดกติกาเป็นธรรมลดการฟ้องคดีไม่จำเป็นจากประชาชน แทนที่การทำกติกาต่างๆ ให้เป็นธรรมต่อผู้บริโภคมากขึ้น หากทำไม่แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ต้องชี้แจงต่อสาธารณชน และเวลาที่คาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จ และในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายที่ผ่านมาของภาคประชาชนมีปัญหามาก ดังนั้น ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ที่ประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ต้องกำหนดระยะเวลาให้ชัดเจน และกำหนดขั้นตอนไว้ในข้อบังคับการประชุมสภา รวมทั้งให้มีสัดส่วนตัวแทนประชาชนผู้เสนอกฎหมายไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 เข้าไปมีส่วนร่วมในกรรมาธิการของแต่ละสภา

นายชูชาติ อินสว่าง สปช.สุพรรณบุรี อภิปรายว่า องค์กรคุ้มครองผู้บริโภคส่วนใหญ่เป็นองค์กรที่ขึ้นอยู่กับรัฐ เช่น องค์การอาหารและยา (อย.) กสทช. กรมการค้าภายใน เป็นต้นซึ่งไม่สามารถคุ้มครองผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง อีกทั้งการคุ้มครองผู้บริโภคไม่มีความปลอดภัยและไม่มีคุณภาพ จึงเสนอขอให้มีองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคที่เป็นอิสระอย่างแท้จริง

ขณะที่นายบวรศักดิ์แสดงความเห็นว่า มีข้อสังเกตว่าในรายงานหน้า 376 เสนอว่า ให้ ครม.หลังการเลือกตั้งเร่งจัดทำกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคนั้น เห็นว่าไม่ควรรอให้ ครม.หลังการเลือกตั้งเป็นผู้จัดทำ เพราะคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภคฯ มีเวลา 1 ปี ควรจัดทำและเสนอ ครม.

นายศักรินทร์ ภูมิรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี วิจัย นวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา ชี้แจงต่อที่ประชุมว่าต้องทำให้การพัฒนาวิทยาศาสตร์เป็นวาระของประเทศเพื่อสร้างความเข้มแข็ง โดยต้องปฏิรูปด้านต่างๆ แบ่งเป็น ระดับบุคคล ปรับรูปแบบเรียนรู้เน้นด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ คณิตศาสตร์ ให้นำทักษะที่จำเป็นมาปรับใช้การทำงาน คิดแบบวิทยาศาสตร์แบบเป็นเหตุผลทำให้ประชาธิปไตยเข้มแข็ง ทำให้ประเทศมีฐานเพียงพอต่อการพัฒนาประเทศยั่งยืน

ทั้งนี้ การพัฒนาต้องบูรณาการหลายองค์กร เชื่อมโยงนวัตกรรม เชื่อมโยงกับปราชญ์ชาวบ้าน ส่งเสริมความรู้ชุมชน มีพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ประเทศที่ก้าวหน้ารวดเร็วต้องมีฐานความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และการปฏิรูปสังคมต้องใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาเป็นเครื่องมือ ส่งเสริม ตรวจสอบพิสูจน์ ทั้งเครื่องมือวัดความเร็ว ความชื้น

นายธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ สปช.อภิปรายว่า ที่ผ่านมาจากคะแนน โอเน็ตวิชาวิทยาศาสตร์ตกต่ำมาก คะแนนเฉลี่ย 30% ถือว่าตกทั้งประเทศ ที่ผ่านมาเราเน้นแต่เด็กหัวกะทิ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่หากเราอยากได้สังคมวิทยาศาสตร์ต้องไม่ละเลยส่วนที่เหลืออีก 99.99% เพราะเด็กเก่งอย่างเดียวไม่อาจทำให้เกิดสังคมวิทยศาสตร์ได้ แต่โดนละเลยเรามองไม่เห็นความสำคัญ อีกทั้งต้องให้ความสำคัญกับการเรียนนอกห้องเรียน

นายพงศ์พโยม วาศภูติ สปช.กล่าวว่า สังคมให้ความสำคัญกับการเรียนการสอนคณิตศาสตร์น้อยเกินไป ขอให้มีการปรับปรุงการเรียนการสอนด้านคณิตศาสตร์ เพราะมีเด็กจำนวนมากที่ต้องการจะเรียนด้านวิทยาศาสตร์แต่ขาดพื้นฐานการคิดวิเคราะห์ในด้านนี้ ดังนั้น ถ้ามีการปรับปรุงแล้วจะทำให้สังคมไทยเป็นสังคมของคนที่มีเหตุผล และขอให้มีการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการแก้ปัญหาในหน่วยงานภาครัฐ เช่น การแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน การใช้ที่ดิน เป็นต้นและขอให้มีการเพิ่มสัดส่วนงบประมาณเรื่องการวิจัยและพัฒนาด้วย โดยอาจเขียนให้ชัดในรัฐธรรมนูญ

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมาธิการการปฏิรูปการกีฬา ชี้แจงว่า ที่ผ่านมาปัญหาอุปสรรคที่ทำให้การกีฬาไทยมีความล่าช้าคือขาดความชัดเจนมุ่งมั่นต่อเนื่องในนโยบาย กรรมาธิการเชื่อมั่นว่าการยกระดับกีฬายังเป็นการพัฒนาเกียรติภูมิของประเทศเป็นผลดีต่อความมั่นคงของประเทศ และความปรองดอง ดังนั้นต้องพัฒนากีฬาให้เป็นวาระแห่งชาติเป็นหนึ่งในแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐโดย บรรจุถ้อยคำไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ 2 มาตรา คือ 1. ผู้นำการเมืองที่ดี และ 2 แนวนโยบายด้านพื้นฐานแห่งรัฐ โดยระบุว่า รัฐต้องดำเนินการด้านกีฬาดังต่อไปนี้ ส่งเสริมสนับสนุนการกีฬาพัฒนาสุขภาพชีวิตจิตใจ รวมทั้งสร้างความสามัคคีและภาคภูมิใจของคนในชาติ จัดโครงสร้างพัฒนา เท่าเทียม และส่งเสริมกีฬาเพื่อความเป็นเลิศ

ทั้งนี้ ปัจจุบันผู้มีอาการป่วยไม่ได้เล่นกีฬา 73% ผู้ป่วยพักรักษาตัวใน รพ.76% การออกกำลังกาย เป็นสิ่งที่ป้องกันการเจ็บป่วยได้ ผู้ไม่ออกกำลังกายมีความเสี่ยงต่อการป่วยง่ายกว่าการไม่ออกกำลังกายสามเท่าตัว กีฬายังช่วยลดปัญหาครอบครัวยาเสพติด และลักษณะนิสัยส่งผลต่อความมั่นคงผาสุข

นางกูไซหม๊ะวันซาฟีน๊ะ มนูญทวี สปช.กล่าวว่า เห็นด้วยกับการให้แยกการกีฬาออกจากการท่องเที่ยวเพราะการท่องเที่ยวเน้นวันความสำเร็จที่จีดีพี ส่วนกีฬาเน้นย้ำเรื่องสุขภาพ พลานามัยทีดีของคนในชาติ ตั้งศูนย์กีฬาครบวงจรสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามกีฬา เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ปวงชนชาว

นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ แถลงว่า เนื่องจากการทุจริตคอร์รัปชั่นเปรียบเสมือนยาดำที่แทรกอยู่ในทุกภาคส่วนและมีความเชื่อมโยงต่อทุกส่วน โดยข้อเสนอแนะมีทั้งหมด 30 ประเด็น เช่น ให้ประชาชนมีสิทธิพื้นฐานในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารสาธารณะและในการร้องขอข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นักการเมือง หน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชนมีสิทธิและหน้าที่ในการเลือกตั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทุกระดับจากพรรคการเมืองที่มีคุณธรรม จริยธรรม และต้องติดตาม สอดส่องผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทุกระดับ รวมทั้งมีสิทธิในการถอดถอนได้กำหนดสิทธิและหน้าที่ของตรวจสอบการดำเนินนโยบายแผนงาน และโครงการสาธารณะในทุกขั้นตอน และในทุกระดับอย่างสุจริตและเที่ยงธรรม กำหนดให้รัฐมีหน้าที่จัดการปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้นในการบริหารราชการแผ่นดิน กำหนดมาตรการเพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ ของผู้ดำรงตำแหน่งในฝ่ายบริหาร สร้างระบบการถ่วงดุลอำนาจและขอบเขตการใช้อำนาจหน้าที่ระหว่างผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ชัดเจน การสอบสวนคดีทุจริต ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจรัฐและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต้องมีการกำหนดระยะเวลาในการไต่สวนข้อเท็จจริงและฟ้องร้องดำเนินคดีโดยเร็วและผู้เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบหากเกิดความเสียหายในกรณีที่ล่าช้า และหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องรายงานความคืบหน้าต่อสาธารณะอย่างเปิดเผยเป็นระยะ และให้มีการคุ้มครองการปฏิบัติงานขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญฯ ให้มีการทำงานที่เป็นอิสระอย่างแท้จริง เป็นต้น

นอกจากนี้ ควรให้เขียนไว้ในบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปว่า บรรดาข้อเสนอแนะที่ผ่านการรับรองของสปช.แล้ว จะต้องตราเป็นกฎหมายเพื่อให้มีผลบังคับ แต่หากยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้นให้สภานิติบัญญัติที่ตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญนี้ ต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 2 ปี หลังจากเปิดสมัยประชุมครั้งแรก และ บรรดาข้อเสนอเพื่อการปฏิรูปของ สปช. ในเรื่องดังกล่าวที่รัฐบาลได้ยอมรับเป็นแนวทางในการบริหารราชการแผ่นดินหรือเริ่มดำเนินการไปแล้วให้รัฐบาลที่ตั้งหลังจากรัฐธรรมนูญนี้ต้องดำเนินการต่อเนื่องไปให้บรรลุวัตถุประสงค์ของแนวทางหรือมาตรการต่อนั้นต่อไปอย่างน้อย3 ปี และให้มีกลไกหน้าที่ติดตาม ประเมินผลและให้ข้อเสนอแนะแก่ สภานิติบัญญัติ รัฐบาลและบรรดาผู้เกี่ยวข้องเพื่อให้การขับเคลื่อนเรื่องการปฏิรูปดำเนินต่อไปอย่างแท้จริง

นพ.พลเดช ปิ่นประทีป สปช.อภิปรายว่า พลังทางสังคมในการต่อต้านการทุจริต ในขณะนี้นั้นยังไม่เพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศ เพราะปัจจุบันอุปสรรคสำคัญคือเจตคติสังคมไทยโดยรวม ยังไม่เอื้อต่อการเอาชนะการต่อต้านการทุจริตและงบประมาณจากรัฐในการสนับสนุนในเรื่องดังกล่าวยังมีน้อยมากดังนั้น กรรมาธิการยกร่างควรคิดรูปแบบเพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการต่อต้านการทุจริตมากขึ้นและปฏิรูปงานของ ป.ป.ช. ทั้งในส่วนคณะกรรมการ ป.ป.ช. และสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อแก้ปัญหาคดีที่มีเพิ่มมากขึ้น โดยจะต้องจัดการระบบใหม่ บูรณาการการทำงานกับองค์กรต่อต้านการทุจริตและต้องแก้ไขระบบงานของสำนักงาน ป.ป.ช. เพราะเนื่องจากสำนักงานฯ มีความเป็นราชการมากกว่าหน่วยอื่น ทำให้ลดทอนการทำงานร่วมกับภาคประชาชน

ส่วน นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ สปช.อภิปรายว่า ประชาชนต้องมีสิทธิรับรู้ในข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของฝ่ายการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อความโปร่งใสและมีหน้าที่ต้องติดตามการกระทำที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์และผู้ที่จะเข้าตำแหน่งทางการเมืองจะต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและการภาษีย้อนหลัง 5 ปี หากไม่มีการดำเนินการถูกต้องประชาชนก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ยอมให้บุคคลเหล่านั้นเข้าไปสู่อำนาจ เพราะหากเข้าสู่ตำแหน่งก็จะเข้าไปทุจริต และส่งเสริมบทบาททั้ง 3 ส่วน คือประชาชนต้องเลือกคนดีทำหน้าที่ในการบริหารประเทศ หากเข้าไปแล้วไม่ดีจริงมีสิทธิที่จะถอดถอนด้วยตัวเองได้ ระบบราชการทั้งระบบต้องโปร่งใสผู้ที่จะเข้าสู่ตำแหน่งระดับสูงต้องมีคุณธรรม ไม่มีการซื้อขายตำแหน่งและภาคเอกชนต้องกล้าปฏิเสธไม่เข้าร่วมในการทุจริตและเป็นพลังในการแก้ปัญหา

ขณะที่นายอุดม เฟื่องฟุ้ง สปช.เสนอว่าจะต้องตรารัฐธรรมนูญให้ชัดเจนว่าต้องกระทำการวางมาตรการการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นทั้งทางแพ่งและอาญา อย่าเพ่งเล็งเฉพาะอาญาเท่านั้น

















กำลังโหลดความคิดเห็น