รายงานการเมือง
ในที่สุดเรื่อง “คุกลับ” ที่สหรัฐอเมริกาใช้ปฏิบัติการทางการลับในประเทศไทย ก็กลับมาหลอกหลอน “คนไทย” อีกครั้ง คำถามถูกตั้งขึ้นมาทันทีว่า “คุกลับ” มีจริงหรือ???
ซึ่งตามคิวแล้วคนในรัฐบาลก็ออกมาปฏิเสธตามสคริปต์ “สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ” รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ หรือ “ซีไอเอเมืองไทย” ก็ต้องออกมายืนยันว่า ไม่มีคุกลับ และไม่มีรายงานเรื่องการทรมานนักโทษในประเทศไทย โบ้ยไปว่าเป็นเรื่องภายในของสหรัฐฯ
ที่ผ่านมา ข่าวที่เกี่ยวข้องกับ “คุกลับ” มักถูกเปิดเผยออกมาตามหน้า “สื่อมวลชน” โดยไม่มีการอ้างอิงแหล่งที่มาของข่าวมานัก ทำให้น้ำหนักของข่าวเรื่องนี้มีน้อยและเลือนหายไปทุกๆ ครั้ง
แต่ครั้งนี้เป็นการเปิดเผยรายละเอียดจาก “คณะกรรมาธิการมั่นคงและข่าวกรอง” ของวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา ทำให้ข่าว “คุกลับ” ในประเทศไทยดูมีน้ำหนักขึ้นมาทันที แต่สาเหตุหลักที่มีการแฉกันออกมาในครั้งนี้ หนีไม่พ้นเหตุผลทางการเมืองของสองพรรคการเมืองใน “เมืองมะกัน” เอง
เพราะขณะนี้คะแนนนิยมของ “บารัค โอบามา” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครตลดน้อยถอยลงมาก เพราะอเมริกาชนไม่พอใจนโยบายการบริหารของ “มิสเตอร์ Change” ที่นับวันเศรษฐกิจยิ่งถดถอย
แถมคะแนนนิยมในตัว “โอบามา” ที่ลดลง ยังส่งผลให้คะแนนนิยมของ “เดโมแครต” ลดลงเหมือนกัน ศึกนี้ยอมกันไม่ได้เพราะจะมีการเลือกตั้ง “ประธานาธิบดีสหรัฐฯ” คนใหม่ในอีก 2 ปีข้างหน้า หากปล่อยให้คะแนนนิยมดิ่งลงเหวไปเรื่อยๆ มีหวัง “เดโมแครต” แพ้ตั้งแต่ไก่โห่
มุกเดิมของ “เดโมแครต” คือ การปลุกความรักชาติ ปลุกกลุ่มเกลียดความรุนแรงขึ้นมาให้ต่อต้าน “รีพับรีกัน” เพราะภาพของ “จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช” อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นยี่ห้อเรื่องความรุนแรงอยู่แล้ว
โดย “ไดแอน ไพน์สไตน์” วุฒิสภาสหรัฐฯ ลูกน้องคนสนิทของ “โอบามา" เป็นคนเผยแพร่รายงานกระบวนการสอบปากคำของสำนักงานสอบสวนกลาง (ซีไอเอ) มาเปิดเผย โดยระบุว่าเหตุการณ์ 9/11 ที่กลุ่มอัลกออิดะห์จี้ครื่องบิน พุ่งชนตึกแฝด “เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์” กลางกรุงนิวยอร์ก ทำให้ประชาชนเสียชีวิตกว่า 3,000 คน ซึ่งในขณะนั้น “จอร์จ ดับเบิลยู บุช” จากพรรครีพับรีกัน ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำให้ “จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช” ต้องการกวาดล้าง “กลุ่มอัลกออิดะห์”
ในรายงานสรุปที่ “เดโมแครต” นำออกมาเปิดเผยระบุว่า “ซีไอเอ ได้ใช้ไทยเป็นคุกลับในการเริ่มต้นกระบวนการสอบปากคำแบบพิเศษกับนักโทษอัลกออิดะห์รายแรกชื่อ อาบู ซูไบดา”
นอกจากนี้ “วอชิงตัน โพสต์” ระบุถึงไทยในฐานะที่ถูกใช้เป็น “คุกลับ” ว่า “ซูไบดา นักโทษคนแรกของซีไอเอ ถูกจับกุมขณะที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งในตอนเริ่มแรกถูกขังในเดือนมีนาคม 2002 ที่ปากีสถาน และหลังจากนั้นซีไอเอ ย้านแกนนำระดับสูงของอัลกอร์ดิดะห์มายังประเทศไทย ซึ่งให้รหัสคุกลับของไทยว่าไซต์กรีน”
นอกจากนี้ “เดโมแครต” ยังมองไปไกลย้อนอดีตให้เห็นกันว่า “จอร์จ บุช” ผู้เป็นพ่อของ “จอร์จ ดับเบิลยู บุช” เคยเป็นหัวหน้าซีไอเอมาก่อน และยังเป็นหัวหน้าขบวนการ New World Order อีกด้วย
“เดโมแครต” พยายามเชื่อมโยงทุกอย่างให้ “ชาวมะกัน” เห็นภาพว่า ที่แท้จริงแล้ว “รีพับรีกัน” ชั่วร้ายขนาดไหน นิยมความรุนแรงมากเพียงใด เพื่อลดความผิดพลาดการบริหารงานของ “เดโมแครต” ในสายตา “ชาวมะกัน” ทิ้งไปเสีย
แต่ “ผลร้าย” กลับมาอยู่ที่ประเทศไทยที่ไม่รู้อีโน่อีเหน่ เพราะการเปิดเผยข้อมูลเชิงลับแบบนี้
เด้งแรกกระทบต่อภาพลักษณ์ “ประเทศไทย” ในสายตาชาวโลกอย่างแน่นอน ชนิดไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย แถมยังปรากฎเป็นหลักฐานไว้ดูต่างอีกด้วย แก้ตัวยังไง “ชาวโลก” คงไม่เชื่อ
เด้งสองกระทบต่อการท่องเที่ยวของไทยเช่นกัน “สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ” ประจำประเทศไทย รวมทั้งสถานกงสุลสหรัฐฯ ในจังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกมาเตือนชาวอเมริกันให้ระวังตัว อาจพบกับเหตุรุนแรงได้
เด้งสามไทยตกเป็นเป้าหมายของ “กลุ่มผู้ก่อการร้ายสากล” ไปโดยปริยาย เพราะบรรดากลุ่มก่อการร้ายคงติดภาพจำของไทยในแง่ลบเป็นแน่ ดีไม่ดีอาจจะเกิดเหตุก่อการร้ายขึ้นในประเทศไทยได้ เพราะกลุ่มก่อการร้ายมักจะเอาคืนประเทศในเครือมิตรประเทศของ “มะกัน” อยู่บ่อยครั้ง
เรียกได้ว่า “ประเทศไทย” ชั่วโมงนี้มีแต่ลบ ไม่มีบวกเลย งานเข้า “หน่วยงานความมั่นคง” ภายใต้การนำของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี เข้าอย่างจังเบ่อเร่อ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเลยกลับต้องเป็นหนังหน้าไฟให้คนอื่น
ตามข้อมูลของ “หน่วยงานความมั่นคง” ของไทยแล้ว “คุกลับ” ของอเมริกามีจริง โดยอยู่ในพื้นที่ที่มหามิตรตะวันตกใช้เป็นฐานต่อสู้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีการระบุพิกัดว่าน่าจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจาก กทม. มากนัก เพราะจะสะดวกในการขนย้าย “ผู้ก่อการร้าย” ที่ถูกควบคุมตัวได้
รายงานล่าสุดพบว่า หากทางการไทยจับ “ผู้ต้องสงสัย” ว่าจะเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งกบดาน เพื่อไปยังประเทศเป้าหมาย จะเร่งส่งตัวให้ทางการสหรัฐฯทันที และนำตัวออกนอกประเทศทันที เพื่อป้องกันอันตราย
ดังนั้น จึงฟันธงได้เลยว่านัยยะของการขุดเรื่อง “คุกลับ” เพื่อทรมาน “อาบู ซูไบดา” นักโทษกลุ่มอัลกออิดะห์ จึงเป็นเรื่องการเมืองภายในสหรัฐฯล้วนๆ
ส่วน “บิ๊กตู่” จะแก้เกมสร้างความน่าเชื่อถือได้รวดเร็วและมากน้อยแค่ไหนต้องติดตาม