ชาวบ้าน 3 จังหวัดในภาคอีสานเข้าร้องทุกข์ต่อศูนย์บริการประชาชน เรียกร้องให้นายกฯ ไกล่เกลี่ยหนี้สิน หลังมีผู้ชักชวนให้ทำงานต่างประเทศ โดยต้องทำสัญญาเงินกู้และใช้ที่ดินค้ำประกัน แต่เมื่อคืนเงินกลับไม่มีการหักลบหนี้ แถมฟ้องศาลเขียนยอดเงินกู้จากเดิมบวกดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี
วันนี้ (11 ธ.ค.) ที่ศูนย์บริการประชาชนชั่วคราว บริเวณสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ถนนพิษณุโลก นายธวัชชัย ผลสะอาด พร้อมด้วยตัวแทนประชาชนจากจังหวัดขอนแก่น ชัยภูมิ และมหาสารคาม จำนวน 12 คน ได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านนายสุขสวัสดิ์ สุวรรณวงศ์ หัวหน้าฝ่ายประสานมวลชน ศูนย์บริการประชาชน เพื่อขอให้รัฐบาลไกล่เกลี่ยหนี้สินให้
โดยนายธวัชชัยกล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2541 นางวิไลพร มะลิทอง และนายธเนศ มะลิทอง ได้ชักชวนชาวบ้านใน 3 จังหวัดดังกล่าว ให้ไปทำงานต่างประเทศ ผ่านบริษัท ซินเซียร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยทางบริษัทฯ ออกค่าใช้จ่ายให้ก่อน ซึ่งต้องทำสัญญาเงินกู้ และใช้โฉนดที่ดินเป็นหลักทรัพย์ รวมถึงมีการยึดบัตรเอทีเอ็มของผู้ที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศไว้ด้วย มีผู้หลงกลเชื่อกว่า 1-2 หมื่นราย มีทั้งได้เดินไปทำงานจริง และไม่ได้เดินทางไปทำงานแต่อย่างใด แต่เมื่อมีการคืนเงินให้กับทั้งสอง ก็ไม่มีการหักลบหนี้ อีกทั้งเมื่อเวลาผ่านไป ก็ได้มีการยื่นฟ้องต่อศาล โดยจะเขียนยอดเงินกู้จากเดิมบวกกับดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ซึ่งเป็นวงเงินจำนวนมาก ขณะนี้มีคดีค้างอยู่ในศาลเป็นจำนวนมาก จึงมาร้องขอให้รัฐบาลทำการไกล่เกลี่ยหนี้สินให้เป็นยอดเงินที่สมเหตุสมผล ส่วนที่ถูกยึดที่ดินไปแล้วก็ขอให้ขายกลับคืนในราคาที่เป็นธรรม เพราะขณะนี้ประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อไม่มีที่ดินทำกิน
นายสุขสวัสดิ์กล่าวว่า จะรายงานเรื่องนี้ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ทราบต่อไป โดยเบื้องต้นได้ประสานงานให้กระทรวงยุติธรรมรับเรื่องนี้ไปดำเนินการแล้ว
วันนี้ (11 ธ.ค.) ที่ศูนย์บริการประชาชนชั่วคราว บริเวณสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ถนนพิษณุโลก นายธวัชชัย ผลสะอาด พร้อมด้วยตัวแทนประชาชนจากจังหวัดขอนแก่น ชัยภูมิ และมหาสารคาม จำนวน 12 คน ได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านนายสุขสวัสดิ์ สุวรรณวงศ์ หัวหน้าฝ่ายประสานมวลชน ศูนย์บริการประชาชน เพื่อขอให้รัฐบาลไกล่เกลี่ยหนี้สินให้
โดยนายธวัชชัยกล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2541 นางวิไลพร มะลิทอง และนายธเนศ มะลิทอง ได้ชักชวนชาวบ้านใน 3 จังหวัดดังกล่าว ให้ไปทำงานต่างประเทศ ผ่านบริษัท ซินเซียร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยทางบริษัทฯ ออกค่าใช้จ่ายให้ก่อน ซึ่งต้องทำสัญญาเงินกู้ และใช้โฉนดที่ดินเป็นหลักทรัพย์ รวมถึงมีการยึดบัตรเอทีเอ็มของผู้ที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศไว้ด้วย มีผู้หลงกลเชื่อกว่า 1-2 หมื่นราย มีทั้งได้เดินไปทำงานจริง และไม่ได้เดินทางไปทำงานแต่อย่างใด แต่เมื่อมีการคืนเงินให้กับทั้งสอง ก็ไม่มีการหักลบหนี้ อีกทั้งเมื่อเวลาผ่านไป ก็ได้มีการยื่นฟ้องต่อศาล โดยจะเขียนยอดเงินกู้จากเดิมบวกกับดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ซึ่งเป็นวงเงินจำนวนมาก ขณะนี้มีคดีค้างอยู่ในศาลเป็นจำนวนมาก จึงมาร้องขอให้รัฐบาลทำการไกล่เกลี่ยหนี้สินให้เป็นยอดเงินที่สมเหตุสมผล ส่วนที่ถูกยึดที่ดินไปแล้วก็ขอให้ขายกลับคืนในราคาที่เป็นธรรม เพราะขณะนี้ประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อไม่มีที่ดินทำกิน
นายสุขสวัสดิ์กล่าวว่า จะรายงานเรื่องนี้ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ทราบต่อไป โดยเบื้องต้นได้ประสานงานให้กระทรวงยุติธรรมรับเรื่องนี้ไปดำเนินการแล้ว