xs
xsm
sm
md
lg

อธิบดีป่าไม้ตรวจสอบ บ.ทำเหมืองแร่รุกป่าสงวนป่ายางน้ำกลัดเหนือ และป่ายางน้ำกลัดใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เพชรบุรี - อธิบดีกรมป่าไม้นำกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบบริษัททำเหมืองแร่ รุกป่าสงวนแห่งชาติป่ายางน้ำกลัดเหนือ และป่ายางน้ำกลัดใต้ จากการตรวจสอบจับพิกัด GPS พบมีพื้นที่ถูกบุกรุกเกินประทานบัตรประมาณ 20 ไร่

เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (13 พ.ย.) นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วย พ.อ.สุรเดช ประเคนรี รอง ผบ.มทบ.15 พ.ต.อ.บัญชา ปั้นประดับ รอง ผบก.ปทส.ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ นำโดย นายอรรถพล เจริญชันษา ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ นายจรัส นิรนาทไพบูลย์ หัวหน้าสายตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ภาคกลาง

พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจสอบพื้นที่บริเวณบริษัทศิลาผาสุข บ้านห้วยกวางจริง หมู่ 4 ต.แก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ายางน้ำกลัดเหนือและป่ายางน้ำกลัดใต้ โดยพื้นที่ดังกล่าวมีการประกอบกิจการทำเหมืองแร่ตามประทานบัตรที่ 26271/14380 โดยมีบริษัท ผาสุข จำกัด เป็นผู้รับช่วงทำเหมืองแร่ โดยพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตตามประทานบัตรดังกล่าวมี จำนวน 251-0-68 ไร่

แต่จากการตรวจสอบบริเวณโดยรอบพื้นที่พบว่า มีการตัดถนนจากถนนลาดยางสายวัดห้วยกวางจริง-พุสวรรค์ เข้ามาในพื้นที่ มีการตั้งเสาไฟฟ้าบริเวณใกล้เคียง พบมีร่องรอยการเคลื่อนย้ายรถแบ็กโฮออกจากพื้นที่ และพบรถแบ็กโฮจอดอยู่ห่างจากพื้นที่ประมาณ 300 เมตร มีบ้านพัก 1 หลัง โรงแต่งแร่พร้อมอุปกรณ์ 1 หลัง แต่ไม่พบเจ้าของกิจการ และคนงานในพื้นที่

จากการตรวจสอบจับพิกัด GPS พบว่า มีพื้นที่บุกรุกเกินประทานบัตรประมาณ 20 ไร่ เจ้าหน้าที่จึงลงความเห็นว่า เป็นการผิดฐานยึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 และมาตรา 72 ทวิ มีความผิดฐานยึดครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดินก่อสร้าง แผ้ว ถาง เผาป่า หรือกระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติตาม พ.ร.บ.ป่าสงวน พ.ศ.2507 มาตรา 14, 31 มีความผิดฐานบุกรุกหรือครอบครองที่ดินของรัฐโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือเข้าไปทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายทำให้สูญหายหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 มาตรา 99

และผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 9, 103 ทวิ ฐานภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยการเหมืองแร่และการป่าไม้ ที่ดินของรัฐนั้นถ้ามิได้สิทธิครอบครองหรือมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว ห้ามมิให้บุคคลใดเข้าไปยึดถือครอบครอง รวมตลอดถึงการก่อสร้างหรือเผาป่า ทำด้วยประการใดให้เป็นการทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพดิน ที่หิน ที่กรวด หรือที่ทราย ในบริเวณที่รัฐมนตรีประกาศหวงห้ามในราชกิจจานุเบกษา หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรที่ดิน

นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า วันนี้มาปฏิบัติงานในภาพรวมของการแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ของชาติ ซึ่งเป็นไปตามคำสั่ง คสช.ที่ 64 และ 66 ที่มีการมีการให้ทั้งฝ่ายป่าไม้ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบพื้นที่ต่างๆ ที่มีการทำผิดกฎหมาย

สำหรับที่จังหวัดเพชรบุรี ได้เข้ามาดำเนินการติดตามตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องของการทำเหมืองแร่เหมืองหิน ซึ่งมีรายงานจากทางอุตสาหกรรมจังหวัดแจ้งว่า พื้นที่นี้น่าจะเป็นพื้นที่ที่มีการลักลอบทำเหมืองแร่หินขาว ซึ่งเป็นแปลงที่ได้รับพื้นที่นอกสัมปทาน เป็นพื้นที่ที่มีการได้รับสัมปทานเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ก็คงจะใกล้หมดสัมปทานประมาณปี หรือสองปี

แต่พื้นที่ที่ยืนอยู่ตรงนี้ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่อยู่ในเขตป่าสงวน ยางน้ำกลัดเหนือกับยางน้ำกลัดใต้ ซึ่งพื้นที่ตัวสัมปทานจริงๆ จะอยู่เลยเข้าไปด้านใน จากการตรวจสอบเบื้องต้นจากทางอากาศ บริเวณที่ทำเหมืองจะอยู่บริเวณที่จุดนี้ แต่ได้รับสัมปทานจะทำน้อยมาก

“เพราะฉะนั้น จะต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายร่วมตรวจสอบว่า มีการดำเนินการที่ผิดกฎหมายอย่างไรบ้าง โดยในขั้นต้นตอนนี้ที่เห็นเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งเป็นการลักลอบทำเหมืองที่ไม่ได้รับอนุญาตในพื้นที่จุดนี้ โดยเจ้าหน้าที่ต้องขยายผลต่อกับพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงว่ามีการกระทำผิดอย่างไรบ้าง” นายธีรภัทร กล่าว

โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดที่ดินทั้งหมดคิดเป็น 20-2-76 ไร่ คิดเป็นค่าเสียหายของรัฐประมาณ 11,405,997.67 บาท สำหรับมูลค่าความเสียหายทางสิ่งแวดล้อมจะให้ผู้เชี่ยวชาญมาดำเนินการคิดคำนวณต่อไป นอกจากนี้ ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่หมู่ 1 ต.พุสวรรค์ ที่พบว่ามีนายทุนบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนป่าสงวนแห่งชาติป่ายางน้ำกลัดเหนือและป่ายางน้ำกลัดใต้เช่นเดียวกัน โดยมีนายทุนเข้าบุกรุกพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ ในการปลูกยางพาราจนเต็มพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดพร้อมกับร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น