xs
xsm
sm
md
lg

พบนายทุนรุกโค่นป่าสงวนฯ 2 อำเภอใน จ.ยะลา เสียหายหลายร้อยไร่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ยะลา - เจ้าหน้าที่ ตชด.44 พบมีบุคคลรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติบนเทือกเขากาลอ อ.รามัน จ.ยะลา ถูกบุกรุกจำนวนกว่า 100 ไร่ ขณะที่ในพื้นที่ป่าสงวนนิคมสร้างตนเองฯ อ.บันนังสตา พบพื้นที่ถูกบุกรุกหลายร้อยไร่เช่นเดียวกัน คาดชาวบ้านในพื้นที่รุกโค่นเพื่อปลูกพืชไร่

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดยะลา ว่า เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2557 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการภัยแทรกซ้อน สปข. เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 41 ยะลา หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ยล.5 (รามัน) สายตรวจ กรมป่าไม้ นำโดย ร.ต.ต.อรุณ กุลกัลยา รองสารวัตรป้องกันและปราบปราม กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าไม้บนเทือกเขากาลอ อ.รามัน จ.ยะลา โดยอาศัยอำนาจกฎอัยการศึก พ.ศ.2557

ได้ออกปฏิบัติการพิสูจน์ทราบกลุ่มบุคคล บุคคลที่เข้าไปลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และร่วมกันออกตรวจปราบปรามการกระทำความผิดว่าด้วยกฎหมายป่าไม้ ในเขตป่าไม้ถาวร ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าต้นน้ำลำธาร แหล่งกำเนิดน้ำ

เนื่องจากหน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า มีกลุ่มบุคคล บุคคล เข้าไปลักลอบตัดไม้ทำลายป่าไม้สมบูรณ์บนภูเขาสูงต้นน้ำลำธาร ท้องที่ป่าเทือกเขากาลอ ต.กาลอ อ.รามัน จ.ยะลา จำนวนมากหลายจุด และตามผลการบินของหน่วยบินทหารบกอโนทัย บินตรวจสอบ ค้นหา พื้นที่ป่าไม้ถูกทำลายเมื่อวันที่ 29 ส.ค.57 บินตรวจพื้นที่ป่าไม้สมบูรณ์บนภูเขาสูง ถูกทำลายจำนวนหลายแปลง เป็นการตัดโค่นใหม่ บางแปลงถูกเผาทำลายแล้ว

เจ้าหน้าจึงได้ร่วมกันวางแผนในการปฏิบัติการที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ยล.5 (รามัน) แล้วจึงได้ร่วมกันออกเดินทางโดยรถยนต์ไปตามถนนจากหน่วยป้องกันรักษาป่าฯ-สุดถนนดินที่ บ.บูกาซาแก ม.2 ต.กาลอ อ.รามัน จ.ยะลา ถึงจุดส่งลง เจ้าหน้าที่เดินเท้าไปทางรถชักลากไม้ซุงเก่าเข้าไปในป่าไม้สมบูรณ์บนภูเขาสูงไปทางทิศตะวันตก ผ่านสวนยางพาราบนภูเขาสูง ผ่านป่าไม้สมบูรณ์ประมาณ 3-5 ชั่วโมง พบพื้นที่ป่าไม้กำลังถูกลักลอบทำลายใหม่กลางป่าบนภูเขาสูงจำนวนหลายแปลง เจ้าหน้าที่ จึงเดินเท้าเข้าตรวจสอบจึงพบพื้นที่ที่ถูกลักลอบถางทำลาย จำนวน 3 แปลง โดยจุดที่ 1 ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขากาลอ ท้องที่หมู่บ้านบูกาซาแก ม.2 ต.กาลอ อ.รามัน จ.ยะลา พื้นที่ป่าไม้ถูกลักลอบทำลายเสียหายรวม จำนวน 9 ไร่ คิดเป็นความเสียหายเป็นเงิน 1,443,375 บาท

จุดที่ 2 ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขากาลอ ท้องที่หมู่บ้านบูกาซาแก ม.2 ต.กาลอ อ.รามัน จ.ยะลา พื้นที่ป่าไม้ถูกลักลอบทำลายเสียหาย จำนวน 5 ไร่ ประเมินค่าความเสียหายเป็นเงิน 770,250 บาท

จุดที่ 3 ในเขตป่าไม้ถาวร ป่าเตรียมการสงวนฝั่งซ้ายแม่น้ำสายบุรี ท้องที่หมู่บ้านบูกาซาแก ม.2 ต.กาลอ อ.รามัน จ.ยะลา พื้นที่ป่าไม้ถูกลักลอบทำลายเสียหาย จำนวน 23 ไร่ ประเมินค่าความเสียหายเป็นเงิน 3,585,375 บาท

และจากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า ต้นไม้มีค่าขนาดเล็ก-ใหญ่ ถูกตัดโค่นด้วยเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ ส่วนไม้ขนาดเล็ก ไม้พื้นล่าง วัชพืช ถูกตัดฟันแผ้วถางด้วยมีดพร้า ถูกเผาทำลายบางส่วน และตรวจพบมีดพร้า จำนวน 4 เล่ม วางทิ้งไว้ในบริเวณพื้นที่ป่าไม้ถูกทำลาย จึงตรวจยึดเป็นของกลาง ตรวจพบร่องรอยคนเพิ่งหลบหนีเข้าป่าไป ป่าไม้ถูกทำลายเป็นบริเวณตามแนวเชิงเขาคาดว่าจะปลูกต้นยางพาราส่วนพื้นที่ป่าไม้ที่ถูกลักลอบทำลายอีกหลายแปลงจะเดินเท้าเข้าดำเนินการตรวจสอบต่อไป

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุไม่พบบุคคลในที่เกิดเหตุ หรือบริเวณใกล้เคียง จึงไม่ทราบว่าพื้นที่ป่าไม้ถูกทำลายนี้เป็นของผู้ใด และไม่พบอุปกรณ์ใดๆ ในที่เกิดเหตุดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดป้ายแสดง “คืนป่า ให้พ่อ” “คืนป่า ให้แม่” แสดงการตรวจสอบ และตรวจยึด ไว้เรียบร้อยแล้ว

โดยผู้ที่ลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ถือเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 ฐานก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองเพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาต และ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14, 31 วรรคสอง (3) ฐานครอบครอง ทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่นสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียสภาพป่าสงวนแห่งชาติ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่

เจ้าหน้าที่จึงได้มอบหมายให้ นายลาซิ ปาแน พนักงานพิทักษ์ป่า ส.2 ประจำหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ยล.5 (รามัน) เป็นผู้รับร้องทุกข์แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พงส.รามัน อ.รามัน จ.ยะลา เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นอกจากนี้ มีข้อมูลจากเจ้าหน้าที่รายงานเพิ่มเติมว่า ในพื้นที่ของอำเภอบันนังสตา จ.ยะลา ขณะนี้พบปัญหาการบุกรุกโค่นทำลายป่าไม้ ในเขตป่าสงวนนิคมสร้างตนเอง หรือนิคมกือลอง ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา แล้วจำนวนหลายร้อยไร่ โดยมีการแจ้งข้อมูลว่า ส่วนใหญ่ผู้ที่บุกรุกเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวนเป็นกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ได้บุกรุก และตัดโค่นต้นไม้ขนาดใหญ่ และต้นไม้สำคัญในแหล่งต้นน้ำธรรมชาติ เพื่อนำมาเป็นพื้นที่ของตนเอง และปลูกพืชไร่ ส่วนต้นไม้ขนาดใหญ่ก็มีการลักลอบแปรรูป และนำออกนอกพื้นที่ จนทำให้ขณะนี้ปริมาณน้ำในแหล่งน้ำหลายสายลดลง ซึ่งได้มีการร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจังหวัดแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบ และปราบปรามอย่างจริงจัง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบ และเกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบนิเวศต่อไปในอนาคต
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น