ที่ประชุม ครม. เห็นชอบให้แก้ไขกฎกระทรวง เปลี่ยนเครื่องแบบนักศึกษาวิชาทหารแบบเวสมอร์แลนด์ ปล่อยชายเสื้อออกนอกกางเกง แจงเหมาะสมกับสภาพอากาศ อีกด้านไฟเขียวข้อเสนอ ป.ป.ช. เก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชา หลังต้นทุนน้อยกำไรสูง แยกระหว่างไม่หวังผลกำไรกับธุรกิจออกจากกัน
วันนี้ (9 ธ.ค.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอแก้ไขกฎกระทรวงเกี่ยวกับเครื่องแบบนักศึกษาวิชาทหารและเครื่องแบบของผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหาร พ.ศ. 2521 โดยมีการเพิ่มลักษณะเครื่องแบบของนักศึกษาวิชาทหารขึ้นมา เพราะสมัยก่อนมีเครื่องแบบนักศึกษาวิชาทหารรูปแบบเดียวคือเสื้อเขียว กางเกงเขียว และนำชายเสื้อใส่ในกางเกง แต่ปัจจุบันมีการปรับให้เหมาะสมกับสภาพอากาศของไทย และอาจเป็นการแก้ไขปัญหาสำหรับนักศึกษาที่ชอบนำเสื้อออกนอกกางเกง จึงทำให้เป็นระเบียบที่เป็นกฎเกณฑ์แบบทหารกองประจำการที่เราใช้อยู่ ทำให้เวลาแต่งกายสามารถนำชายเสื้อออกข้างนอกได้เป็นเครื่องแบบใหม่ที่ ครม. อนุมัติ ทั้งนี้ จุดประสงค์หลักในการปรับเครื่องแบบเพื่อต้องการให้สอดรับกับสภาพภูมิอากาศของไทยและให้คล้ายคลึงกับทหารกองประจำการในปัจจุบัน ส่วนเรื่องการแต่งตัวผิดระเบียบถือเป็นผลพลอยได้เท่านั้น
สำหรับเครื่องแบบใหม่ที่จะนำมาใช้กับ นศท. นั้นจะเป็นเครื่องแบบที่เรียกว่าเวสมอร์แลนด์ ซึ่งจะมีลักษณะมีกระเป๋าด้านหน้า ข้างบน กระเป๋ากางเกงเป็นซิปกระเป๋า และเอาเสื้ออกนอกกางเกง
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลแก่สถาบันกวดวิชาที่มีลักษณะเป็นการประกอบธุรกิจ เนื่องจากเห็นว่าเป็นโรงเรียนหรือสถาบันที่มีการลงทุนไม่มากนัก แต่กลับมีกำไรที่สูงมาก และปัจจุบันไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องจดทะเบียนนิติบุคคล จึงทำให้รัฐบาลไม่ได้เข้าไปควบคุม เพราะเป็นเรื่องของการศึกษา
ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีคำสั่งให้ทั้งกระทรวงการคลังและกระทรวงศึกษาธิการไปดำเนินการ ดังนี้คือ ระยะสั้น ให้แก้ไขประกาศกระทรวงให้ทันสมัยกับการจัดเก็บภาษีในปัจจุบัน เพื่อจำแนกประเภทโรงเรียนกวดวิชาให้ขัดเจนว่าสถาบันใดกวดวิชาโดยไม่หวังกำไร หรือการกวดวิชาเพื่อดำเนินการทางธุรกิจ กระทรวงการคลังจะได้จัดเก็บภาษีได้อย่างถูกต้อง ส่วนในระยะยาว รัฐบาลจะส่งเสริมให้การเรียนการสอนภายในโรงเรียนต้องมีคุณภาพเสมอกัน เพื่อลดแรงจูงใจให้นักเรียนหรือผู้ปกครองไปเน้นการกวดวิชาหรือเรียนพิเศษหลังเลิกเรียน ทั้งนี้เมื่อมีการกำหนดรายละเอียดครบถ้วนแล้วให้เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน 30 วัน เพื่อนำกลับมากำหนดแนวทางการจัดเก็บภาษีในขั้นต่อไปว่าควรจัดเก็บในอัตราเท่าใด
