xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ ย้ำทุกกระทรวงจัดของขวัญปีใหม่ ปชช. ครม.โยก “หมอพรทิพย์” คืน ผอ.นิติวิทยาศาสตร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“นายพลไก่อู” แถลงผลถก ครม. “ประยุทธ์” กำชับทุกกระทรวงจัดของขวัญปีใหม่ ปชช. ไม่ตั้งเป้าลดอุบัติเหตุ อำนวยความสะดวกเดินทางปีใหม่แทน ยันรัฐไม่ใช่คู่ขัดแย้ง มีป่วนพร้อมอธิบาย ครม.ขยายวันขึ้นทางด่วนฟรีมากกว่าปีก่อนๆ ปัดให้หยุด 10 วัน ให้แก้ พ.ร.บ.กันค้ามนุษย์ เห็นชอบรับเงินอุดหนุน ร.ฟ.ท.-ขสมก. ชดเชยขึ้นค่าโดยสาร ตั้ง 3 รองเลขาฯ ศอ.บต. โยก “หมอพรทิพย์” คืน ผอ.นิติวิทยาศาสตร์


วันนี้ (2 ธ.ค.) ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ก่อนเข้าระเบียบวาระการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ทุกกระทรวงจัดทำของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน โดยสรุปให้แล้วเสร็จภายในกลางเดือน ธ.ค.นี้ ก่อนจะประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง สำหรับการดูแลประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่นั้น นายกรัฐมนตรีไม่ต้องการให้ตั้งเป้าตัวเลขในเชิงลดอุบัติเหตุ แต่อยากให้อำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ประชาชน เช่น เพิ่มจุดพักรถ เพิ่มด่านตรวจอำนวยความสะดวก และส่งเสริมให้ประชาชนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาโดยไม่ประสบปัญหาการจราจรที่คับคั่ง เป็นต้น ทั้งนี้ขอให้ทุกคนใช้ช่วงวันหยุดพักผ่อนอยู่กับครอบครัว ขอให้ระมัดระวังเรื่องอุบัติเหตุ และไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสียขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว

พล.ต.สรรเสริญกล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่ารัฐบาลไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับประชาชน หากมีการโปรยใบปลิวต่อต้าน ก็ต้องมาทำความเข้าใจ เพื่อให้เกิดความร่วมมือ ทั้งนี้ ในวันที่ 16 ธ.ค. จะมีการประชุมระหว่าง ครม.กับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ครั้งที่ 3 โดยจะมีการหาข้อยุติในที่ประชุม คสช.ก่อนที่จะมาหารือกับรัฐบาลในวันดังกล่าว นอกจากนี้ ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ รัฐบาลได้เชิญผู้บริหารสื่อมวลชนแขนงต่างๆมาปรับความเข้าใจการทำงานที่บ้านเกษะโกมลด้วย

ในส่วนของมติ ครม. พล.ต.สรรเสริญเปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบยกเว้นค่าธรรมเนียมทางด่วนพิเศษหมายเลข 7 (กรุงเทพฯ-ชลบุรี-บ้านฉาง) หรือมอเตอร์เวย์สายตะวันออก และทางด่วนพิเศษหมายเลข 9 (วงแหวนรอบนอก บางปะอิน-บางพลี) ตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 57 - 4 ม.ค. 58 (ตั้งแต่เวลา 16.00 น.ของวันที่ 26 ธ.ค. 57 - เวลา 24.00 น.ของวันที่ 4 ม.ค. 58) เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่พี่น้องประชาชน และอำนวยความสะดวกในการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ ทั้งนี้ได้ขยายเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมทางด่วนดังกล่าวออกไปมากกว่าทุกปี ทั้งนี้ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ส่งเสริมให้หยุดยาว 10 วันตามที่มีกระแสข่าว เพราะได้ประกาศให้วันที่ 2 ม.ค. 58 เป็นวันหยุดราชการพิเศษเพิ่มเติม ทำให้วันหยุดราชการในช่วงเทศกาลปีใหม่รวม 5 วันคือตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 57 - 4 ม.ค. 58 เท่านั้น

พล.ต.สรรเสริญกล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบแก้ไขร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 โดยให้เพิ่มบทบัญญัติเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส ไม่ต้องรับผิดทางแพ่ง อาญา และทางปกครอง และให้ริบทรัพย์ผู้กระทำความผิดดังกล่าว โดยมอบเป็นสินไหมให้ผู้เสียหาย และนำเข้ากองทุนการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีกำชับในที่ประชุมว่า การออกกฎหมายเป็นการแก้ไขปัญหาปลายทาง แต่อยากให้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือผู้ออกใบอนุญาตต้องไปติดตามดูแรงงานด้วยตัวเอง โดยร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวจะส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีการพิจารณาก่อนส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในขั้นตอนต่อไป

พล.ต.สรรเสริญกล่าวด้วยว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อพิจารณาเห็นชอบขอรับเงินอุดหนุนการบริการสาธารณะของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) วงเงิน 2,732 ล้านบาท และขององค์การขนส่งมวลชน (ขสมก.) วงเงิน 1,967 ล้านบาท ตามที่มีการพิจารณาจากคณะกรรมการพิจารณาเงินอุดหนุนการบริการสาธารณะ เพื่อนำไปใช้ชดเชยกรณีผู้ประกอบการขอปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร และอุดหนุนการให้บริการเดินรถในเส้นทางที่ไม่คุ้มค่าใช้จ่าย

นอกจากนี้ ครม.ยังมีมติแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในหลายตำแหน่ง โดยที่น่าสนใจ มีดังนี้ แต่งตั้งรองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง จำนวน 3 ราย ได้แก่ นายขวัญชาติ วงศ์ศุภรานันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส และนางกิตติมา นวลทวี รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง แต่งตั้ง นายไพโรจน์ อาจรักษา ที่ปรึกษาด้านข้อมูลข่าวสารของราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี

ครม.ยังมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้งข้าราชการ จำนวน 2 ราย ได้แก่ คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และ พ.ท.เอนก ยมจินดา ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง ขณะที่กระทรวงอุตสาหกรรม แต่งตั้งนางศิริรัตน์ จิตต์เสรี รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวง นายเสรี อติภัทธะ รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง และนางรัชดา อิสระเสนารักษ์ รองเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง

ทั้งนี้ ครม.ยังเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ครม.ให้พิจารณาอนุมัติหลักการกฎกระทรวงโดยกำหนดให้ช้างแอฟริกัน และเต่านามลายูเป็นสัตว์คุ้มครองตามพระราชบัญญัติสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. 2535 ทั้งนี้ในการประชุมไซเตสเมื่อวันที่ 14 มี.ค.2556 มีมติให้ 8 ประเทศ ประกอบด้วย เคนยา แทนซาเนีย ยูกันดา มาเลเซีย เวียดนาม ฟิลลิปินส์ จีนและไทย ต้องร่วมจัดทำแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งชาติ เสนอต่อสำนักงานเลขาธิการไซเตส เนื่องจากทุกประเทศดังกล่าวมีปัญหาในการควบคุมการครอบครองการค้างาช้างภายในประเทศ อีกทั้งมีการลักลอบค้างาช้างระหว่างประเทศ โดยถ้าหากไม่มีการปฏิบัติตามแผนดังกล่าวจะถูกไซเตสระงับการค้าสัตว์ป่า และพืช ตามบัญชีไซเตสอีกจำนวนมาก ขณะที่เต่านามลายูปัจจุบันมีจำนวนเหลือน้อย จึงสมควรบรรจุเข้าเป็นสัตว์คุ้มครอง

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ครม. มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตพัฒนาการท่องเที่ยว พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้ สำหรับรายละเอียดการกำหนดเขตท้องที่ในจังหวัดต่างๆ เป็นเขตพัฒนาการท่องเที่ยว ดังนี้ 1. เขตพัฒนาการท่องเที่ยวอารยธรรมล้านนา คลอบคลุม จ.เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน และลำปาง โดยมีศูนย์ปฏิบัติการอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ 2. เขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันออก (Active Beach) คลอบคลุม จ.ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด โดยมีศูนย์ปฏิบัติการอยู่ที่ จ.ชลบุรี 3. เขตพัฒนาการท่องเที่ยวอารยธรรมอีสานใต้ คลอบคลุม จ.นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี โดยมีศูนย์ปฏิบัติการอยู่ที่ จ.นครราชสีมา 4. เขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตก (Royal Coast) คลอบคลุม จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง โดยมีศูนย์ปฏิบัติการอยู่ที่ จ.เพชรบุรี และ 5. เขตพัฒนาการท่องเที่ยวอันดามัน คลอบคลุม จ.ภูเก็ต กระบี่ พังงา ตรัง และสตูล โดยมีศูนย์ปฏิบัติการอยู่ที่ จ.ภูเก็ต

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบตามข้อเสนอคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซุปเปอร์บอร์ดในการแก้ปัญหารัฐวิสาหกิจ 7 แห่งที่มีปัญหาต้องฟื้นฟู ประกอบด้วย บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน), บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน), บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน), การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.), องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) , ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) และธนาคารอิสลาม (ไอแบงก์) ผ่านการแก้ปัญหาใน 9 แนวทาง คือ 1. ปรับลดค่าใช้จ่ายให้ได้ร้อยละ 10 2. การนำระบบบรรษัทภิบาลมาใช้กับรัฐวิสาหกิจ 3.การกำกับดูแลแบงก์รัฐโดยธนาคารแห่งประเทศไทย 4.การกำหนดแนวทางการลงทุนด้วยความโปร่งใส 5. การเห็นชอบกองทุนโครงสร้างพื้นฐานของ 6. การเสนอแผนลงทุนให้ซูเปอร์บอร์ดพิจารณา 7. การกำหนดยุทธศาสตร์ของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 8. การปรับลดสิทธิ์ประโยชน์ของบอร์ดรัฐวิสาหกิจให้เหมาะสม 9. การปรับเงินบริจาคเพื่อการกุศล ต้องคำนึงถึงประโยชน์ต่อองค์กรและมีเป้าหมายให้ชัดเจน

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า นายกฯ ได้ขอบคุณสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่พิจารณาเรื่องต่างๆ ตามกระบวนการทางกฎหมายด้วยความรวดเร็ว ข้อกำหนดต่างๆที่ทางวิปรัฐบาลประสานไป ให้จัดลำดับความเร่งด่วนเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน ในการลดความเหลื่อมล้ำ แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการของส่วนราชการก็ ทางสนช.ได้ดำเนินการด้วยดีมาตลอด พร้อมกันนี้นายกฯได้มอบหมายให้ทักกระทรวง ทบวง กรม จัดลำดับความเร่งด่วนในร่างกฎหมายของแต่ละกระทรวงให้ดี เพราะถ้าหากให้ทางวิปรัฐบาลจัดให้จะไม่ทราบรายละเอียดว่ากฎหมายใดสำคัญเร่งด่วน ฉะนั้นแต่ละกระทรวงต้องไปจัดลำดับความสำคัญของกฎหมายมา เพื่อให้วิปรัฐบาลนำไปประสาน สนช. ให้กฎหมายผลิตกฎหมายเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลได้ตั้งเอาไว้

นอกจากนี้ นายกฯ ได้กำหนดให้วันอังคารที่ 16 ธ.ค. มีการประชุมร่วมกันระหว่าง คสช. และ ครม. เป็นครั้งที่ 3 โดยนายกฯ ขอให้มีการประชุมคสช. ก่อน เพื่อนำผลสรุปจาก คสช. ไปหารือกับ ครม. และนายกฯ ยังเชิญชวนให้คนดูทีวีรัฐสภา ที่มีการนำเสนอการพิจารณากฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะสื่อมวลชน เนื่องจากที่ผ่านมาไม่ค่อยมีคนสนใจ

ในที่ประชุม ครม. พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ฝากเรื่องการเดินทางไปปฏิบัติราชการที่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะไปกับนายกฯ หรือไปกันเองเป็นคณะ จะเห็นว่าปัจจุบันภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาเพื่อนบ้านและประเทศแถบยุโรปดีขึ้นเป็นลำดับ จากการที่พูดคุยกับหลายฝ่าย แต่สิ่งเหล่านั้นยังไม่เพียงพอ เพราะสิ่งที่จะทำให้เกิดความมั่นใจจากทุกฝ่ายมากขึ้น คือเรื่องที่เราคุยกับเขาแล้วจะต้องนำมาปฏิบัติ ฉะนั้นทุกกระทรวง ทบวง กรม ที่รับเรื่องมาแล้วจะต้องไปดำเนินการต่อ และจะดำเนินการอะไร หรือไม่ดำเนินการอะไร เพราะเหตุอะไร จะต้องส่งข้อมูลให้กับกระทรวงการต่างประเทศรับทราบ เพื่อที่เวลาไปประชุมกับต่างชาติในครั้งต่อไป จะได้ไปอธิบายความและชี้แจงเขาได้

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า นายกฯ ได้กล่าวถึงเรื่องกรมทรัพยากรน้ำ ที่มีห้องข้อมูลสามารถดูข้อมูลน้ำทั้งประเทศได้ จึงอยากให้ข้อมูลนี้มีโอกาสเชื่อมโยงกับทุกกระทรวง ไม่ใช่เฉพาะแต่กรมน้ำอย่างเดียว อยากให้แชร์ทุกกระทรวงให้ได้รับรู้ เพื่อประโยชน์ในภาพรวม ดังนั้นให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รับไปดูว่าจะเชื่อมข้อมูลเหล่านั้นกับทุกหน่วยงานอย่างไร เพื่อให้ใช้ข้อมูลร่วมกัน

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า นายกฯ ได้แจ้งด้วยว่าวันที่ 3 ธ.ค. เวลา 16.00 น. ได้เชิญบรรณาธิการข่าวและระดับผู้บริหาร 15-16 คน ร่วมพูดคุยและสร้างความเข้าใจการทำงานปัจจุบันของรัฐบาล โดยมีรองนายกฯ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องร่วมพูดคุยด้วย ซึ่งรัฐบาลจะทำความเข้าใจการทำงานว่าทำอะไรอยู่ เพราะนายกฯเชื่อว่าบ้านเมืองเราจะไปได้อยู่ในความสำคัญของสื่อมวลชน เนื่องจากเป็นผู้เผยแพร่ข่าวสาร หากภาคสื่อสารมวลชนเข้าใจการปฏิบัติงานของรัฐบาล เข้าใจสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และช่วยกันประคับประคองให้สถานการณ์เหล่านี้ดำเนินไปได้ จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีที่สุดในการปฏิรูปบ้านเมืองและเดินไปสู่ประชาธิปไตย แต่ถ้ารัฐบาลเพียรพยายามทำ แต่สื่อมวลชนระดับผู้บริหารไม่เข้าใจหรือคิดเห็นแล้วอาจสื่อความหมายไม่ตรงกัน การทำงานทุกอย่างก็ลำบาก ซึ่งนายกฯ จะนำความตั้งใจจริงในการทำงานของรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาไปเล่าให้ฟัง และมั่นใจว่าผู้บริหารทั้งหลายที่มีประสบการณ์ ผ่านงานต่างๆมามากมายจะช่วยกันประคับประคองสถานการณ์บ้านเมืองให้เดินต่อไปได้





กำลังโหลดความคิดเห็น