ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- รรท.รอง ผบ.ตร.ลุยอีสานติดตามผลการปราบปรามแก๊งลักลอบตัดและค้าไม้พะยูง ตามยุทธการพิทักษ์ทรัพยากรแผ่นดินสู่ความยั่งยืน ขั้นที่ 1 เผย 2 เดือน 8 จังหวัดอีสานล่างมีการจับกุมทั้งหมด 452 คดี มูลค่ากว่า 100 ล้าน คาดโทษหากตำรวจและข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้องถูกเชือดเด็ดขาดทั้งทางวินัยและอาญา
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (21 ต.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รักษาราชการแทน (รรท.)รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมคณะ ได้เดินทางมาติดตามผลการป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้พะยูง ตาม “ยุทธการพิทักษ์ทรัพยากรแผ่นดินสู่ความยั่งยืน ขั้นที่ 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ของตำรวจภูธรภาค 3
โดยมีผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดทั้ง 8 จังหวัดอีสานตอนล่างเข้าร่วมประชุมด้วยตัวเอง และมีการส่งสัญญาณด้วยระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังหัวหน้าสถานีตำรวจทุกสถานีในสังกัดตำรวจภูธรภาค 3
ช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและติดตามผลการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามการลักลอบตัดไม้พะยูงในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 4 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4
ทั้งนี้ เพื่อติดตามผลการปฏิบัติงานในห้วงที่ผ่านมา ตั้งแต่เปิดยุทธการฯ วันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันว่ามีมาตรการป้องกันและการสืบสวนขยายผลอย่างไร เนื่องจากที่ผ่านมามีการจับกุมคดีไม้พะยูงเป็นจำนวนมาก โดยการประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นการมอบนโยบายเกี่ยวกับมาตรการการป้องกันและปราบปรามการลักลอบค้าไม้พะยูงที่ส่งออกไปต่างประเทศตามแนวชายแดนแม่น้ำโขง และการสกัดกั้นมิให้ผู้กระทำความผิดขึ้นไปตัดไม้พะยูงบนเขา เขตอุทยานแห่งชาติ และเขตป่าอนุรักษ์ ที่ยังมีไม้พะยูงเหลืออยู่
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติเปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อติดตามผลการดำเนินงานยุทธการพิทักษ์ทรัพยากรแผ่นดินสู่ความยั่งยืน ขั้นที่ 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา จากรายงานพบว่าในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดประเภทไม้พะยูงได้ทั้งหมด 452 คดี
ผู้ต้องหา 245 คน ของกลางไม้พะยูง แบบท่อน/เหลี่ยม 30,548 แผ่น/เหลี่ยม 449 ปริมาตร (ลบ.ม.) 684.586 มูลค่าของกลาง 119,503,476 บาท ด้านการบุกรุกป่าและที่สาธารณะ สามารถจับกุมได้ 44 คดี ผู้ต้องหา 47 คน และการค้าสัตว์ป่าและพันธุ์พืช สามารถจับกุมได้ 8 คดี ผู้ต้องหา 10 คน
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ทำการขยายผลคดีที่เกิดขึ้นจนสามารถจับกุมหรือนำไปสู่การออกหมายจับผู้ร่วมกระทำความผิดรายอื่นๆ ได้เพิ่มเติม ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการกำชับมาโดยตลอดว่า หากพบเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือองค์กรของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะถูกดำเนินการทั้งด้านวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด