xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” ฮึ่ม! รู้ความเคลื่อนไหวกลุ่มต้าน วอนยุติ เผยได้ สปช. 22 ก.ย.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” ลั่นรู้ความเคลื่อนไหวกลุ่มต่อต้านทั้งหมดว่าประชุมที่ไหน พูดอะไรกัน วอนยุติเพื่อสร้างบรรยากาศปรองดอง ยันไม่แทรกแซงคัดเลือก สปช. ชวนคนรีบมาสมัคร จะมาโวยทีหลังไม่ได้ เผย 4 ก.ย. เริ่มประชุมคณะกรรมการสรรหา ก่อนคัดสรรให้ได้ทั้งหมดภายใน 22 กันยายน


วันนี้ (22 ส.ค.) เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และว่าที่นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า กลุ่มที่ต่อต้าน คสช. โดยอ้างเรื่องประชาธิปไตยและให้ร้าย ไม่ทราบว่าจะทำไปเพื่ออะไร ตนรู้ว่ามีการรวมกลุ่มประชุมกันอยู่หลายๆ ที่ รู้ว่าพูดอะไรกัน โดยเป็นกลุ่มเดิมๆ สิ่งเหล่านี้ไม่ดีเลยกับการขับเคลื่อนประเทศในวันข้างหน้า ผมพูดอยู่เสมอว่าอยากจะสร้างบรรยากาศการปรองดองในการที่จะปฏิรูปประเทศไทย ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ให้ได้ แต่หลายคนก็มีความพยายามที่จะนำพากลับไปสู่สถานการณ์ไม่ปกติอีก

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ถ้าปล่อยให้ประเทศดำเนินการไปด้วยประชาธิปไตยแบบเดิม จะทำให้ไทยเสียหายอย่างยิ่งในอนาคต จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของ คสช. ระยะที่ 1 ประมาณ 3 เดือน มีความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหามาในระดับหนึ่ง จึงไม่อยากให้ทุกอย่างเป็นลักษณะไฟไหม้ฟาง ในระหว่างที่เราเข้มงวดเรื่องนึงอยู่ ก็ดูเหมือนจะดี แต่พอเราไปทำเรื่องอื่น เรื่องเก่า อำนาจเก่า ผู้มีอิทธิพลเก่า ก็จะเข้ามาอีก พยายามกลับไปเป็นแบบเดิม โดยใช้กระแสสังคม กระแสของประชาชนผู้ยากไร้ ตนก็ไม่เข้าใจว่าคนเหล่านี้จิตใจทำด้วยอะไร เอาประชาชนเป็นตัวประกัน ด้วยการทำให้คนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีรายได้น้อย เข้าใจผิด และลงมือกระทำผิดกฎหมาย หรือละเมิดความสงบเรียบร้อยของสังคม แล้วตัวเองก็กอบโกยผลประโยชน์ส่วนใหญ่ไป โดยแบ่งผลประโยชน์ส่วนน้อยให้ประชาชนที่ถูกหลอก อันนี้ต้องขอร้องว่าเลิกซะที

หัวหน้า คสช. กล่าวต่อว่า เรื่องการปรองดอง และการปฏิรูประยะที่ 2 ซึ่งเราพึ่งเริ่มต้น ก็อย่าเพิ่งตำหนิติเตียนกันมากนักในเรื่องตัวบุคคล วันนี้ในโซเชียลมีเดียและสื่อ แทบไม่มีคนดีเหลืออยู่แล้ว ซึ่งตนจะให้โอกาสทุกคน ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม เข้ามาแก้ไข ถ้าคนที่เคยทำไม่ดี ก็เป็นโอกาสให้เขามาแสดงให้เห็นว่า ถ้าทำดีจะทำได้อย่างไร เพราะเราจะมีการบริหารราชการ และควบคุมด้วยระบบธรรมาภิบาล เพราะอย่างไรเราก็ต้องอยู่ร่วมกันต่อไปให้ได้

ว่าที่นายกฯ กล่าวต่อว่า มีคำถามว่าปฏิรูปจะทำยังไง จะสำเร็จไหม ตนว่ามันก็ดีกว่าที่ไม่ได้ทำ ตนอยากให้คนที่ตั้งคำถามมาร่วมกับสภาปฏิรูป เพราะเมื่อถึงเวลาจะมาบอกไม่รู้ ไม่ได้เข้าร่วม ความขัดแย้งก็จะเกิดขึ้นอีก ซึ่งถ้าทุกคนรักและสามัคคี ไม่บ่อนทำลายซึ่งกันและกัน ไม่คอยจับผิดกัน ทุกอย่างมันต้องเดินไปในวิถีทางปกติ ไม่ต้องห่วงเลยว่าใครจะใช้วิธีพิเศษอื่นๆ อีก ถ้ามันดีอยู่แล้ว

สำหรับหัวข้อในการปฏิรูปทั้ง 11 ด้าน ในแต่ละด้านก็มีปลีกย่อยลงไปอีก อย่างเรื่องพลังงานมันก็ต้องมีหลายอย่าง ทั้งกฎหมาย การผลิต การจำหน่าย ราคา ซึ่งต้องไปพูดคุยกันมา จะมาบอกว่าไม่มีหัวข้อนี้ฉะนั้นไม่สำเร็จแน่ มันไม่ได้ ตนบอกแล้วว่ามีเรื่องอื่น ๆ อีก ที่ต้องไปคุยกัน อย่ามาโจมตีกันเรื่องนีอีกว่า 11 เรื่อง มันจะครบได้อย่างไร มีจะเพิ่มเติมอีกร้อยเรื่องก็ได้ ฉะนั้นอย่าไปกังวล

และที่กังวลกันอีกว่าจะปฏิรูปทันหรือไม่ มันก็อยู่ที่สภาปฏิรูป ซึ่งก็มีคนไปตำหนิอีกว่าผู้เข้ามาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ถูกเลือกไว้แล้ว ตนจะไปเลือกใครได้ เราคัดสรรมาจากพันคน โดยจะคัดเลือกให้เหลือ 550 คน จากนั้นก็จะคัดเหลือ 173 คน บวกกับอีก 77 คน ที่มาจากทุกจังหวัด รวมเป็น 250 คน แต่การคัดสรรระดับจังหวัดก็มีข่าวลืออีกว่า คสช.เลือกคนไว้แล้ว จริงๆแล้วมาจากคณะกรรมการคัดสรร มาตามขั้นตอน อย่าพูดกันเรื่อยเปื่อย

หลังจากได้ สปช. 250 คน แต่ละคณะก็จะไปศึกษาเรื่องของตัวเองและมาเสนอในสภาฯ เหมือนจ้างคณะกรรมาธิการของ สนช. หรือ ส.ส. เพื่อให้ไปศึกษาในแต่ละเรื่องของ 11 กลุ่ม และประธานสภาปฏิรูปที่ได้รับเลือกมาก็จะเป็นผู้นำดำเนินการประชุมเพื่อปฏิรูป เมื่อได้ข้อสรุปมาแล้ว จะไปให้ สนช. ออกกฎหมาย หรือไปดำเนินการ

เพราะฉะนั้น 11 เรื่อง 11 กลุ่ม แต่ละกลุ่มไปหาข้อมูลจากของตัวเองมา ส่งข้อมูลมาให้ได้ตลอด จะส่งไปยังสภาปฏิรูปก็ได้ ส่งผ่าน คสช. ก็ได้ ผ่านดำรงธรรมก็ได้ หรือจะส่งผ่าน กอ.รมน. ก็ได้ เพราะฉะนั้นจะไปกังวลอะไร วันนี้ตนได้รายชื่อคนที่สมัครเข้ามาแล้วยังไม่ได้คัด เท่าที่อ่านดูไม่รู้จักใครสักคน ตนบอกแล้วว่า คสช. หรือใครก็แล้วแต่ จะไม่ไปยุ่งกับเรื่องปฏิรูป ต้องมาทำกันเอง มีเวลาสภาฯ ประชุม และก็หาข้อสรุปมาให้ได้

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวอีกว่า ในการสมัคร สปช. ใครยังไม่สมัครมาซะ เดี๋ยวบอกว่าไม่มีโควตา คนอย่างนี้ชอบพูดแต่ตัวเองไม่สมัคร ส่วนวันที่ 4 กันยายน จะมีการประชุมคณะกรรมการสรรหา โดยตนเป็นประธาน ครั้งที่ 1 อีก 3 ครั้ง ก็ไปประชุมกันมา เพื่อจะคัดสรรให้ได้ภายในวันที่ 22 กันยายน 2557 ในส่วนของ กกต. ตอนนี้จะส่งรายชื่อ ที่ได้รับคัดเลือกจากคณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัด จะส่งรายละเอียดขึ้นมาจังหวัดละ 5 คน จะถูกคัดเหลือ 1 คน

คำต่อคำ : รายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" วันที่ 22 ส.ค. 2557

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่รัก พบกันอีกครั้งเช่นเดิมนะครับ ขอบคุณที่ทุกท่านได้กรุณาติดตามรับฟัง และเป็นกำลังใจให้ผมกับคณะ คสช.ตลอดมา ทุกครั้งที่เราพบกันนั้นอยากจะเรียนว่า สิ่งที่เราคิดและเราทำออกไปนั้น บางครั้งอาจจะดูเหมือนยังไม่เร็วพอที่จะแก้ปัญหาทุกอย่างของประเทศได้ อยากจะเรียนว่ามันมีปัญหาความซับซ้อนกันมากมาย ทั้งในด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา และอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเหล่านั้นมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของประเทศ การพัฒนาประเทศ ความอยู่ดีกินดีของประชาชนในทุกมิติ พวกเราจึงอยากจะขอความร่วมมือ ขอร้องบรรดาผู้ที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ ที่พยายามจะต่อว่าหรือต่อต้าน โดยเลือกที่จะพูดคำว่าประชาธิปไตย โดยการคืนอำนาจ และเลือกตั้ง หรือกล่าวคำตำหนิติเตียน ทำใบปลิว บัตรสนเท่ห์ ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กให้ร้ายการกระทำอันเป็นเจตนาของพวกเรา ผมก็ไม่ทราบว่า จะทำไปเพื่ออะไร ยังคงมีการซุ่มซ่อนหลบเลี่ยงดำเนินการ ในลักษณะที่มีการปกปิดซ่อนเร้นอยู่ตลอดมา และผมทราบนะครับ มีการประชุมกันอยู่หลายๆ ที่ด้วยกัน โดยเป็นกลุ่มเดิมๆ พูดจากันว่าอะไรบ้าง ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ดีเลย กับการจะขับเคลื่อนประเทศในวันข้างหน้า หรือการปฏิรูปของพวกเรา ผมพูดอยู่เสมอแล้วว่า เราอยากจะสร้างบรรยากาศการปรองดองในการที่จะปฏิรูปประเทศไทย ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ให้ได้ แต่หลายคนก็มีความพยายามที่จะนำพากลับไปสู่สถานการณ์ไม่ปกติอีกต่อไป โดยใช้คำว่าประชาธิปไตย การเลือกตั้ง และโดยที่ไม่เห็นว่า ประชาธิปไตยเราที่ผ่านมานั้น เป็นประชาธิปไตยที่ไม่สมบูรณ์ เกิดความไม่ปลอดภัย ขาดความน่าเชื่อถือจากสังคมโลก การกระจายรายได้ให้พ่อแม่พี่น้องไม่เป็นธรรม การทุจริตผิดกฎหมาย มีการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม การเอารัดเอาเปรียบผู้คนโดยใช้ทุกวิธีการ ทั้งผิดและถูก เพื่อให้ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อมั่นในการกระทำดังกล่าว ว่าเป็นสิ่งที่ดี ที่ถูก เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ซึ่งคงเกิดได้เฉพาะบางพวกบางกลุ่ม บางพื้นที่เท่านั้น ไม่ทั่วถึง และไม่แก้ปัญหาพื้นฐานของประชาชนได้เลย ตลอดระยะเวลายาวนานในอดีตที่ผ่านมา

ผมยกตัวอย่างง่ายๆ นะครับ การบริหารจัดการเรื่องน้ำทั้งระบบ การแก้ปัญหาสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ทันสมัย พร้อมกับการให้บริการการเตรียมการรองรับประชาคมอาเซียน การกำหนดยุทธศาสตร์ชาติที่เป็นรูปธรรม ปฏิบัติได้ และจับต้องได้ระยะยาว การแก้ปัญหาหนี้สินประชาชน การเข้าถึงทรัพยากรแหล่งเงินทุนของประชาชนที่ยั่งยืน ในการบริหารจัดการที่ผ่านมานั้น เหมือนกับเราดูภาพถ่าย รูปถ่ายภาพยนตร์ เหมือนเอามาให้ดูแล้วก็จบไป เหมือนหนังจบ หรือปิดหนังสือก็ไม่เห็นรูปอีกต่อไป ก็จะเห็นกันชิ้นๆ มันไม่เกิดความต่อเนื่องกันทั้งระบบทั่วถึงและยั่งยืน ฉะนั้นเราต้องพยายามทำอะไรที่จับต้องไม่ได้อย่างเป็นรูปธรรมมากนั้น มาบริหารจัดการให้ได้เช่น การบริหารจัดการพลังงาน อย่างไร้ทิศทาง ชัดเจน มียุทธศาสตร์ระยะยาว และอีกหลายๆเรื่องที่เมื่อเรามาควบคุมอำนาจในการบริหารราชการได้ตรวจสอบพบ สิ่งเหล่านี้บั่นทอนความเจริญก้าวหน้าของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง การศึกษา สาธารณสุขที่ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ และยั่งยืน ผมใช้คำว่า อย่างไม่เพียงพอ และยั่งยืนนะครับ บางอย่างก็ดี บางอย่างก็ยังไม่ยั่งยืน ผมอาจจะก้าวล่วงในการทำงานของทุกฝ่าย ทั้งข้าราชการ ฝ่ายนโยบาย ฝ่ายการเมืองอยู่บ้าง เพราะว่าท่านรู้ว่าปัญหาประเทศอยู่ที่ไหนเพียงแต่แก้ไขอะไรยังไม่ได้ ตราบใดที่ยังมีผู้บริหาร ข้าราชการบางคน บางส่วน บางพวก ยังมีผลประโยชน์ในการบริหารราชการ เพราะฉะนั้นประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับก็ลดลงไปตามลำดับ ผมไม่ได้หมายความว่าทุกหน่วย ทุกคนนะครับ ก็มีบางคน บางส่วนเท่านั้นเอง แต่มันเป็นผลกระทบโดยรวม เป็นเหมือนลูกโซ่ พอตรงนี้มันพลาด ตรงนี้มันไม่ดี ตรงนี้มันผิด มันก็ทำให้สิ่งที่มันอาจจะดีอยู่แล้ว ถ่วงดุล ดึงลงไปด้วย นี่ก็อยากจะเรียนให้ทราบเท่านั้นเอง

เรื่องที่ผมกล่าวไปทั้งหมดนั้น เราน่าจะมองว่า ถ้าเราปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นยังเดินหน้าต่อไปด้วยการเป็นประชาธิปไตยแบบเดิม มันก็น่าจะทำให้ประเทศไทยเสียหายเป็นอย่างยิ่งในอนาคต ทำให้การพัฒนาประเทศนั้นช้าลงตามลำดับ

จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของ คสช.ระยะที่ 1 ประมาณ 3 เดือน ก็มีความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหามาในระดับหนึ่ง ก็ไม่อยากให้ทุกอย่างเป็นลักษณะไฟไหม้ฟาง คือทำแล้ว แก้ไปแล้ว ในระหว่างที่เรายังเข้มงวดอยู่ ก็ดูเหมือนจะดี แต่พอเราไปทำเรื่องอื่นที่มีปัญหามากมาย เรื่องเก่า อำนาจเก่า ผู้มีอิทธิพลเก่า ก็จะเข้ามาอีก พยายามจะกลับเข้ามาแก้ไขอีก กลับไปเป็นแบบเดิมอีก โดยใช้กระแสสังคม โดยใช้กระแสของประชาชนผู้ยากไร้ ผู้มีรายได้น้อย ผมก็ไม่เข้าใจว่าคนเหล่านี้มันจิตใจทำด้วยอะไร พยายามจะทำให้คนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีรายได้น้อย เข้าใจผิด แล้วก็ยกประโยชน์แต่เพียงส่วนน้อย ผิดกฎหมาย หรือละเมิดความาสงบเรียบร้อยของสังคม ให้กับประชาชนเป็นจุดอ้าง แล้วก็กอบโกยผลประโยชน์ส่วนใหญ่ไป แล้วก็แบ่งปันส่วนน้อยให้กับผู้ที่ทำผิดกฎหมายดังกล่าว โดยมีประชาชน เหมือนกับเป็นตัวประกัน อันนี้ต้องขอร้องว่าเลิกซะที เช่น การที่เราไปจัดระเบียบในสังคม เหล่านี้ยังมีคนที่พยายามจะกลับมาให้เป็นเหมือนเดิม การปรับปรุงทางเท้า การปรับปรุงการค้าขายปลีกย่อยตามถนนหนทาง ก็ไปจัดระเบียบกันมาให้ได้ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องคงต้องไปหาแนวทางที่เหมาะสม ทำยังไงคนที่ยากจนจะไม่เดือดร้อน หาที่ขายให้ใหม่ หรือกำหนดกติกาต่างๆ ให้ชัดเจนในบางพื้นที่ ก็ไปหาวิธีการทำให้ได้ คสช.ก็กำหนดนโยบายไปแล้ว เพราะฉะนั้น ทุกคนต้องหามาตรการดำเนินการให้ดีที่สุด ทั้งระยะสั้น ระยะยาว ไม่ให้เกิดขึ้นต่อไปในการกระทำผิดกฎหมาย

ในเรื่องการปรองดอง และการปฏิรูประยะที่ 2 ซึ่งเราพึ่งเริ่มต้นตอนนี้นะครับ ก็อย่าเพิ่งตำหนิติเตียนกันมากนักเลย ในเรื่องตัวบุคคลวันนี้ ถ้าดูในโซเชียลมีเดีย ดูในสื่อ แทบไม่มีคนดีเหลืออยู่แล้วในชะตาของสังคมวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้ ถ้าเราบอกว่า เราจะให้โอกาสของคนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม เข้ามาแก้ไข ถ้าคนที่เขาเคยทำไม่ดี ก็เป็นโอกาสให้เขามาแสดงให้เห็นว่า ถ้าทำดีจะทำได้อย่างไร เพราะเราจะมีการบริหารราชการ และควบคุมด้วยระบบธรรมาภิบาล เพราะอย่างไรเราก็ต้องอยู่ร่วมกันต่อไปให้ได้

ด้านเศรษฐกิจสัปดาห์ที่แล้วนั้น ผมพูดไปแล้วว่า เรามีทั้งวิกฤตและโอกาส ทำอย่างไรจะทำให้วิกฤตเป็นโอกาสให้ได้ ทั้งภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และอื่นๆ ต้องพัฒนาตนเองทั้งความรู้ความสามารถ ความซื่อสัตย์ ความเข้าใจซึ่งกันและกัน รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาไม่มีอะไรยั่งยืนผลิตผลต่างๆ การค้าขาย เพราะฉะนั้นเราต้องเตรียมตัวรับความเสี่ยงให้พร้อม เราก็มีหลักการอยู่แล้วใช่ไหมครับ เรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการมีภูมิคุ้มกัน โดยมีความรู้คู่คุณธรรม ความรู้สำคัญในทุกวิชาชีพ ทุกอาชีพต้องมีความรู้นะครับ คำว่ามีคุณธรรมก็คือ ไม่ไปเบียดเบียนไม่ไปรังแก ไม่ไปขูดรีดกับผู้มีรายได้น้อย ซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น การทำมาค้าขาย การผลิตสินค้าต่างๆ ก็ต้องเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ ให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้บริโภคและผู้ค้า ทั้งในประเทศและต่างประเทศ วันนี้สิ่งที่เรามีอยู่คือความเข้มแข็งของทุกๆ ภาคการผลิต การปรับปรุงเทคโนโลยีให้ทันสมัยขึ้น มันต้องไปดูว่า ทำอย่างไรมันถึงจะมีเครื่องมือทันสมัยขึ้น ปรับปรุงเครื่องจักร ปรับปรุงการผลิต มันต้องมีเงินทุนให้ไปทำการปรับปรุงในธุรกิจของ ไม่ว่าจะเป็นเอสเอ็มอี ในเรื่องการลงทุนขนาดใหญ่ บีโอไอ แล้วก็กองทุนต่างๆ ของรัฐ อันนี้ต้องพยายามช่วยกัน ต้องเอาคนทุกคนเข้าหา เข้าหาทรัพยากรให้ได้ จะเข้าไปอย่างไร จะมีวิธีการเฉลี่ยแบ่งปันอย่างไรให้เกิดความพอเพียงเกิดขึ้น และค่อยๆ สร้าง ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป มันจะดีขึ้นตามลำดับ ถ้าทุกคนยังยึดถือการผลิตที่เชิงปริมาณมากเกินไป โดยไม่มีการปรับปรุงเทคโนโลยี ไม่มีการขยายประสิทธิภาพในการผลิตให้ดีขึ้น ให้มากขึ้น ให้ทันสมัยขึ้น มันจะต้องถอยหลังไปเรื่อย เราจะสู้เขาไม่ได้ สินค้าเราจะสู้เขาไม่ได้ แต่ก็เมื่อเห็นว่าการผลิตออกมาเป็นอย่างนี้ เขาก็ไม่เชื่อถือ เราต้องช่วยกันเร่งปรับปรุงให้ได้โดยเร็ว รวมกลุ่มให้ได้ พึ่งพาอาศัยกันบ้าง ทำนองนี้ อยากให้เป็นธุรกิจของคนไทย สร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจที่ดำเนินการโดยคนไทยให้เข้มแข็งขึ้น เตรียมรับการเปลี่ยนแปลงของการแข่งขันในเวทีโลกในการค้าขาย

สำหรับเรื่องของการดำเนินการด้านกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมของ คสช.นั้น เราก็พยายามปรับปรุงแก้ไขในเรื่องเร่งด่วนไปบ้างแล้ว เรื่องใหญ่ๆ สำคัญๆ ที่มีผลผูกพันหลายอย่าง ต้องไปแก้กันในสภาปฏิรูป หรือสภานิติบัญญัติ เราไม่ควรที่จะไปออกคำสั่ง หรือประกาศต่างๆ เพื่อจะไปหาวิธีทางเพื่อจะกำจัดเรื่องนู้นเรื่องนี้ กลุ่มหนึ่งกลุ่มใดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นการชั่วคราวเท่านั้น แต่การที่จะทำให้มันเกิดความยั่งยืนถาวรนั้น คงจะต้องไปแก้ใน สนช. ใน สปช.ด้วย สภาปฏิรูปฯ ด้วย เพราะว่าเราต้องการทำกฎหมายทุกอย่างให้เกิดความเป็นธรรมกับคนทุกหมู่เหล่า คนไทยทั้งประเทศ วันหน้าเราก็ต้องกลับเข้ามาสู่การเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ มีการเลือกตั้งที่ทุกพวกทุกฝ่ายพอใจ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องพยายามปรับแก้สิ่งเหล่านั้น น่าจะดีกว่าการที่จะให้ คสช.แก้ด้วยความรวดเร็ว โดยใช้กฎหมายพิเศษมากนัก

เราต้องดูว่าที่ผ่านมานั้น จากระบบการเมือง การบริหารประเทศ ที่มีการทับซ้อนกันอยู่ ก้าวก่ายกัน ระบบต่างๆ มันมีหรือไม่ อย่างไร ผมคิดว่าทุกคนคงไม่มีใครอยากทำไม่ดีนะครับ แต่ทีนี้มันอยู่ที่ใครจะกำกับดูแล ใครจะควบคุมการใช้อำนาจให้ถูกต้อง ได้มากน้อยเพียงใด ทุกคนต้องมาช่วยกัน นั่นล่ะครับ นั่นคือปัญหาสำคัญ เพื่อจะนำพาประเทศชาติไปข้างหน้า เพราะฉะนั้นวันนี้อย่าเพิ่งมาติ ให้ร้ายกันตั้งแต่ยังไม่ได้ทำอะไร หรือทำไปบ้างแล้ว ไอ้จะถูก จะผิด จะดี จะเลว กฎหมายต้องตัดสินมา เมื่อจะแก้ไข เราก็ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีคิด วิธีปฏิบัติให้เหมาะสม ไม่ได้หมายความว่า เราจะไปยกโทษให้ อะไรให้ มันยังไม่มี ทำไม่ได้หรอกครับ คนผิดก็ต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย อันนี้มีไว้สำหรับบังคับคนทุกคนนะครับ ที่ผิดกฎหมาย

ผลการดำเนินงานในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้านความมั่นคง ก็คงเป็นเรื่องของการแก้ปัญหาที่ดินทำกิน นี่เป็นปัญหา หลายแสนคนนะครับที่ราษฎรอาจจะจำนวนล้านด้วยซ้ำไป ที่ไม่มีที่ดินทำกิน เพราะฉะนั้นปัญหานี้ผมได้มอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคงของ คสช.ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และส่วนราชการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ไปจัดตั้งคณะทำงานเพื่อจะแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินแบบบูรณาการให้ได้ เป็นแนวคิดเฉยๆ นะครับว่า เราอาจจะพิจารณาได้ไหมว่า นำเอาพื้นที่ของรัฐที่มันไม่ได้ใช้ประโยชน์ ป่าเสื่อมโทรมไม่สามารถจะฟื้นฟูได้แล้ว พื้นที่รกร้างว่างเปล่าไม่ได้ใช้ประโยชน์ จะทำอย่างไรให้ประชาชนสามารถมาหารายได้ ทำมาหากินร่วมกัน ถ้าเป็นพื้นที่ป่าก็ต้องดูแลป่า ปลูกป่าไปด้วย แต่กรรมสิทธิ์ยังเป็นของรัฐ ไม่เป็นโฉนดของใครทั้งสิ้น เป็นของรัฐอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ว่า ทำอย่างไรเขาจะเข้ามาทำกิน ผมเคยพูดเรื่องคิบบุตซ์ในประเทศอิสราเอล เขาก็ทำแบบนี้ ที่เขามีน้อยมาก

เพราะฉะนั้นเขาก็จัดเป็นกลุ่มๆ ขึ้นมา เป็นนิคมเล็กๆ ขึ้นมา และไปดูแลร่วมกัน รัฐลงทุนให้แบ่งปันผลประโยชน์กันไป เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่มีที่ แล้วเราไปแบ่งที่ทุกคนๆ เมื่อไรจะพอ มันไม่พอแน่นอน ถ้าทำเป็นกลุ่มแบบนี้ แล้วไปหาพื้นที่ของรัฐเข้าไปทำ แต่ไม่ใช่ทำกินกันอย่างเดียว มันต้องปลูกป่าไปด้วย ถ้าใช้พื้นที่ป่าที่เสื่อมโทรมแล้ว ก็ทำเป็นป่าเศรษฐกิจไงครับ คำว่าป่าเศรษฐกิจก็คือ มีทั้งไม้ยืนต้น มีทั้งไม้ที่ต้องอนุรักษ์ และมีไม้ที่มันเก็บผลประโยชน์ได้ เช่น อาจจะเป็นป่าผสมกันทั้งป่ายาง ทั้งป่าไม้ยืนต้น คือมันไม่มีอะไรที่มันจะสมบูรณ์ได้อย่างเดียวหรอกนะครับ ป่าสมบูรณ์ 100% ประชาชนยากจน ประชาชนไม่มีที่ทำกินมันก็ไม่ได้ทั้งหมด ทำอย่างไรเราถึงจะจัดระเบียบตรงนี้ให้ได้แต่ผมไม่ได้หมายความว่าจะให้ไปบุกรุกป่าใหม่เพิ่มเติมนะครับ ทำอย่างไรป่าที่มันฟื้นไม่ไหวแล้วแต่ยังเป็นพื้นที่ป่าอยู่เหมือนเดิม แต่เป็นป่าเศรษฐกิจนะครับ กำลังให้ไปทดลอง ไปคิดกันมา ว่าจะหาทางอย่างไร แล้วก็นำสู่การปฏิรูป และการดำเนินการใน คสช.ต่อไปนะครับ มีกฎหมายหลายข้อ

ไอ้ป่าสมบูรณ์ปัจจุบันขออย่างเดียวว่าอย่าบุกรุกอีกเป็นอันขาดนะครับ จากขอบป่าเดิมที่มีพื้นที่บริเวณเดิม ถ้าบุกรุกเข้ามาแล้ว มันก็ต้องตีเส้นชัดเจนว่าตรงนี้เป็นแนวป่าอยู่ ตอนนี้รุกเข้ามาถึงตรงนี้ ในส่วนตรงนี้ก็ต้องไปใช้วิธีการแก้ปัญหาทั้งนิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ อย่างที่ผมว่านี่คือรัฐศาสตร์ และยังเป็นป่าอยู่เหมือนเดิม แต่มันจะต้องมีปัญหาที่ประชาชนต้องเดือดร้อน ก็ทำอย่างไรประชาชนถึงจะอยู่กับป่าได้ หลายๆที่เป็นแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงทำไว้แล้ว เช่น ป่าชุมชน ป่าเศรษฐกิจ ป่าชุมชนผมว่าน่าจะต้องไปปรับมานะครับ ทำเป็นป่าเศรษฐกิจจะได้ไหม ถ้าป่าชุมชนก็บ้านใครบ้านมัน หมู่บ้านนั้นหมู่บ้านนี้ก็ชี้ตรงนี้เป็นของตรงนั้น โอเคก็ทำเป็นป่า เป็นป่าเศรษฐกิจไปเลย คนในพื้นที่ก็ทำได้ ดูแลได้ อีกส่วนหนึ่งก็แบ่งปันให้อีกส่วน ได้ไหม ไม่ทราบนะครับ ต้องไปดูข้อกฎหมายอีก ก็ดูความเหมาะสม และดูว่ามันจะทำให้การบุกรุกป่ามากขึ้นอีกหรือเปล่า ถ้าประชาชนยังบุกรุกอยู่เหมือนเดิม ทำอะไรก็แก้ไม่ได้ ถ้ายังยากจนอยู่ก็แก้ไม่ได้ บางครั้งใช้กฎหมายก็ทำไม่ได้ ฉะนั้นเรียนอีกครั้งว่าอยู่ในขั้นการหารือ พูดคุย ใครมีความคิดเห็นอย่างอื่นก็ว่ามา ว่าควรจะเป็นอย่างไร ผมก็รับฟังทั้งหมด

สำหรับความคืบหน้าการลงทะเบียนแรงงานต่างด้าวขณะนี้ได้มีการดำเนินการไปแล้ว 8 แสนกว่าราย ทั่วประเทศ ก็จะเห็นได้ว่ามีการขึ้นทะเบียนชัดเจนขึ้น ปัจจุบันก็กำลังดำเนินการร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในการเตรียมการพิสูจน์ยืนยันสัญชาติอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะจัดทำพาสปอร์ตให้ถูกต้อง เรามีกำหนดเวลาไปแล้วชัดเจน เพื่อจะได้สามารถบริหารจัดการแรงงานได้ ป้องกันปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน ผู้ประกอบการก็ต้องร่วมมือ จดทะเบียนการประกอบการค้าท่านให้เรียบร้อย ซึ่งจะมายื่นความต้องการ เราจะได้รวบรวมทั้งดีมานด์ และซัพพลาย ให้มันสอดคล้องกัน ไม่ใช่เอามามากๆ เข้ามาจดทะเบียนเยอะๆ แล้วก็กระจัดกระจายไปทำอะไรก็ไม่ทราบ เพราะฉะนั้นท่านต้องสร้างความเข้มแข็งในการประกอบการของท่านด้วย แล้วก็รองรับแรงงานพวกนี้ ถ้าท่านพัฒนาสถานประกอบการให้ทันสมัยขึ้น ใช้เครื่องจักร เครื่องมือ เทคโนโลยีมากขึ้น คนที่เข้ามานั้นก็ต้องมีการปรับปรุงคุณภาพ เพิ่มช่างฝีมือแรงงานต่างๆ เข้ามา หรือรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมอยากให้รับช่างฝีมือ หรือว่าที่จบวิชาชีพในประเทศไทย ทำงานในโรงงานของไทย เราจะได้ไม่เสียคนพวกนี้ไปทำงานต่างประเทศ แล้วเราก็จะเหลือแต่แรงงานที่ไม่มีคุณภาพ นี่ต้องช่วยกันคิดช่วยกันทำนะครับ เราจะเปิดรับลงทะเบียนถึง 31 ต.ค.57 นี้เท่านั้น หลังจากนั้นจะเป็นการพิสูจน์สัญชาติให้แล้วเสร็จภายใน 31 มีนาคม 2558 ก็อย่าให้เกินนั้นก็แล้วกัน

ในเรื่องของการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีและความร่วมมือในด้านต่างๆ การปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคง ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน และส่วนราชการต่างๆ ไปรวบรวมกฎหมายที่จะต้องปรับปรุงให้ทันสมัย เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศ เช่น การป้องกันและแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน ปัญหาการค้ามนุษย์ การป้องกันและการลักลอบการค้าสัตว์ป่าและซากสัตว์ ลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา กฎหมายความร่วมมือทางการค้า การลงทุนต่างๆ ขณะนี้ได้ส่งให้ฝ่ายกฎหมาย คสช.พิจารณา ร่วมกับคณะกรรมการกฤษฎีกา แล้วก็จะนำเข้าสู่ สนช.เพื่อปรับปรุงให้ทันสมัยต่อไป

ปัญหาบางประการซึ่งคนไทยอาจจะไม่ค่อยทราบ หรือไม่ค่อยได้สนใจ แต่มันส่งผลกระทบต่อประเทศชาติเป็นอย่างมาก เช่น ปัญหาการค้างาช้าง ซึ่งมันอาจจะมีทั้งงาช้างในประเทศ ผมว่าจำนวนน้อยนะครับ ส่วนใหญ่จะเป็นงาช้างที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ลักลอบนำเข้ามา เป็นงาช้างแอฟริกาบ้าง หรือจากที่โน่นที่นี่บ้าง เห็นได้ขนาดที่ยาว ใหญ่ นี่ล่ะ คือปัญหาสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่ออนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ ที่พวกเรารู้จักกันในชื่อของไซเตส ปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย หรือที่เรียกกันว่า ไอยูยู ฟิชชิ่ง ปัญหาการค้ามนุษย์ที่มีการปรับลดระดับประเทศไทยจาก เทียร์ 2 เป็นเทียร์ 3 หรือ เทียร์ 2.5 เดิมมีเทียร์ 2 เราถูกลดมาเป็นเทียร์ 2.5 วันนี้มาเป็นเทียร์ 3 แล้ว เราต้องพยายาม จะทำยังไงให้ย้อนกลับขึ้นไปให้ได้ ตรงนี้จะเป็นภาระผูกพันที่มันเกิดจากกลไกในการแก้ปัญหาต่างๆ ของประชาคมโลกทั้งสิ้น ที่ผมพูดมาทั้งหมดเมื่อกี้นี้ มันมีผลผูกพันมาที่กฎหมายระหว่างประเทศ ทุกด้าน ท่านต้องแก้ไขวันนี้ แก้ไขอย่างไร แก้ไขในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย ปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย มีหน่วยงานที่รับผิดชอบชัดเจน มีงบประมาณ มีผล สถิติการจับกุมดำเนินคดีในแต่ละเรื่องที่เป็นความสนใจของประชาคมโลก ถ้าเราแก้ตรงนี้ได้ เราทำให้เป็นรูปธรรมได้ เราก็สร้างการรับรู้ความเข้าใจไปต่างประเทศ จะเห็นได้ว่าเรามีความตั้งใจในการแก้ปัญหา ในสิ่งที่เขาลดความไว้วางใจเราลงไป เขาต้องกลับมาเหมือนเดิม เพราะที่ผ่านมานั้น เราแสดงให้เขาเห็นไม่ได้ว่า เราดำเนินการเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน ต้องตอบได้ในเรื่องกฎหมาย ผู้ปฏิบัติ ความรับผิดชอบ ผลการทางคดี งบประมาณที่ใช้จ่ายไป เพราะฉะนั้น ถ้าจะตอบต่างประเทศได ต้องตอบแบบนี้นะครับทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ต้องเตรียมข้อมูลเหล่านี้และปฏิบัติให้ได้จริงจังด้วย โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตม.สรรพากรต่างๆ ทั้งหมดครับที่เกี่ยวข้อง

ในส่วนของการพัฒนาความร่วมมือ และความสัมพันธ์อันดีกับมิตรประเทศในอาเซียน บอกแล้วว่า เรามีมิตรประเทศที่ใกล้ชิดรอบบ้านเราใกล้ๆ ไม่ต้องไปไหน รอบบ้าน รอบประเทศเรา 5,600 กิโลเมตร มีประเทศที่เราค้าขาย และมีผลประกอบการจำนวนมาก จะเห็นได้ว่า ผลการค้าชายแดนแต่ละช่วงรายไตรมาสมีจำนวนสูงมาก วันนี้ เราถึงมีการปรับปรุงเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ มีการปรับปรุงถนนเส้นทาง ศุลกากร ขยายด่าน ขยายพื้นที่คอขวด ยังทำอยู่ทั้งหมด เพื่อให้มีการค้าขายกับมิตรประเทศให้มากขึ้น ขณะนี้ ท่านพลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง ได้เดินทางไปร่วมประชุมกับคณะกรรมการความร่วมมือระดับสูง ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสหพันธรัฐมาเลเซีย ราชอาณาจักรไทยกับสหพันธรัฐสหภาพเมียนมาร์ ราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐอินโดนีเซีย และกำลังเตรียมเดินทางไปกัมพูชาในเร็ววันนี้ด้วยนะครับ

ท่านปลัดกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นประธานของการประชุมร่วมกับ นายอเลฮานโดร โซลาโน่ ออทิส ปลัดกระทรวงการต่างประเทศและศาสนาสาธารณรัฐคอสตาริก้า ซึ่งเป็นประเทศผู้ประสานงานฝ่ายลาตินอเมริกา ในขณะที่ไทยเป็นผู้ประสานงานฝ่ายเอเชียตะวันออกของเวทีความร่วมมือระหว่างเอเชียตะวันออกกับลาตินอเมริกา ระหว่างวันที่ 19-22 สิงหาคม คือในช่วงนี้นะครับที่กรุงเทพมหานคร โดยไทยจะผลักดันความร่วมมือด้านต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อประโยชน์โดยรวมของประเทศสมาชิก

งานด้านเศรษฐกิจ ได้มีการตรวจสอบการระบายข้าวนะครับ คงเหลืออีกไม่มากนัก ก็มีความก้าวหน้าไปตามลำดับ ก็อยากเรียนอีกครั้งหนึ่งถึงแม้ว่า ข้าวจะมีจำนวนอย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วนะครับ ประมาณ 80 20 มันเสีย 20 ยังมีอยู่ 80 ผมพูดถึงเฉพาะเรื่องปริมาณนะครับ เป็นการตรวจสอบทางกายภาพนะครับว่า มีจำนวนครบหรือไม่ครบ มีเสียหรือไม่เสีย แต่เมื่อดูว่าครบหรือไม่ครบแล้ว มันก็มีการตรวจสอบของ ป.ป.ช. ของคณะกรรมการอื่นๆ อีก ในเรื่องของการตรวจสอบว่าเอฟทีเอถูกไหม เป็นข้าวชนิดเดียวกันหรือเปล่า นี่ยังตรวจสอบกันอยู่นะครับ เพื่อยืนยันชนิดคุณภาพของข้าว เพราะฉะนั้น ถ้าอันใดที่มันถูกต้อง ทั้งกายภาพ จำนวน ต่อไปก็เป็นเรื่องของดีเอ็นเอ ข้าวประเภทเดียวกัน ไม่งั้นเวลาส่งไปจำหน่ายเขาแล้ว ต่างชาติเขาก็ไม่ไว้วางใจ เขาก็ไม่เชื่อถือต่อไป ถ้าผสมกันไปขายเขาไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องตรวจให้ชัดเจนขึ้น ถ้าตรวจสอบได้แล้วก็เป็นเรื่องของการเตรียมการสู่การระบายข้าว ปัญหาของเรื่องข้าวผมเรียนแล้ว นอกจากกายภาพ เรื่องจำนวน เรื่องดีเอ็นเอแล้ว ต้องไปดูเรื่องอื่นๆ อีกนะครับ เพราะกระบวนการมันมีมากมาย การรับซื้อ รับจำนำ ราคา การทำสัญญาซื้อขายกับต่างประเทศ และในประเทศ และเรื่องอื่นๆ อีกมาก การเก็บดูแลรักษามันก็มีการตรวจสอบในทุกระบบทุกขั้นตอน ซึ่งวันนี้ยังไม่ออกมาทั้งหมด ก็ออกมาเฉพาะในเรื่องของการตรวจสอบนับจำนวนข้าวเท่านั้นเอง แต่ที่เหลือทั้งหมดยังคงดำเนินการต่อไป และเป็นการดำเนินการตามกฎหมาย ตามกระบวนการตรวจสอบขององค์กรอิสระก็ว่าไป

วันนี้เราจะดำเนินการเฉพาะข้าวที่ไม่มีปัญหา คือทั้งที่มีจำนวนครบ และนี่คือกายภาพ และตรวจอายุข้าวก็คือ ตรวจดีเอ็นเอ ถ้ามันตรงกันชนิดเดียวกัน อยู่ในกลุ่มเดียวกัน เราก็จะได้ขายข้าวได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นการระบายข้าว อาจจะไม่มากนัก เพราะว่าเราจำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างชาติคู่ค้าเขาด้วย เราไม่ได้ทำเพื่อปกป้องให้ฝ่ายใคร หรือใครจะไปอ้างเรื่องผลทางคดีไม่ได้ทั้งนั้น เพราะเป็นการตรวจสอบกายภาพ เพื่อการระบายข้าว สิ่งที่เราต้องเตรียมการมากขณะนี้คือ มาตรการรองรับผลิตผลใหม่ เราคงไม่ย้อนกลับไปพูดถึงว่า เราจะช่วยเหลือเกษตรกรอย่างไร ถ้าเราไปดำเนินการไปแล้ว และไปแก้ไขตอนนี้มันคงไม่ได้ ลองดูก่อน ลองทำดูก่อนว่า มันจะทำได้ไหม ถ้าทำได้มันจะเกิดความยั่งยืน มีการขายในราคาที่เป็นธรรม ไม่ผูกขาดกัน รัฐไม่ต้องเป็นคนดูแลมากนัก เป็นไปตามกลไกของตลาด มันน่าจะดีกว่าถ้าทำได้ ก็ถ้ามันทำไม่ได้ก็ไปว่ากันอีกครั้งหนึ่ง ก็ขอร้องอย่าเพิ่งมาประท้วงร้องเรียนขณะนี้เลย มันมีหลายอย่างที่มีผลผูกพันกันมากนัก มากหลายๆ อย่างเช่น เราจะต้องช่วยกันดูแลปรับปรุงคุณภาพให้มันได้คุณภาพที่ดีขึ้น มีพันธุ์ข้าวที่ดีปลูก และการสี การผลิตออกมาก็จะต้องไม่ปลอมปนกัน ไม่เอาข้าวนอกประเทศมาปนในประเทศอะไรทำนองนี้ มันจะได้เกิดการแข่งขันเสรีได้ ทุกประเทศในโลกเขากำลังทำอยู่นะครับ เรื่องการตรวจสอบและเวลาเราไปขายเขา ตอนไปให้เขาดู โอเคมันถูกต้องทุกอย่าง แต่เวลาส่งเข้าไปก็ขอร้องให้อย่าไปปลอมปนทำให้เสียหายประเทศ เดี๋ยวอีกหน่อยก็ไม่มีใครมาค้าขายกับเรา ก็เดือดร้อนไปถึงชาวนาอีก ชาวนา เจ้าหน้าที่ ข้าราชการ ก็มีปัญหาไปหมดนะ ราคามันจะได้ไม่ตก ผลผลิตต่างๆก็ไม่ตก เพราะอนาคตอันใกล้ต้องเตรียมการนะครับเรื่องข้าว

ในส่วนที่ผ่านมานั้นกระทรวงพาณิชย์จัดประมูลข้าวในสต็อกของรัฐได้รับความสนใจจากผู้ซื้อมากนะครับ มีผู้ร่วมยื่นซอง เสนอราคา รวม 49 ราย ชนิดข้าวสารที่ประมูลในครั้งนี้ ทั้งข้าวหอมมะลิ 100% ข้าวขาว 15% ข้าวเหนียวขาว 15 % ข้าวท่อนหอมมะลิ ข้าวปลายข้าวหอมมะลิ ปลายข้าวปทุมธานี ปลายข้าวเอวันเลิศ โดยการเปิดประมูลข้าวในสต็อกของรัฐครั้งนี้จัดทำหลักเกณฑ์การประมูลให้มีความโปร่งใสในทุกขั้นตอนโดยผลการประมูลของคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว หรือ นบข.ได้มีมติอนุมัติให้ขายข้าวได้รวมทั้งสิ้น 73,200 ตัน มูลค่าประมาณ 737 ล้านบาท ข้าวทั้งหมดต้องอยู่อยู่ในกลุ่มที่ชัดเจน และเป็นข้าวที่มีคุณภาพ มีมาตรฐาน เป็นข้าวในประเทศ มีเอกชนมายื่นซองรวม 11 ราย

ในเรื่องของการแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ตอนนี้ก็เห็นมีตั้งแถวกันแล้ว รอจะมาร้องเรียนถ้าราคาตกต่ำกว่า 50 ก็พยายามจะไม่ให้ต่ำกว่า 50 อยู่แล้ว ขณะนี้พยายามอย่างยิ่งนะครับ เราไม่อยากจะให้ท่านต้องเสียเวลามาแล้วไม่ได้อะไรกลับไปเพราะเรายังไม่มีสตางค์ให้ท่าน ของเก่าก็ยังอยู่ ของใหม่จะทำอย่างไร เราก็ต้องพยายามทำอย่างไรให้เกิดการแข่งขัน ทำอย่างไรจะใช้ประโยชน์จากยางให้มากยิ่งขึ้น อันนี้กำลังแบ่งการแก้ปัญหาเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการเตรียมระบายยางในสต็อกจากโครงการรักษาเสถียรภาพราคายางพาราซึ่งรัฐซื้อมาจากท่านไง สมัยที่ผ่านมา รับซื้อมาเป็นจำนวนมาก ราคาสูง ขายไม่ออก ขายไม่ได้เพราะราคามันบิเเบือน ไปขายใครได้ล่ะครับก็ซื้อมาราคาสูงๆ ข้างนอกราคาตลาดก็ไม่ได้เท่านั้น มันก็ต้องมาเก็บสะสมไว้ก็ขาดทุนขายไม่ได้ ขณะเดียวกันรุ่นใหม่ก้เรียกร้องจะเอาเท่าเก่าอีก แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไร ก็ยังนึกไม่ออกเหมือนกันนะ ต้องแก้กันทั้ง 2 อย่าง อย่างแรกคือต้องแก้ไขจะทำอย่างไรยางเหล่านี้ หรือยางใหม่จะใช้ในประเทศเป็นหลักได้นะครับ และเป็นการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ยางดิบให้ได้ โดยไปเชื่อมต่อกับบีโอไอ เชื่อมต่อกับโรงงานต่างๆที่มีการผลิตยางไปทำถนน ไปทำถุงมือ ไปทำอะไรก็แล้วแต่ที่มันใช้ปริมาณยางให้มากขึ้น เอายางในสต็อกมาใช้ในประเทศให้ได้

บริษัทต่างๆที่มาทำยางก็ต้องอุดหนุนยางของเรา อันนี้ก็ต้องแก้ระเบียบ แก้กฎต่างๆมากขึ้น อันนี้เป็นสิ่งที่เรากำหนดแนวทางในการพัฒนายางพารา ทั้งระบบ ทั้งมาตรการแก้ไขเร่งด่วน ได้แก่ แนวทางการจัดสต็อกยาง มาตรการบริหารจัดการในช่วงฤดูการผลิต ได้แก่แนวทางการยกระดับราคา เพิ่มสภาพคล่องด้านการตลาด เพิ่มมูลค่า และคุณภาพผลผลิต มาตรการที่จะต้องพัฒนายางพาราให้เกิดความยั่งยืนก็ได้แก่ การปรับโครงสร้างด้านการตลาด แนวทางการหาตลาดส่งออกใหม่ วันนี้หลายประเทศปลูกเอง หลายประเทศไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ฉะนั้นก็ทำให้ราคายาง หรือความต้องการยางไทยลดลง ต้องเข้าใจตรงนี้นะครับ เราก็ต้องช่วยตัวเองบ้าง

นอกจากการเพิ่มการใช้ยางในประเทศแล้ว แนวทางวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาง ควบคุมพื้นที่การปลูกยางให้ลดลง ต่อไปอาจจะกรีดยางไม่ได้ อาจจะต้องไปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์เป็นไม้ ผลิตภัณฑ์ยางพารา มันต้องช่วยกัน ถ้ามุ่งจะขายแต่ยางๆๆ อย่างเดียวอย่างดิบอย่างเดียวมันก็เป็นอยู่แบบนี้แหล่ะครับ อย่างไรก็ตก มันต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ลดพื้นที่การเพาะปลูก ไปปลูกพืชหมุนเวียน หรือปลูกพืชอื่นๆ

ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็ได้ทำการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับการจัดทำร่างยุทธศาสตร์สินค้าเกษตรเป็นรายพืชเศรษฐกิจ 4 สินค้าด้วยกัน เป็นโรดแมปนะครับ คือ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และอ้อย ได้เสนอคณะกรรมการร่วมกันจัดทำยุทธศาสตร์สินค้าเกษตรเป็นรายพืชตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 116 พ.ศ. 2557 ลงวันที่ 14 สิงหาคม 57 เพื่อให้การขับเคลื่อนสินค้าเกษตร อาหาร และพลังงานทดแทน จากสินค้าเกษตรของพืชเศรษฐกิจ 4 สินค้าดังกล่าวเกิดความสมดุล เข้มแข็งและมั่นคง มีขีดความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืน ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ คราวนี้ทราบว่าทางบริษัท china oversea investment services limited สนใจจะนำเข้ามันสำปะหลังจากไทยเรา 2-3 หมื่นตันต่อเดือน ภายในระยะเวลา 1 ปี คราวนี้ก็เลยให้ดำเนินการตรวจสอบทางข้อมูลกับบริษัทจะเป็นอย่างไร จะทำสัญญากันอย่างไร เป็นไปได้หรือไม่ ก็กำลังอยู่ในขั้นการติดต่อกันอยู่

ผลิตผลทางการเกษตรอื่นๆ เช่น การ... น่าห่วงนะครับ บอกแล้วว่าปลูกมากราคาก็ตก ปลูกมาก็ไม่รู้จะไปขายให้ใคร ปลูกมากรับซื้อมาจากประชาชน และเราก็ขายไม่ได้ นี่จะทำอย่างไรน่าเป็นห่วงนะครับ ทั้งพืชไร่ พืชสวน ผลไม้ เรามีการผลิตจำนวนมาก และวันนี้ราคาก็ตกแข่งขันกัน บางอันก็คุณภาพไม่ได้ ราคาก็ตกอีก เพราะฉะนั้นก็แก้ทั้งระบบ เพราะฉะนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็กระทรวงเกษตรฯ ต้องเข้าไปดูแล ในพื้นที่เพาะปลูกอย่างใกล้ชิดให้คำแนะนำ สนับสนุนการปรับเปลี่ยน การปลูกพืชให้เหมาะสม กติกา สัญญา ระเบียบข้อบังคับ ภาษีต้องแก้ทั้งระบบ เพราะฉะนั้นการทำงานเกี่ยวกับผลิตผลการค้าขาย มันต้องเกี่ยวพันกัน 3 กระทรวง ทั้งกระทรวง พูดง่ายๆ กระทรวงเกษตรฯ ดูแลเรื่องการผลิตใช่ไหมครับ กระทรวงพาณิชย์ค้าขาย กระทรวงการคลังก็เก็บภาษี เพราะฉะนั้น 3-4 กระทรวง ต้องเกี่ยวข้องกับในการวางแผนตั้งแต่ปลูก ตั้งแต่ผลิต แปรรูป ขาย กระทรวงการคลังก็ต้องไปดูกฎกติกาว่า ภาษีจะทำอย่างไร จะได้ผลประโยชน์ต่อทางรัฐเท่าไร บางอันก็ต้องสร้างแรงจูงใจ อันนี้ผมว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคุยกัน มากกว่าการที่จะมาดูว่า พอราคาตกแล้วต้องไปซับซิไดซ์ พอว่าแล้วเมื่อไรมันจะพอ เงินมันก็ไปทำอย่างอื่นไม่ได้อีก ทุกคนต้องการหมด ต้องการรถไฟฟ้า ต้องการรถทางคู่ หรืออะไรก็แล้วแต่ แหล่งน้ำแหล่งอะไรต่างๆ เงินทั้งหมดต้องมาซับซิไดซ์ของเหล่านี้ เป็นตลอดระยะเวลาที่ยาวนานที่ผ่านมา ไอ้อย่างนั้นที่เราต้องการอย่างอื่นมันก็ไม่เกิด ความทันสมัยมันก็ไม่ได้ ต้องลดค่าใช้จ่ายอันนี้ลง เพื่อจะไปเพิ่มทางนี้ มันจะได้ทันเวลาที่เราจะก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน และเออีซีด้วย

การตรวจสอบดีมานด์ ซัพพลาย การจัดทำฐานข้อมูล ต้องทันสมัย ทั้งความต้องการการผลิตมันต้องสมดุลกัน เพียงพอสมดุล มีตลาด มีคุณภาพ ไม่ใช่เน้นปริมาณแต่ราคาต่ำมาก อันนี้ก็ไม่ได้ ต้องจัดสรรให้เหมาะสมกันทั้งระบบโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลประโยชน์ที่เราให้ได้ตอนนี้ ถ้าให้ตอนนี้มันก็เกิดโทษในวันหน้า มันก็เกิดการต้องใช้เงินกู้ ต้องชำระหนี้ ที่วันนั้นผมไปแถลงเมื่อวาน บางคนบอกทำไมต้องมาใช้หนี้อีก ก็ขายให้เขา ก็ยืมเงินตรงก้อนนั้นเข้ามาๆ ทำตรงนี้ มาซับซิไดซ์ไป มันถึงเวลาจะเริ่มต้นใหม่ก็ต้องเอาอันนี้คืนเขา และกู้มาใหม่อีก มันก็เป็นอย่างนี้ แล้วเราจะไปทำอย่างอื่นได้อย่างไร อันนี้ต้องแก้ให้ได้โดยเร็วนะครับ โดยสถานการณ์ ประชาชนก็ต้องเข้าใจ ซึ่งต่อไปนี้ผมได้กำชับไว้แล้ว 3-4 กระทรวงหลัก ต้องรับผิดชอบให้ได้ จะมาทำคนละชิ้น คนละส่วนอย่างนี้ไม่ได้ ปลูกเท่าไรก็ปลูกไป พอจะขายพาณิชย์ก็รับไป และกระทรวงการคลังก็แล้วแต่ จะขายใครก็ได้ ไม่ได้ ต้องมาทำด้วยกัน เพราะว่าเราจัดทำงบประมาณเป็นลักษณะการบูรณาการ ท่านต้องทำงานให้ต่อเนื่องกัน เพราะฉะนั้นการกำกับดูแลของรัฐบาล ของ ครม.จะต้องตามติดเรื่องพวกนี้นะครับ

พื้นที่เพาะปลูกใดๆ ที่ไม่ถูกต้อง ก็ไม่ต้องซื้อ กระทรวงพาณิชย์ก็อย่าไปซื้อมา ทุกคนต้องมีขึ้นทะเบียนให้เรียบร้อย ที่ไม่บุกรุกที่ป่า อะไรทำนองนี้ ไม่ใช่ใครมาขายอะไรก็ซื้อๆๆ หมด เราต้องควบคุม ถ้าไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นที่ของตัวเอง มีโฉนด มีใบอนุญาตอะไร ก็ซื้อไม่ได้ อีกหน่อยคนเหล่านี้ก็ไม่กล้าที่จะไปบุกป่ามาปลูกพืชเหล่านี้ เพราะไม่รู้จะไปขายใคร ขายไม่ได้ ผิดกฎหมาย ตำรวจจับ อะไรทำนองนี้ ก็ต้องเข้มงวด ให้มันสอดคล้องกัน การบังคับใช้กฎหมยา คนจนจะทำยังไง พ่อค้าคนกลางจะทำยังไง ข้าราชการจะช่วยกันยังไง ทั้งหมดมันเป็นระบบทั้งสิ้นนะ เพราะฉะนั้นที่มาเหล่านี้ต้องถูกต้อง หลายกระทรวงต้องประชุมหารือกันให้เป็นระบบ โดยเร็วด้วย

เรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การพลังงาน คสช.ก็เห็นชอบให้เดินหน้าโครงการลงทุนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้านครหลวง ทั้งนี้ก็เพื่อรองรับความต้องการการใช้งานที่มากขึ้น จากทั้งภาคประชาชน ภาคครัวเรือน ภาคอุตสาหกรรม ที่เรามีการขยับขยายตัวมากขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้ เราต้องการให้เกิดความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า ต่อไปในอนาคต ต้องวางแผน 5 ปีๆๆ เรามีความต้องการไฟฟ้าเท่าไร ในภาคอุตสาหกรรม ในภาคครัวเรือน มันจะได้วางแผนได้ว่าเราจะสร้างโรงไฟฟ้าอย่างไร สร้างที่ไหน สร้างแบบไหน อันนี้ต้องเป็นยุทธศาสตร์ มีมาตรการระยะสั้น ระยะยาว ทำอย่างนี้ ไม่ใช่สั่งได้เลยทุกเรื่อง มันไม่ได้หรอกครับ สั่งวันนี้มันก็ได้วันนี้ วันหน้ามันก็ไม่ได้อีก เพราะฉะนั้นจะต้องจัดทำยุทธศาสตร์ให้มันชัดเจนขึ้น ระยะยาวให้ได้

โดยขณะนี้ได้อนุมัติโครงการสำคัญเร่งด่วนก่อน เพราะใช้เวลา ต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนผ่านในการที่จะต้องไปทดแทนของเก่า เช่น โครงการโรงไฟฟ้าเพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 4-7 ที่จะหมดอายุการใช้งานลงในปี 2560 อันนี้ใกล้จะหมดแล้ว จะมองว่าอีก 3 ปี ไม่ได้ เพราะการที่จะขยายต่างๆ หรือปรับปรุงเครื่องจัก เครื่องไม้เครื่องมือ มันต้องใช้เวลาเป็นปีๆ วันนี้ก็อนุมัติไปก่อน เป็นการเร่งด่วน แต่ไปทำให้มันถูกต้อง ให้มันโปร่งใส เป็นธรรม ในการจัดซื้อจัดหา ก็ว่าไป

โครงการขยายระบบส่งไฟฟ้าระยะที่ 12 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าภาคตะวันตกและภาคใต้ เราก็มีการส่งไฟฟ้าจากภาคกลาง เพราะเราส่งไปภาคใต้อยู่แล้ว แต่มันจำเป็นต้องปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้า เสาไฟฟ้า สายไฟฟ้า 2 เฟส 3 เฟส ต้องทำให้รวดเร็วขึ้น ทั้งนี้ เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า ป้องกันปัญหาไฟฟ้าดับ ไฟฟ้าไม่เพียงพอในภาคใต้

ในเรื่องการจัดสร้างโรงไฟฟ้านั้น เราก็ไปส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ ในการขออนุมัติลงทุนเรื่องโรงไฟฟ้าจากขยะ โรงไฟฟ้าจากพลังงานอื่นที่ไม่ใช่น้ำมันหรือแก๊ส ตอนนี้ก็อนุมัติไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว 3-4 โรง เพื่อให้มีการใช้พลังงานจากขยะ หรืออื่นๆ ที่เป็นพลังงานทดแทน อันนี้เราก็ให้นโยบายไปว่า สิ่งใดก็ตามที่จะทำให้เกิดความทันสมัย เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่มีมลพิษ เหล่านี้ได้รับการพิจารณาในบีโอไอเข้ามาก่อน หรือการสนับสนุนใดๆ ก็ตาม จากภาครัฐ เราจะมุ่งเน้นอย่างนี้ เพราะที่ผ่านมาเราไม่ได้กำหนดชัดเจนว่าจะเอาอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไร มันก็เลยเกิดปัญหาทับซ้อนกันมาอยู่ตลอด

วันนี้เรื่องโรงไฟฟ้ามันก็ต้องเดินไปตามแผนพัฒนาพลังงานไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2553-2573 ฉบับนี้เป็นฉบับที่ปรับปรุงครั้งที่ 3 แล้ว ที่จะให้ประเทศไทยได้มีปริมาณกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในอนาคต วันนี้ต้องดูว่า เอ๊ะ เราจะผลิตไฟฟ้าเองได้เท่าไร เราจะรับซื้อจากภายนอกเท่าไร ใช้พลังงานทดแทนเท่าไร พลังงานหมุนเวียนทางเลือกอีกเท่าไร มันต้องเป็นตัวเลขออกมาให้ได้ แล้วก็เดินไปตามนั้น ปีนี้จะทำอะไร 5 ปีจะเกิดอะไร อีก 5 ปีจะเกิดอะไร ต้องวางอย่างนั้น จริงๆ แล้วทุกเรื่องมันต้องวางแผนการอย่างนี้ มันจะได้ไม่เกิดปัญหาความไม่ยั่งยืน ปัญหาว่าไม่เป็นธรรม มันก็มุ่งไปสู่การทุจริตอีกต่อไป ผมถึงบอกว่า การตั้งโรงไฟฟ้าต่อไปต้องกระจายไปทุกภาค ไม่ใช่มารวมกันอยู่ในนิคมฯ รวมกันอยู่ในภาคกลางอย่างเดียว แล้วก็ลากสายไฟฟ้าส่งไป จากข้างบนไปข้างล่าง ไม่ได้ อนาคต 5 ปี 10 ปี มันต้องมีโรงไฟฟ้า ขนาดเล็ก ขนาดย่อม ที่จะใช้เพียงพอในแต่ละภาค โดยที่อย่างน้อยก็แก้ปัญหาเรื่องไฟฟ้าดับได้เป็นการชั่วคราว บางอย่างซื้อต่างประเทศมา ก็ซื้อไป แต่ถ้าเขาไม่ส่งเมื่อไร เขาตัดท่อแก๊สเมื่อไร เราต้องอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องอยู่ในความมืด ทำยังไง ไปคิดมา

เรื่องขยะ ผมบอกแล้วว่าเป็นความจำเป็นเร่งด่วน ได้อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการในเรื่องของการกำจัดขยะนำร่องในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โครงการดังกล่าวนั้นจะนำขยะไปผลิตไฟฟ้า ใช้เทคโนโลยีแปลงขยะมูลฝอยเป็นเชื้อเพลิง ด้วยการเผาในเตา เตาก็ต้องมีปริมาณความร้อนสูง ถ้าสูงไม่พอมันก็เผาไม่หมด แล้วก็มีมลพิษออกมาข้างนอกอีก เพราะฉะนั้นจากข้อมูลของสำนักงานสิ่งแวดล้อมระบุว่า จ.พระนครศรีอยุธยา มีปริมาณการผลิตขยะถึง 1,200 ตันต่อวัน แต่วันนี้สามารถกำจัดขยะได้เพียงประมาณ 700 ตันต่อวัน ดูสิครับมันต่างกันอยู่แล้ว วันละ 1,200 กำจัดได้ 700 ต่อวัน มันก็เกินมา 500 ตันต่อวันแล้ว ตอนนี้มีขยะเก่า ขยะใหม่ รวมกันทั้งหมด 3 แสนตัน ที่อยุธยา ขณะนี้ ถ้าเราตั้งโรงขยะนี้ได้ ก็จะมีโรงงานผลิตไฟฟ้าจากขยะ แล้วสามารถจะรองรับขยะสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพิ่มเติมวันละ 300 ตันต่อวัน ก็ดีกว่าเดิม แล้วที่เหลือ ที่เกินอยู่ก็จะไปย้าย หาที่ฝังกลบ ซึ่งสามารถจะรองรับขยะได้ทั้งสิ้น 760,000 ตัน ในเบื้องต้น แต่ทั้งนี้ก็ได้กำชับไว้แล้วว่า ไปทำที่ไหนก็ตาม จะต้องไม่ทำให้เสียบรรยากาศ เสียภูมิทัศน์ หรือทำให้เกิดมลพิษ ประชาชนในพื้นที่ได้ประโยชน์ สร้างงาน สร้างรายได้จากการแยกขยะ คัดขยะ หรือกิจกรรมใดๆ ก็ได้ที่เกี่ยวกับโรงงานต่างๆ ทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่ ต้องขอข้อมูลจากภาคเอกชนในพื้นที่ ภาคประชาชนในพื้นที่ ช่วยสนับสนุนด้วยนะครับ ถ้าท่านต่อต้าน ท่านไม่ให้ใช้พื้นที่ ไม่อะไร แล้วจะเอาไปทิ้งไหน แล้วขยะที่มีอยู่ 3 แสนตัน ท่านจะเอาไปทิ้งไหน มันก็กองภูเขาเลากาขึ้นไปเรื่อยๆ สักวันก็กองไม่ได้ ทีนี้ก็จะไปทางกว้างแล้ว ไปเรื่อย ที่เท่าไรก็ไม่พอ กี่ร้อยไร่ก็ไม่พอ แต่ถ้าเรามีโรงงานกำจัดขยะ แยกขยะให้ชัดเจน แล้วไปผลิตไฟฟ้าออกมา มันก็จะหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ธุรกิจเกี่ยวกับขยะ ต่างประเทศเขาร่ำรวยนะครับ ประชาชนเขามีความสุข อย่าไปรังเกียจว่าเป็นสิ่งน่าเกลียด จริงๆ แล้วมีคุณค่าทีเดียว วันนี้ก็มีคนไทยมีคนอีกจำนวนมากที่ทำมาหากินเลี้ยงชีพ เลี้ยงชีวิต เลี้ยงครอบครัวจากขยะ ทุกท่านทราบดี

โรงงานที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ประเด็นสำคัญก็คือต้องรับผิดชอบต่อชุมชน ประชาชนโดยรอบ ให้มากขึ้น รอบโรงงาน เข้มงวดเรื่องระบบมาตรการกำจัดของเสีย ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องปิดไป หรือตอนจัดตั้งมาก็ต้องแสดงให้เห็นถึงมาตรการควบคุมมลพิษ มาตรการกำจัดน้ำเสีย หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มันเกิดขึ้นมาในบรรยากาศ ต้องแก้ไข ต้องเตรียมการตั้งแต่ต้น ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่อนุญาต ก็ขอให้กรมควบคุมมลพิษ และในส่วนที่ตรวจสอบต่างๆ เหล่านี้ ของกระทรวงอุตสาหกรรม ไปตรวจสอบให้ดีขึ้นด้วย โรงงานเก่าก็เช่นกัน ท่านก็ต้องไปตรวจ ไม่ใช่ตรวจแต่ใหม่ ตรวจเก่าด้วย เก่าไม่มีประสิทธิภาพก็ปิดไป ต้องพัฒนา สร้างใหม่ หรือปรับปรุงเทคโนโลยี ไม่มีตังค์ก็หาเงินกู้ เงินมาหมุนเวียน ท่านไม่พัฒนาเลย ท่านก็ปล่อยมันโทรมไปเรื่อยๆ แต่ท่านก็มีรายได้จากการผลิตไปเรื่อยๆ แต่สังคมมันเดือดร้อน ต้องเข้าใจ

ในเรื่องอื่นๆ ที่สำคัญ ก็คือในเรื่องของการเดินเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตยในอนาคตของประเทศไทย ก็คือการปฏิรูปและการปรองดอง ทุกคนก็เป็นห่วงถึงความต่อเนื่องในการทำงาน ในการปฏิรูปของ คสช. และรัฐบาลในวันนี้ ถ้าวันนี้ท่านสังเกต บางคนอาจจะลืมไปแล้ว บางคนอาจจะไม่ได้สังเกต บางคนก็ยังสับสนอยู่ ท่านเอาง่ายๆ ท่านอย่าไปมองอะไรที่มันจะต้องแก้ยากๆ ท่านเอาว่า ตั้งแต่วันที่ 22 เป็นต้นมา สิ่งแรกที่ท่านสังเกต ผมได้ออกมาพูด ทำความเข้าใจกับท่านมาโดยเปิดเผยทุกเรื่อง แล้วกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ก็ออกมาชี้แจงเป็นระยะๆ ท่านก็ต้องฟังนะครับ พูดแล้วไม่ฟัง พูดแล้วก็ลืม พูดแล้วไม่สนใจ มันก็มีปัญหาตลอด ไม่อย่างนั้นผมจะมาพูดทำไมล่ะ พูดแล้วก็เหนื่อยเปล่า ไม่ใช่ ผมไม่ได้มาฉายหนังให้ท่านดู มาเชียร์กันแล้วก็จบๆ ไป ผมมีความสุข ไม่ใช่

เพราะฉะนั้นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป คือ แต่ก่อนนั้นท่านเคยได้ยินไหมว่า มีพูดเป็นเรื่องๆ พูดเยอะๆ อย่างผมพูดเนี่ย อธิบายให้ท่าน มีมั้ย ไม่มี ภาพการทำงานทุกคณะที่ออกมาอย่างเปิดเผย มีมั้ย ไม่มี การวางแผนงาน การจัดทำงบประมาณร่วม บูรณาการส่วนราชการต่างๆ มีมั้ย ไม่มี วันนี้มีแล้วไงครับ ผมถึงพูดได้เสียงดัง พูดได้เต็มปาก แต่ต้องไปดูว่าผลที่จะเกิดมา จะเกิดได้มั้ยจากที่เราวางแผนไว้ จัดทำงบประมาณไป มันจะเกิดได้มั้ย เมื่อแผนการดำเนินการมันเกิด ก็ต้องไปดูขั้นตอนการปฏิบัติ การกำกับดูแลอีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่ตั้งไว้แล้ว มันต้องเป็นอย่างนี้ เป็นอย่างนั้น แล้วไม่เป็นขึ้นมา ไอ้คนกลางรับผิดชอบอีก แหม ไม่เป็นธรรมเหมือนกันนะ

ผมว่า ไปทบทวนใหม่ว่ากระบวนการมันมีอะไรบ้าง บางอย่างมันแก้ไขได้ ก็สั่งได้ บางอย่างมันแก้ไขไม่ได้ ก็ต้องสั่งให้ไปทบทวน ทำแผนงานโครงการขึ้นมา นำเข้า สนช. สภาปฏิรูปฯ เข้า ครม. ก็ว่าไป เขาบริหารราชการกันมาแบบนั้น ไม่ได้คิดอะไร อยากจะทำอะไร ก็สั่งโครมๆๆ ไป แล้วมันก็ไม่ได้เหมือนเดิม

เพราะฉะนั้น วันนี้คือความเปลี่ยนแปลงจากอดีตที่ผ่านมา บ้านเมืองก็สงบเรียบร้อบ ชาวต่างชาติ ผู้ประกอบการค้าต่างๆ ที่เขาบอกว่ามันเคยไปไหนมาไหนไม่ได้ มีแต่การประท้วง มีการใช้อาวุธต่อกัน บ้านเมืองสกปรก แล้วไปไหนก็มีแต่ความขัดแย้ง วันนี้เขาชื่นชมทุกคนที่อยู่ในประเทศไทย คนต่างชาตินะ เขาบอก วันนี้แหมดีกว่าเดิมเยอะ บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ทุกคนเชื่อฟัง เคารพกฎหมาย ชาวต่างชาติที่มาเที่ยวที่ภูเก็ต เที่ยว ปรับปรุงไปแล้ว เขาก็ชื่นชมนะ เขาบอก ไม่คิดเลยว่า ภูเก็ตจะสวยงามขนาดนี้ เมื่อมีชายหาดขาวๆ ทรายสวยๆ และไม่มีร้านค้าไปเกะกะ เขาก็อยากมามากขึ้น เขาก็กลับไปบอกคนที่บ้านเขาให้มามากขึ้น เพราะมันสวย บ้านเรามีของสวย แต่มันถูกปิดบังด้วยบรรยากาศที่มันไม่สวยนะ เพราะว่า เรามีคนที่มีรายได้น้อยไง ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะรังเกียจคนรายได้น้อย แต่ต้องหาทางว่าจะให้เขาขายที่ไหน ให้เขาทำไรกิน เอาแต่ไล่อย่างเดียว แต่ไม่มีที่มันก็ลำบากนะ ไปแก้ให้ครบระบบนะครับ เห็นหลายบางพื้นที่บอกเขาไปจัดที่ขายให้ เมื่อคนมาเที่ยวจะมีรถมารับต่อไปซื้อของ ใครจะเล่นน้ำชายหาดก็เล่นไป ถึงเวลาเมื่อมีรถรับไปซื้อของที่ศูนย์ขายของ ขายสินค้า ผมว่าก็ดีนะ ไม่ใช่ไล่ไปหมด ไปเหอะ กลับบ้านไป แล้วแต่ มันก็คือปัญหากับคนยากจน คนรายได้น้อยตลอดไป มันก็มีการกระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่ เรื่องกฎหมายก็มีปัญหา มีการประท้วง ผมว่าต้องแก้ใหม่แล้ว ไปหาวิธีการทำ

วันนี้ การสัญจรไปมา รถติดธรรมดา ทั่วประเทศติดหมดแหละ ถ้าในเมืองใหญ่มีประเทศไหนรถไม่ติด มาบอกผมดิ ผมไปหลายประเทศก็เห็นรถติดเหมือนกัน ถ้าชั่วโมงเร่งด่วนนะ เช้าเย็น กลางวัน ก็ไม่เห็นจะติด สัญจรไปมาธรรมดา แต่มันติดขัดด้วยการประท้วง ด้วยการปิดถนน ด้วยการจำกัด การใช้รถใช้ถนนที่ผ่านมา มันเลยทำให้ติดมากกว่าเดิม วันนี้ อย่าบ่นเลย รถติดนะ รถมันเยอะไง คนมีสตางค์มากขึ้น ซื้อรถมากขึ้น เพราะฉะนั้น ถ้าซื้อแล้วเงินสดก็ไม่เป็นไร ถ้าซื้อแล้วผ่อนไม่ได้ ก็เอามาคืนไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งไปซื้อ เพราะฉะนั้น รัฐต้องมาดูเรื่องของการให้บริการมากขึ้น การบริการสาธารณูปโภค ขสมก. ว่าไง จะหารถใหม่ได้แค่ไหน เส้นทางปรับปรุงอย่างไร รถไฟฟ้าความต่อเนื่อง จะทำยังไง ที่จอดรถจะทำยังไง เหล่านี้ไม่ได้แก้ปัญหาอย่างยั่งยืน อย่างเป็นระบบมา เกิดเป็นปัญหาอย่างนี้ เราจะมีรถไฟฟ้ากี่สายไม่รู้ เราจะมี ขสมก. มีรถที่ทันสมัยกี่คันไม่ทราบ เราจะมีอะไรที่ดี ถนนกี่เส้นไม่ทราบ แต่ถ้าทั้งหมดยังไม่เกื้อกูลกันและกัน คนก็ใช้รถอยู่แบบนี้ ไอ้คนใช้รถไฟฟ้า ก็ใช้รถไฟฟ้า คนใช้รถ ก็ใช้รถ แต่ถ้าการให้บริการของรัฐมันดีขึ้นคนก็ใช้รถน้อยลง การขับรถบนถนนก็น้อยลง ติดน้อยลง แต่ต้องทำยังไง บ้านบางคนไม่อยู่ใกล้รถไฟฟ้า เขาต้องขับรถมาจอด ต้องมีที่จอดรถให้เขา เขาขึ้นรถไฟฟ้าต่อรถไม่ติดดี เขาก็นั่งรถมา เย็นเขาก็นั่งรถกลับ ขึ้นรถกลับบ้าน ขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ประจำทาง และลงมา ขับรถจากที่จอดรถกลับบ้าน ประหยัดน้ำมันด้วย วันนี้ มันยังไม่ครบไง ไม่ต่อกันทั้งหมด สร้างรถไฟฟ้าไม่มีที่จอดรถ ไม่มีที่จะไปต่อจากตรงนี้ ไปตรงนู้น บางคนขึ้นรถหลายทอด อันนี้ ผมก็เคยนะเด็กๆ เคยขึ้นรถเมล์ ก็รู้อยู่ว่าความยากลำบาก ขึ้น 3 ต่อ 4 ต่อ ก็เปลืองเงินอีก และรถไฟฟ้า การขนส่งทางราง มันประหยัดที่สุด เพราะฉะนั้น รัฐต้องทำยังไงให้การขนส่งทางราง ให้การบริการได้อย่างแท้จริง วันนี้ เราต้องเรียนรู้การอยู่ร่วมกัน เข้าอกเข้าใจกัน เห็นใจกันมากขึ้น ผมพูดหลายครั้งแล้ว บางคนยังพูดอยู่ ยุยงปลุกปั่นอยู่ และวันนี้ ประชาชนเราฉลาดขึ้นมากแล้ว ไม่ยอมให้ใครชี้นำ ก็ยังมีอยู่บ้างที่พยายาม พยายามจะใช้เขาอีกต่อไป ใช้ประชาชนอีกต่อไป วันนี้ ที่เราทำวันนี้ ถึง 3 เดือน ในอนาคตแล้ว มีอนาคตแล้ว ถ้าท่านไม่ทำมันจะมีอนาคตไหม และท่านจะเริ่มปฏิรูปเมื่อไหร่ ที่ผ่านมา ทุกคนหลายฝ่ายอยากปฏิรูป เห็นด้วย ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมา อีกฝ่ายบอกปฏิรูปก่อน อีกฝ่ายบอกปฏิรูปหลังเลือกตั้ง ก็ไม่ยอมกันอีก

วันนี้ ทำให้เกิดการปฏิรูปแล้ว ท่านยังบอกว่า จะปฏิรูปได้ยังไง จะสำเร็จไหม มันจะทำได้หรือ 1 ปี มันก็ดีกว่าที่ไม่ได้ทำ จริงไหม เพราะฉะนั้น ทำเถอะครับ ทำมันจะเสร็จแค่ไหนก็ว่ามา แบ่งขั้นตอนให้มันถูกต้อง ระยะสั้น ระยะยาว ระยะต่อไป ถ้าท่านไม่มาสภาปฏิรูป และท่านเรียกร้อง ถึงเวลาท่านบอกไม่รู้ ไม่ได้เข้า ไม่ร่วมได้ไหม ความขัดแย้งจะเกิดขึ้นอีกไหม ก็เกิดอยู่ดี ถ้าทุกคนรักและสามัคคี ไม่บ่อนทำลายซึ่งกันและกัน ไม่คอยจับผิดจับถูก ทุกอย่างมันต้องเดินไปในวิถีทางปกติ ไม่ต้องห่วงเลยว่าใครจะใช้วิธีพิเศษอื่นๆ อีก ถ้ามันดีอยู่แล้ว ใครอยากจะทำ อยากจะใช้นะ ผมไม่เคยบอก ทำถูกทั้งหมด หรือผิดทั้งหมด เพราะผมมีเจตนาอันบริสุทธิ์ของผมนะครับ ในการที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดกับประเทศชาติบ้านเมือง ผมยังยอมรับในการกระทำของผมเองเลย และทำไมบางคนไม่รับในความผิดพลาดในความบกพร่อง และต้องแก้ไขปรับปรุงตัวเองครับ อย่างอะไร ว่ากล่าวทุกวัน วิพากษ์วิจารณ์ทุกวัน บางเรื่องผมพูดไปแล้ว บางเรื่องสั่งแล้ว แก้ไขแล้ว ยังวิจารณ์เหมือนเดิม เรื่องเดิมไม่เคยฟังผมเลย นี่ ไม่น่าจะดีนะ วันนี้ ต่างชาติเขาเข้าใจมากขึ้น รวมทั้งอาเซียน ตะวันตก ตะวันออก อะไรก็ว่าไป เขาเข้าใจเรามากขึ้น การค้าขายเป็นปกติมากขึ้น เขาบอกว่าบ้านเรามีเสถียรภาพมากขึ้น ทั้งการเมือง ความมั่นคง ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน แต่เขาก็ไม่สามารถจะพูดได้เต็มที่ว่าเห็นด้วยกับ คสช. แต่หลักการ เขามีของเขาอยู่แล้ว แต่หลายคนที่อยู่ในประเทศไทยเขาเข้าใจดี เขาค้าขายกับเรา เขาบอกเขาเกิดความมั่นใจมากขึ้น อดีตผู้นำประเทศของไทยท่านหนึ่ง ที่เป็นนักประชาธิปไตย นักสิทธิมนุษยชน ผมขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อท่านนะครับ เคยพูดไว้ว่า ไม่ใครสนับสนุนการรัฐประหารอยู่แล้วย แต่เห็นด้วยในการเสริมสร้างประชาธิปไตยใหม่ของไทยให้ยั่งยืนนั้น ไม่อยากให้ทุกคนพูดว่ารัฐประหารดีไม่ดีอย่างไร เพราะมันเกิดมาแล้ว ทำมาแล้ว มันต้องคอยช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน สนับสนุนให้เกิดสิ่งดีๆ ในรัฐบาลที่เราต้องปฏิรูป ดีกว่าที่จะต้องต่อต้านแต่แรก ไม่งั้นมันเสียเวลาเปล่า เสียทุกอย่างเลย

สำหรับหัวข้อในการปฏิรูปทั้ง 11 ด้าน ในหัวข้อมีเรื่องปลีกย่อย เช่น การเมือง ผมบอกว่ามีข้อย่อยอีก 4-5 ข้อย่อยข้างใน หลายอย่างด้วยกันในนั้น การศึกษา พลังงาน มันก็ต้องมีหลายอย่าง ทั้งกฎหมาย ทั้งการผลิต การจำหน่าย ราคา เยอะแยะมากมาย ต้องไปปฏิรูป ไปคุยกันพูดกันมา ถ้ามีเรื่องอื่นๆอีกที่ท่านบอกว่า ยังไม่มีหัวข้อนี้ แล้วท่านบอกว่า ไม่สำเร็จ มันไม่ใช่ ผมบอกแล้วไง มีเรื่องอื่นๆอีก ก็ไปคุยกันสิครับ นึกอะไรไม่ออก ใส่อื่นๆ ไป ถ้าเขาเสนอเพิ่มเติมเข้ามาในอื่นๆ ก็แยกเป็นเรื่องนี้เรื่องนั้นเข้ามาอีก ที่มันไม่เข้ากับ 10 หัวข้อ นี่พูดมาหลายครั้งแล้ว อย่ามาโจมตีกันเรื่องนีอีก 11 เรื่องมันจะครบได้อย่างไร ก็ข้อที่ 11 อื่นๆนี่อีกร้อยเรื่องก็ได้ ถ้าท่านคิดจะเอามาร้อยเรื่องล่ะก็ ก็เถียงกันนานหน่อยแล้วกัน ฉะนั้นอย่าไปกังวล

อีกอักก็กังวลว่าจะครบ หรือไม่ครบ ทำอย่างไรจะทันหรือไม่ทัน มันอยู่ที่ใครล่ะ มันก็อยู่ที่สภาปฏิรูป อยู่ที่คนเข้ามาร่วมสภาปฏิรูป ก็ไปตำหนิติติงกันว่า ผู้เข้ามาเป็น สนช.ถูกเลือกไว้แล้ว ผมจะไปเลือกใคร เราคัดสรรมาทั้งหมด คาดว่าเป็นพันนะ สองพัน สามพัน ที่ประมาณการขณะนี้ วันนี้ก็ขึ้นมา 5-600 คนแล้ว วันก่อนผมเป็น 486 คน วันนี้ก็น่าจะเกือบๆ 6-700 คนแล้วมั้ง อันนี้คือมาสมัครส่วนกลางนะครับ ทั้งหมดนี่ก็คือจะคัดเลือกให้เหลือ 550 จากนั้นก็จะคัดเลือกให้เหลือ 173 + 77 ส่วน 77 นี่มาจากจังหวัด

การคัดสรรจังหวัดก็เอาอีก บอกว่าเลือกคนไว้แล้ว เขาก็ตั้งคณะกรรมการคัดสรรไว้ไม่ใช่เหรอครับ ถ้าเขาทำไม่ดี เขาคงไม่เสี่ยงหรอกนะ ผู้ว่าฯ อัยการ เขาเกี่ยวข้องในการบริหารคัดสรร เขาคงไม่กล้าเสี่ยง จะเอาคนโน้นคนนี้มา เดี๋ยวเขาโดนฟ้อง แล้วคุ้มค่ากับเขาไหม ผมว่าไปดูใหม่ อย่าพูดกันเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย การเรียกคนเข้ามา ในเมื่อเราตั้งกลุ่ม 11 กลุ่ม ไอ้คนที่เข้ามามันมีหลากหลายมีหลายประเภท หลายความรู้ หลายคุณสมบัติ ก็ให้เขาสมัครมา เท่าที่จำตัวเลขได้ก็ประมาณ 50-60 คน คณะที่ 2 30 คณะที่ 3 20 คณะที่ 4 10 อะไรอย่างนี้ เขาก็สมัครตามคุณวุฒิของเขา ตามภาระของเขา เขาจึงมารวมหัวข้อ ไม่ใช่เอาใครมา แล้วมาคัดทั้งหมด มันจะทำได้อย่างไรเล่า ถ้าคนไม่มีความรู้ใน 11 เรื่อง ใครก็ได้ ตัวแทนคนโน้นคนนี้มา มันก็ไม่เข้าใจอีก เพราะฉะนั้นเขาก็สมัครของเขามาเอง โดยนิติบุคคลเป็นคนส่ง สมาคม มูลนิธิอะไรที่เป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ก็ส่งมา แล้วมาคัดเลือก นี่คือส่วนกลางนะ ในส่วนของทางโน้นก็เช่นกัน เขาก็ต้องไปสมัครที่จังหวัด จังหวัดเขาก็ไปใช้วิธีการในการคัดสรรเขาออกมา แต่เขาจะมาระบุมาว่าสมัครด้านอะไร เพราะฉะนั้น 1 คน 1 คนจังหวัดจะเหนื่อยหน่อย เพราะว่าคณะกรรมการต้องรู้เกือบทุกเรื่อง เพราะว่า อย่างน้อยก็ถนัดเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ ที่เหลือก็ต้องพอรู้มา ไปรวบรวมมา อ่านมา ว่ากลุ่มอื่นเขาต้องการอะไร เป็นการเก็บข้อมูล ซึ่งมันมีอยู่แล้ว ข้อมูลที่ศูนย์ดำรงธรรม ข้อมูลที่สำนักงานปฏิรูปฯ ของ คสช.ที่ตั้งไว้แล้วเดิม หรือ กอ.รมน. ผมว่ามันมีหมดนะ ท่านไปศึกษาเอาเอง ไม่ใช่มาตัวเปล่า ไม่มีข้อมูล ไม่มีพื้นฐาน ไม่มีความรู้อะไรเลย แต่ท่านอยากเป็น สปช. ถ้าอย่างนี้ไปไม่ได้ ถ้าท่านเก่ง ถ้าท่านดี เขาคัดเลือกท่านอยู่แล้ว จาก 5 คน ก็จะมาเลือกเหลือ 1 คน เป็น 76 คนไงครับ ในส่วนกลางเมื่อกี้บอกไปแล้วจากทั้งหมด 1,000 ก็มาเหลือ 550 คัดเหลือ 173 ในส่วนนี้ก็เช่นเดียวกันก็ต้องสมัครให้ตรงแต่ละเรื่อง 11 เรื่อง อันไหนมากไปก็ต้อง.. ถ้าไปสมัครไอ้กลุ่มที่ 1 มาก ถ้ากลุ่มอื่นมันน้อยก็ต้องปัดไอ้ที่เกินมาใส่ตรงนี้ แต่วิธีการทำงานไม่ใช่ว่า ทุกคนมาแล้วพูดเรื่องเดียวกัน คนละเรื่องสองเรื่องแล้วจะไปไม่ได้ เขาเมื่อมารวมได้ 250 เขาจะกำหนดเรื่องเข้ามา ไอ้แต่ละคณะก็จะไปศึกษาเอกของตัวเองใช่ไหมครับ และก็มาเสนอในสภาฯ เหมือนจ้างคณะกรรมาธิการของ สนช. หรือ ส.ส.ก็แล้วแต่การออกกฎหมาย เขาก็ไปศึกษาในแต่ละเรื่องของเขา ในกลุ่ม 11 กลุ่ม และเราก็มาเสนอในที่ประชุมใหญ่ ประธานสภาปฏิรูปที่รับการเลือกตั้งมาเอง ก็จะเป็นผู้นำดำเนินการประชุมเพื่อปฏิรูป เมื่อได้ข้อสรุปมาแล้ว ถึงจะไปให้ สนช.เขาออกกฎหมาย หรือไปดำเนินการโดยรัฐบาลอะไรก็แล้วแต่ ไม่ใช่ว่าพูดเรื่องนี้แล้วก็เอามาพูดกันเลยทีเดียว มันพูดไม่จบหรอกแบบนั้น

เพราะฉะนั้น 11 เรื่อง 11 กลุ่ม แต่ละกลุ่มไปหาข้อมูลจากของตัวเองมา จากความรู้ของตัวเองที่มีอยู่ คุณสมบัติตัวเองที่มีอยู่ และก็ไปเก็บรายละเอียดเพิ่มเติมจากในพื้นที่มา ส่งมาให้ได้ตลอด การส่งข้อมูลมาเพิ่มเติมในสภาปฏิรูป ส่งตรงสภาปฏิรูปก็ได้ ส่งผ่าน คสช.ก็ได้ ส่งผ่านดำรงธรรมก็ได้ ส่งผ่านปฏิรูปก็ได้ สำนักงานปฏิรูปของ คสช.ที่จังหวัด หรือจะส่งผ่าน กอ.รมน.ก็ได้ เพราะฉะนั้นจะไปกังวลอะไรครับ วันนี้ที่ผมได้รายชื่อที่สมัครๆ เข้ามาแล้วยังไม่ได้คัด เท่าที่อ่านดูผมไม่รู้จักใครซักคน ไม่รู้จักจริงๆ เป็นนักวิชาการบ้าง พ่อค้าบ้าง มันก็ตรงในแต่ละกลุ่มของท่าน ก็ไปเลือกกันมาสิครับ เดี๋ยวคัดสรรเขาเลือกมา กรรมการคัดสรรก็ไปกังวลกับเขาว่า เขาจะเลือกคนของตัวเอง ผมบอกแล้วไงว่า คสช. หรือใครก็แล้วแต่ จะไม่ไปยุ่งกับท่านเรื่องปฏิรูป ท่านต้องมาทำกันเอง มีเวลาสภาฯ ประชุม และก็หาข้อสรุปมาให้ได้ นี่ผมอธิบายอย่างละเอียดแล้ว เดี๋ยวจะบอกว่าไม่รู้เรื่องอีกในการสมัคร สปช.วันนี้ครับ ใครยังไม่สมัครมาสมัครซะ ที่ส่วนกลาง ที่ยอด 550 ที่จะถูกคัดมา สมัครมาเป็นพันก็สมัครมาอีก ใครอยากสมัคร สมัครมา เดี๋ยวบอกว่าไม่มียอดไม่มีโควต้า คือไอ้คนอย่างนี้ ชอบพูด พูดไว้ก่อน แต่ตัวเองไม่สมัครหรอก แต่พูด นี่มันใช้ไม่ได้ คนพูดต้องสมัครนะ ถ้าพูดแล้วไม่สมัครอย่าพูดนะครับ ส่วนกลางสมัครได้ 2 อย่าง คือสมัคร กกต.ได้เลย หรือไปรษณีย์ส่งมา เขาจะตรวจสอบคุณสมบัติคู่ขนานกัน เพื่อไปคัดสรร การคัดสรรเขาแต่ละคณะ เขาจะคัดมาไม่เกิน 50 คน 11 เรื่อง ก็ 550 นะครับ ถ้ากรณีที่มันไม่ถึง 50 คนแต่ละคณะ จะต้องส่งรายชื่อไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของบัญชี อันนี้เป็นเรื่อง กกต. ต้องชี้แจงอีกครั้งหนึ่ง

วันที่ 4 กันยา จะมีการประชุมคณะกรรมการสรรหา โดยผมหัวหน้า คสช.เป็นประธาน ครั้งที่ 1 อีก 3 ครั้ง ก็ไปประชุมกันมา เพื่อจะคัดสรรให้ได้ภายในวันที่ 22 กันยายน 2557 นะครับ ในส่วนของ กกต. ตอนนี้จะส่งรายชื่อ ที่ได้รับคัดเลือกจากคณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัด เรียงตามตัวอักษรมา 5 คน มีหลักการพิจารณาคือจุดเด่น ประสบการณ์ อาชีพ สังคม ยอมรับ สามารถทำประโยชน์ได้ใน สปช. จะส่งรายละเอียดเหล่านี้ขึ้นมา 5 คน จะถูกคัดเหลือ 1 คน นะครับ กรณีที่ข้าราชการจากทุกกระทรวง ทบวง กรม ก็ต้องสมัคร วันนี้ ผมสั่งการไปแล้วด้วย เขาเตรียมการอยู่ อย่าเพิ่งไปบอกว่า กระทรวง ทบวง กรม ก็ไม่ส่ง เขาต้องส่ง เพราะเขามีความรู้เรื่องนี้ เขาอาจอยู่ในแต่ละคณะไป เพื่อจะเป็นข้อมูลมารับทราบ จะทำยังไง ถ้าท่านคิดเอง โดยประชาชนอย่างเดียว ข้าราชการไม่มีเลย คงไม่ได้มั้ง มันจะทำได้หรือเปล่า ผมยังไม่รู้เลย เพราะฉะนั้น ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ขณะนี้ เขาเตรียมการอยู่ที่จะส่งผู้แทนเข้ารับการคัดเลือกด้วย โดยต้องส่งให้ตรงทั้ง 11 กลุ่ม เช่นกัน โดยทุกวันนี้ ทุกกระทรวงก็ให้คณะกรรมการ อกพ.ของตนเองประชุมคัดเลือก และจะส่งชื่อเข้ามาอีก ไม่ต้องกลัวว่าจะน้อย มีเยอะแน่นอน

การคัดสรรวันนี้ ได้สั่งการไปนะครับ ให้กระทรวงมหาดไทยประชุมทางไกลชี้แจง และให้เลขา กกต. มาตอบข้อซักถามด้วย รู้สึกจะทำวันนี้ สงสัยก็ถามมา จะจัดให้ พูดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเข้าใจ และตอบข้อซักถามให้ได้ อย่าบ่น อย่าเข้าใจเอาเอง และมันทำให้ทุกอย่างไปไม่ได้หมด สื่อต้องเข้าใจ ผมจะคอยดูว่า ที่พูดไปแล้วเข้าใจหรือเปล่า หรือไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้น ทุกอย่างต้องโปร่งใสนะครับ กรณีที่ได้รับการคัดเลือก คัดสรรเข้ามาแล้ว และให้ปฏิบัติหน้าที่แล้ว มีการฟ้องร้องกลับมาว่าไม่เป็นธรรม ไม่ยุติธรรม อันนี้ จะให้เข้ามาก่อน เหมือนใบเขียวใบแดง ถ้าเขียว ก็ทำไปเลย ถ้าแดง เข้ามาก่อน สอบสวน และปลดออกไป คัดสรรมาใหม่ แค่นั้นเอง ทำอย่างอื่นได้ไหม นอกจากนี้

ในเรื่องผลกระทบการจัดระเบียบเรื่องอุ้มบุญวันนี้ มีคดีมากมาย มันเป็นธรรมดา โลกเจริญขึ้น การพึ่งพาอาศัย การพัฒนาเทคโนโลยีด้านการแพทย์มากขึ้น แต่ทำให้มันถูกกฎหมาย ทำไม่ได้ซักทีเมืองไทย วีซ่าท่องเที่ยวที่ ตม. แสตมป์ให้ตอนเข้ามา มันชั่วคราว มันหมดอายุ แต่บางคนอยากทำงานต่อ ก็เดินทางออกไปประเทศไทยชั่วคราว และเข้ามาใหม่ อาจวันนึง หรือระยะเวลาหนึ่ง และมาแสตมป์ใหม่ และอยู่ต่ออีกระยะตามวีซ่า เขาเรียกวีซ่ารัน มันก็มีผล พอเราจัดระเบียบไปมากมาย พูดไปก็เกิดผลกระทบต่อครูสอนภาษาอังกฤษ พวกใครหละ นักวิชาการที่จะมาลงทุนที่จะมาประชุมมีปัญหาหมด เพราะฉะนั้น กำลังทำเรื่องนี้อยู่ ต้องแยกแยะชัดเจนขึ้น อันไหนชั่วคราว อันไหนต้องไปวีซ่ารัน(Visa Run )หรืออันไหนที่เป็นการท่องเที่ยวธรรมดา แยกให้ออกจากกัน วันนี้ได้มีการสั่งการไปแล้วให้มีการผ่อนผันขึ้นบัญชีเหมือนกับแรงงานต่างด้าว ผู้ที่ทำวีซ่ารันนะ ไปขึ้นทะเบียนกับเขา ให้ ตม.รับผิดชอบไป แล้วก็หาทางแก้ปัญหาให้ยั่งยืนในอนาคตอย่างที่ผมบอกแล้วนี้

ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นมานานแล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวเราขาดครูสอนภาษาอังกฤษ ขาดไกด์ที่มาเสริมอีก ไกด์เราจำนวนคุณภาพก็ยังมีปัญหาอยู่ อาจจะเพียงพอคุณภาพ ต่างชาติก็หาว่า ไกด์ต่างชาติมาแย่ง เรื่องใหญ่

เรื่องการจัดระเบียบปรับปรุงข้อกฎหมายอุ้มบุญ วันนี้กฎหมายไม่ชัดเจน ก็ไปแก้ใน สนช. ระหว่างนี้การตรวจสอบก็ยังมีกฎหมายเดิมอยู่บางประการ การจะแก้ไขปัญหาให้ยั่งยืนนั้น ต้องดำเนินการในทันที เพราะเกรงว่าวันนี้คนไทย ผู้หญิงไทยที่รับอุ้มบุญแล้ว จะไม่กล้าไปปรึกษาแพทย์ที่โรงพยาบาล ทั้งๆที่ตัวเองอุ้มท้องอยู่ กลัวจะถูกดำเนินคดี พอไม่ไปหาแพทย์ สุขภาพตัวเองก็แย่ ก็อุ้มท้อง ไปหาหมอก็ไม่กล้า คลินิคที่ให้จ้าง หรือให้ทำ ก็ถูกปิด ฉะนั้นอันตรายกับเด็ก ผมสั่งการไปแล้วให้ผ่อนผันเป็นรายๆไป ไปแสดงหลักฐานให้ชัดเจน ขอความร่วมมือกับโรงพยาบาล การบริการทางการแพทย์ของรัฐ รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุขช่วยดูแลเรื่องนี้ด้วย

ในเรื่องของการปฏิบัติงานของง คสช.ในช่วงที่มีรัฐบาล หรือมีการบริหารราชการเมื่อมีนายกรัฐมนตรี ที่รัฐมนตรี มี ครม. ก็จะบริหารราชการในระบบกฎหมาย และระเบียบปกติ ผมพูดถึง ครม.นะ แต่บางอย่างมันมีปัญหาทับซ้อนอาจจะแก้ไขไม่ได้โดยเร็ว โดยกฎหมายปกติ เรื่องนี้ คสช. ครม.ก็จะร่วมมือกัน ประชุมร่วมกัน จะพิจารณากำหนดว่าเรื่องใดควรจะเป็นหลักของรัฐบาล หรือเรื่องใดควรจะเร่งด่วนที่ต้องการอำนาจพิเศษในการขับเคลื่อน ก็จะจัดทำเป็นนโยบายขึ้นให้แก่กระทรวง ทบวง กรม ให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกัน อะไรที่เป็นเรื่องเร่งด่วน ต้องใช้พิเศษ ต้องโดยทันที ก็ให้ คสช.ขับเคลื่อน โดยใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่มีอยู่ หรือเป็นการจัดตั้งคณะกรรมการดำเนินการ เช่น แก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นโดยทันที เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระหว่างประเทศ การแก้ไขปัญหาความยากจนระยะสั้น การแก้ไขปัญหาเรื่องยาเสพติด การแก้ไขการบุกรุกทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม อื่นๆ ในเรื่องเหล่านี้มันแก้ได้เร็ว บางเรื่องเป็นปัญหาเฉพาะหน้า ก็ต้องใช้อำนาจพิเศษมันก็เร็วขึ้น แต่อะไรที่ใช้อำนาจปกติได้ รัฐบาลก็ทำไป ดำเนินการไป ไม่ทับซ้อนกันแน่นอน พยายามไม่ให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง

เรื่องการศึกษา เป็นหัวใจของชาติ เป็นอนาคตของประเทศไทย ผมเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงดีในหลายประการ การจัดทำหลักสูตร การเตรียมการปรับปรุงเรื่องครู อะไรก็แล้วแต่ที่ทำอยู่ แต่ผมไม่ห่วงความเป็นรูปธรรมนะครับ ท่านต้องทำให้ได้โดยเร็ว ให้ได้ทั้งระบบ เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ทั้งคุณภาพ ปริมาณ ความต้องการของแรงงาน ความต้องการของช่างวิชาชีพ ท่านต้องกำหนดระยะเวลา ประสิทธิผล ประเมินผล ให้เกิดโดยเร็วนะครับ ให้ทันปีการศึกษานี้ให้ได้ ต้องทำให้ได้ ให้เวลาท่านแก้มานานแล้ว ฉะนั้นวันนี้ต้องแก้ให้ได้ นี่ไงเป็นเรื่องที่บางอย่างต้องใช้อำนาจ คสช.เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นทำไม่ได้สักที ผมรู้ว่ายาก ท่านต้องทำให้ได้ ประชุมร่วมกัน ลดข้อขัดแย้ง ใช้จ่ายงบประมาณบุคลากรร่วมกัน เวลาจำกัด ต้องนำร่องให้เกิดขึ้นได้โดยเร็วทุกเรื่องที่พูดไปแล้ว สั่งไปแล้ว และข้อเรียกร้องของประชาชน ผู้ปกครอง เด็ก ผู้ใหญ่ ทั้งหมดที่เรียกร้องมา ทำอย่างไรจะเกิดขึ้น ให้เขาพอใจ แต่ไม่ใช่ทำให้การศึกษามันแย่ลง การศึกษาก็ต้องดี คนก็พอใจ ไม่เดือดร้อน การเรียนพิเศษต่างๆเหล่านี้ต้องไปแก้ให้หมด ท่านต้องทำให้ได้โดยเร็วให้เวลามานานเต็มทีแล้วหลายสิบปีแล้วมั้ง การศึกษาไทย ดีก็มี ไม่ดีก็มี ทำอย่างไรมันจะดีทั้งหมดได้ อยากให้ทำทุกมิตินะครับ

การใช้จ่ายงบประมาณของรัฐ ท่านทราบดีว่าใช้จ่ายงบประมาณมากที่สุด มากที่สุดกว่าทุกกระทรวง แต่การศึกษา ผลสัมฤทธิ์เป็นอย่างไรล่ะ ผลการประเมินเป็นอย่างไร เด็กไทยเป็นอย่างไร ท่านก็ทราบดี ไปแก้มา

ประวัติศาสตร์ชาติไทย ประเทศไทย เด็กไทยวันนี้ไม่ทราบว่า บางคนนะ เด็กๆ หรือโตมาสักเล็กน้อย ถามว่ามีกี่จังหวัด ตอบไม่ได้ ผมไม่เข้าใจ มี 76+1 กรุงเทพมหานคร ไม่รู้ ไม่เข้าใจ แล้วมีที่ท่องเที่ยวที่ไหนบ้าง มรดกโลก ไปต่างประเทศชื่นชม ไปโน้นไปนี่ ถามว่าเมืองไทยมีมรดกโลกไหม ไม่ทราบ เวลาไปสอบสัมภาษณ์ ไปต่างประเทศ หรือไปเรียนต่างประเทศ เขาให้นักศึกษาต่างประเทศเขียนประวัติศาสตร์ความเป็นมาของแต่ละชาติ พี่ไทยเขียนไม่ได้เพราะไม่รู้จะเขียนอย่างไร ประเทศไทยเขียน 3 บรรทัด เพราะไม่รู้เลย ไม่เคยสนใจ เป็นความบกพร่องของระบบศึกษา ท่านต้องให้เขารู้ว่าชาติพันธุ์ของเรามีความเป็นไปเป็นมาที่ไหน ถ้าเราไม่รู้ว่าตัวเองมาจากไหน เราจะรู้ว่าเราทำอะไรล่ะ ทำอะไรให้ประเทศไทย ดินแดนผืนนี้ บรรพบุรุษไทยที่สร้างมาท่านต้องรู้ บรรพบุรุษของท่าน รู้พระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์ทำอะไรมาบ้าง ประวัติยาวนานตั้งหลายร้อยปี 4 ยุค 4 สมัย มีการต่อสู้ รบราฆ่าฟันกันมามากมาย ฉะนั้นอันนี้เป็นการต่อสู้เพื่อรักษาแผ่นดินไทย รอบๆบ้านอะไรก็แล้วแต่ เป็นประวัติศาสตร์นะไม่ใช่เอามาทะเลาะกัน ต้องเรียนรู้ บอกว่า เรียนไปแล้วเดี๋ยวจะขัดแย้ง ก็สอนให้ไม่ขัดแย้งสิ สอนว่าอย่าให้เกิดขึ้นอีก สอนว่า ตอนนั้นเป็นอย่างไร แต่ต้องรู้ ต่างชาติเขาก็สอนกัน วันหน้าผมจะติดตาม ดูสิว่าเราจะเขียนประวัติศาสตร์ไปต่างประเทศจะเขียนได้ไหม เด็กไทย อายเขานะ บางประเทศเขาเพิ่งเกิดมาไม่กี่ปี ไม่กี่สิบปี เขาเขียนเป็นหน้าๆ ผมรับรายงานมา คนไทยเขียนไมได้เลย มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาจะพันปีอยู่แล้ว

ถ้าเรารวบรวมความรู้เหล่านี้ได้ ไอ้ที่ท่านเคยเรียก สปช.สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต ผมเห็นหนังสือพวกนี้ เขียนเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทย เขียน 3 บรรทัด สิ่งที่พระมหากษัตริย์ทำ 2 บรรทัด สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเป็นผู้ที่กู้ชาติไทยเมื่อวันนี้ พ.ศ.นี้ จบ 2 บรรทัด สมัยเด็กๆ ผมท่อง ทุกคนท่องหมด ท่านมาอย่างไร เล็กจนโต ทรงต่อสู้อะไรอย่างไร เราก็ภูมิใจนะ เราดีใจ วันนี้ก็พังกันไปหมด พังกันไปทั่ว เมื่อสมัยก่อนพระมหากษัตริย์ทรงทำสงครามเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย วันนี้พระมหากษัตริย์ของเราก็ต่อสู้ทำสงครามกับความยากจน สมัยก่อนไปพัฒนาที่ดิน ที่ทำกิน ทั้งน้ำทั้งพืช ทั้งป่า ทั้งอะไรต่างๆ เพื่อให้มีที่ทำกิน เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติ นั่นไง คือการทำสงครามของสถาบันกษัตริย์ในปัจจุบัน ความยากจนไม่ได้ทำสงครามกับประชาชน ไม่ใช่ ไปหาว่าใครทำ การเขียนเรียงความ การร่างหนังสือ การสรุปความ ย่อความ ทำไม่เป็น เขียนหนังสือไม่เป็น วันหลังผมจะให้ตรวจสอบ เรียกมาสอบซะที ว่าที่เก่งๆ จะเขียนเรียงความทันผมไหม ก็ไม่ใช่ว่าผมเก่ง แต่ผมฝึกการเรียนรู้ด้วยตัวเอง เขียนหนังสือให้เร็ว อ่านให้เร็ว มันจะได้เก็บบรรจุข้อมูลไรได้เยอะ หัวสมองมีตั้งเยอะ สมองมีไว้ใช้ ไม่ได้มีไว้เก็บ มีส่วนหน้า ซ้าย ขวา หน้า หลัง มันมีการบังคับควบคุมแต่ละอย่าง มีความสลับซับซ้อน ถ้าไม่ใช้มันจะเล็กไปเรื่อยๆ ไม่มีประโยชน์นะ หัวโตซะเปล่า ไม่มีสมอง สมองมีไม่ได้ใช้อีก เพราะฉะนั้น ต้องสอนให้เขาเตรียมการให้เขา มีข้อมูลให้เขา อย่าย่อมากนัก ความรู้ประวัติศาสตร์ พระมหากษัตริย์ 2 บรรทัด มันจะไปเกิดความภาคภูมิใจได้อย่างไร รู้ความเป็นไปของตัวเองได้อย่างไร ต้องแก้ไขนะครับ

การคิดเลขในใจเหมือนกัน ไม่มี เท่าที่ทราบไม่มีนะ มันทำให้รู้จักการคิดเร็ว ไม่เห็นต้องเอาเครื่องคิดเลขไปใช้ยังไง ไม่ได้ใช้หรอก ฝึกสมองให้ทำงานคล่องตัวมากขึ้น ถ้าท่านไม่หัดคิด มันก็คิดไม่เป็น คิดสั้นๆ คิดยาวๆ ไม่ได้ ปวดหัว คิดสั้นๆ พอแล้วจบ การทำโครงการ ทำสั้นๆ ดีกว่า ของเก่ามีแล้ว จบ ทำแล้วมีปัญหา ทำแล้วแก้ไม่ได้ ทำเรื่องใหม่ดีกว่า ไอ้เรื่องเก่าก็ไม่ได้แก้ เรื่องใหม่ก็ทำไม่เสร็จ มันก็เป็นอยู่อย่างนี้ ท่านต้องเริ่มตั้งแต่เด็ก ให้เขาคิดให้เป็น คิดกระบวนการคิด มีวิสัยทัศน์ และกำหนดว่าจะทำยังไงได้ รู้จัก คำว่า ทำโรดแมปได้ไหม วางอนาคตได้ไหม เป็นเด็กและโตขึ้นจะเป็นอะไร อยากเห็นประเทศชาติเป็นอย่างไร มันต้องวางยุทธศาสตร์ให้ได้ก่อน เด็กต้องรู้ ถ้าเด็กไม่รู้ เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนั้น เขาแค่เรียนหนังสือจบ หาเงิน หารายได้เลี้ยงครอบครัว มีลูก มีเต้า ตาย มีแค่นั้นแหละ ถ้าคนจนก็พยายามจะรวย อะไรที่ถูกก็ทำ มีเงินก็ทำอีก จิตสำนึกมันไม่เกิด ท่านต้องทำให้ได้ ตั้งแต่เด็กจนโต

วันนี้ เห็นมีเรื่องอะไรอีก เรื่อง การรับจ้างทำเอกสารวิจัย ผมเห็นในสื่อนะ ไม่รู้ จริงไม่จริง ในเว็บไซต์ก็มี การทำการบ้านเด็กเล็กก็มี การวิจัยก็มี เอกสารวิจัย 3,000 บาท ทำการบ้านตามระดับไม่แพงมากนัก ราคา 200 มันเกิดขึ้นยังไง ประเทศไทย และเด็กมันจะรู้เรื่องไหม เด็กก็มี ใครมีสตางค์ก็ไปจ้างเขา ผมไม่ได้บอกทั้งหมดนะ มันมีกิจกรรมอย่างนี้ได้ยังไง กิจการขายในโซเชียลมีเดียได้ยังไง ใครควบคุม มันต้องไม่มี ถ้ามี อย่างนี้อีกหน่อยไม่ต้องทำเอง จ้างเขาหมด ใครมีสตางค์ก็จ้าง และจบมา โรงเรียน มหาวิทยาลัย ในระบบ นอกระบบ ไม่เท่ากัน ครู ลูกจ้าง พนักงาน ไม่เท่ากัน ผลตอบแทนไม่เท่ากัน ใครไปคิดมาหละ นอกระบบ ในระบบนะ ถ้านอกระบบไปแล้ว หมายความว่ารัฐก็ไม่ต้องดูแลมากนัก ท่านต้องไปหาทางดูแลให้ได้ พัฒนาให้คนมาเรียนรู้ และดูแลตัวเอง วันนี้ ท่านบอกว่า รัฐต้องดูแลทั้งหมด ทั้งในระบบและนอกระบบ อย่างนี้ มันจะไปยังไง ผมนึกไม่ออกนะ ทบทวนใหม่ซิ นอกระบบ และในระบบเหมือนกัน มีเยอะไปหมด ตอนแรกเยอะมาก ผลิตนักศึกษา ดีครับดี เป็นสิ่งที่ทำให้คนจบปริญญา แต่ถามว่าเขาไปทำงานแค่ไหน มีงานทำมั้ย ตอนนี้ 53 เปอร์เซ็นต์ ตกงานทั้งหมด จบมา ท่านต้องไปเร่งระบบวิชาชีพ ไปดูซิ ผลิตมาปีละเท่าไร มีงาน ผมเห็นเทคโนโลยี วิทยาลัยต่างๆ เขามีงานทำเลยนะครับ บริษัทเขาไปรองรับไว้เลย จบมามีงานทำแน่นอน คนก็ไปเรียนเยอะแยะ เราไม่ได้ส่งเสริมเรื่องพวกนี้ ไม่ได้สร้างความเข้าใจ ไม่ให้ข้อมูล เด็กก็ไม่รู้ เด็กก็อยากไปเรียนแต่ปริญญาหมด อย่างนี้ไม่ได้ ถ้าไปเรียนวิชาชีพ มันอาจไม่ได้ปริญญา ไปหาสิครับ ว่าทำยังไง เมื่อเขาจบแล้ว ไปทำงาน สามารถเรียนเพิ่มเติมได้ปริญญาอีก ทำไมไม่คิดให้เป็นระบบ ให้เขาไปคิดเองทำไม เราวางแผนไว้สิ ให้เขากลับมายังไง จะไปต่อตรงไหน บางมหาวิทยาลัยบอก จ่ายครบจบแน่ มันเป็นไปได้ยังไง แบบนี้อีกหน่อย ไม่ได้ เละเทะไปหมด แล้วรัฐบาลต้องดูแล รัฐบาลนี่เป็นทุกอย่างเลย เนาะ

เรื่องของการบริหารจัดการระบบไอทีเพื่อการศึกษา คือการใช้ระบบที่ทันสมัย ใช้โทรคมนาคม นอกจากการเสริมอุปกรณ์ให้แล้ว ต้องคุ้มค่านะครับ กระทรวงศึกษาฯ เตรียมบุคลากรที่มีความรู้ ทั้งเทคนิค ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ระบบเครือข่าย ให้มันรู้เรื่องจริงๆ ไปควบคุม ไม่งั้นก็เสียอีก พอเสียก็เลิก มันก็เป็นอย่างนี้มาตลอด ต้องเตรียมให้พร้อม แล้วให้ความสำคัญในการที่จะนำเนื้อหา สื่อการสอน ควบคู่กับการพัฒนาครู ปีหน้าขออุปกรณ์เข้ามาใหม่ ให้มันดีขึ้น เร็วขึ้น บางอย่างอุปกรณ์ไปหน้าแล้ว เจ้าหน้าที่กับครูยังตามไม่ทันเลย จะเอาของใหม่ตลอด ทำของเก่าให้มันได้ รักษาไว้ให้ได้ ค่อยๆ พัฒนาไป ให้มันเหมาะสมกับสถานการณ์ เหมาะสมกับกำลังเงิน เหมาะสมกับเด็กนักเรียน เอาแค่นี้ก่อนได้มั้ย นะ เพราะมันซื้อใหม่ตลอดไม่ไหวหรอก ปีนี้กี่พันล้านไม่รู้ ที่ไปเตรียมทำเรื่องนี้ เรื่องไอที เพราะฉะนั้นต้องเหมาะสมกับเด็กในแต่ละช่วง ไม่ใช่ตั้งแต่เด็กเลย ต้องเรียนรู้คอมพิวเตอร์ตั้งแต่เด็ก แหมมันจะรู้ได้ยังไง นะ ก็โอเค ได้ประโยชน์ แต่มันคุ้มค่าหรือเปล่า ถ้าเรามีเงินเยอะๆ โอเค แจกได้ น่าจะให้เขาได้ แต่วันนี้ผมว่ายังไม่ได้หรอก ประโยชน์ยังได้ แต่ได้น้อยเกินไป

การบูรณาการการศึกษาทางไกล ระบบการสอนจากดีวีดี หรือระบบอี-เลิร์นนิ่ง ไปดูซิ มันคืออะไร ทุกคนสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ เข้ามาเรียน มีระบบวัดผล ว่าผ่าน ไม่ผ่าน ผ่านกี่คน อย่างน้อยทุกคนก็ได้มีโอกาสเข้ามาศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง ในสิ่งที่เพิ่มเติม หรือสิ่งที่เป็นพื้นฐาน นี่ก็ไปดำเนินการด้วยนะครับ

การจัดครู บุคลากรรับผิดชอบระบบไอทีประจำโรงเรียน พูดไปแล้ว ต้องให้เหมาะสม เป็นการเฉพาะ และรู้จริง ของไม่เสีย ไม่พังอีก

โรงเรียนที่ห่างไกลต้องกำหนดมาตรฐาน การกำหนดมาตรฐานนี่ทำได้ยาก เพราะไกล ครูก็น้อย ยากลำบาก ระบบไอทีคงจะช่วยได้มากในการพัฒนาและส่งเสริม การจัดทำสมาร์ทคลาสรูม ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ให้กระทรวงศึกษาฯ ไปพิจารณา ก็จะต้องพิจารณาเรื่องเนื้อหา การเรียน สื่อการสอน อันดับแรก ท่านไปประยุกต์มาสิครับเนื้อหาหรือสื่อการเรียนการสอนในโครงการการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่หัวหินมีอยู่แล้ว นำมาประยุกต์สิครับ ท่านบอกอันนี้ใช้ตรงนี้ไม่ได้ ไม่ตรงกับตรงนั้น เขาเรียกว่าประยุกต์ ถ้าจะไอ้นี่มันเหมาะกับตรงโน้นมันไม่ได้ ตัดเสื้อตัวเดียวแล้วให้คนทั้งหมดทั้งอ้วน ทั้งผอม ใส่ไม่ได้หรอกครับ 10 คนใส่เสื้อตัวเดียวกันไม่ได้ ท่านต้องเอามาประยุกต์ เพราะฉะนั้นไปปรับปรุงให้เหมาะสม บางคนบอกไม่ยอมรับไม่ใช่ หรือไม่ได้ ไม่เข้าใจกัน คนละพื้นที่ อย่างนี้ไม่ได้ทำอะไรเลยดีกว่า ก็อย่าเป็นประเทศกัน เป็นไม่ได้ เพราะฉะนั้นท่านต้องพัฒนาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ให้หน่วยงานรับผิดชอบด้านไอที สามารถนำระบบไอทีมาแก้ไขให้เกิดประสิทธิภาพ มันต้องมีการลดค่าใช้จ่าย ต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่เกี่ยวพันทั้งหมด

ศูนย์ดำรงธรรมของกระทรวงมหาดไทย และส่วนราชการเร่งรัดดำเนินการให้ทันนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการแก้ปัญหาภาคเกษตร การเกษตร ราคาพืชผล ในการป้องกัน การช่วยเหลือ แก้ไขความเดือดร้อนเร่งด่วนให้ดำเนินการโดยเร็ว สร้างความเข้าใจ ถ่ายทอดนโยบายแนวทาง คสช. ให้เขารับทราบนะครับ คสช. หรือรัฐบาลต่อไปให้ทราบว่า รัฐบาลกำลังจะทำอะไรอยู่ ถ้าเขาไม่รู้ก็ร้องเรียน เขาก็ดิ้นรนน่าสงสารเขา แก้ให้เขา สร้างความเข้าใจให้เขา อดทน เดี๋ยวมันจะเกิดนี่เกิดนั่น ทุกอย่างมันใช้เวลา มันไม่ได้สร้างวันเดียวไง ประเทศไทยเหมือนกันสร้างวันเดียวปีเดียวมันก็ไม่ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นต้องใช้เวลาในการแก้เป็นระยะๆ ให้เขาทราบอย่างใกล้ชิดอย่างต่อเนื่องในทุกเรื่อง

เรื่องการสาธารณสุขเช่นเดียวกัน ต้องดูว่าจะทำอย่างไรจะดูแล จะดูแลคนมากน้อยตามสัดส่วนตามกำลังขีดความสามารถ ประชาชนต้องให้ความร่วมมือทำอย่างไรคนรวยจะเสียสละให้คนรายได้น้อย รัฐไม่ต้องมาบังคับท่าน พอบังคับก็ไม่ได้อีก เพราะฉะนั้นใครมีสตางค์สมัครมาเลย บอกว่าผมสละสิทธิ์ครับ ยอดเท่าไรกี่ล้านก็ไม่รู้ 20-30 ล้าน อาจจะมีคนสละสิทธิ์ไม่ยอม ไม่ใช่สิทธิ์ในรักษาพยาบาล 30 บาท ซัก 3 ล้าน 5 ล้านคน มันก็เอาเงินในที่สละไปที่ 5 ล้านมาใส่ให้ไอ้คนที่ไม่มีเยอะ จำนวนมันก็จะมากขึ้น นี่ต้องทำอย่างนี้นะ ถ้าเราหาเงินมากๆ ขึ้น ไปใส่เข้าไปอีก แล้วเท่าไรจะพอ แล้ววันนี้คนสูงวัยมีมากขึ้น สุขอนามัยดีขึ้น คนก็อายุยืน และคนสูงอายุก็ต้องมีเบี้ยสูงขึ้น คนจนต้องซับซิไดซ์รายได้ ซับซิไดซ์ผลิตผลทางการเกษตร การรักษาพยาบาลก็ต้องมากขึ้น รัฐมันจะไปเอาเงินมาจากที่ไหน ผมก็ยังนึกไม่ออกนะ ช่วยคิดหน่อยแล้วกัน ต้องช่วยกันเสียสละ และขึ้นบัญชีที่ว่าเสียสละ ตัดยอดกันไปอะไรกันไป กระทรวงสาธารณสุขลองดูนะ ลองประกาศไป ถ้าทำก็ได้บุญ คนรวยก็ได้บุญ ชาติหน้าก็รวยอีก ชาตินี้ชาติหน้าตามหลักศาสนาพุทธ ศาสนาอื่นเขาก็สอนไปแล้วนะ ถ้าเกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมา เรียกร้องแต่สิทธิ์ ไม่มีหน้าที่ มันก็ไปไม่ได้ คนไทยต้องช่วยคนไทยด้วยกัน ทุนการศึกษา วันนี้ก็ยังมีเหมือนเดิม ไอ้ที่ลดเงินในงบประมาณไป เพราะเอาเงินกองทุนอันอื่นมาโป๊ะเข้าไปอีก ทั้งของเก่าก็ยังไม่ได้คืน ของใหม่ก็ต้องให้ไป จำนวนคนกู้ก็มากขึ้น แล้วจะทำอย่างไร ไม่ได้ไปลด ไม่ได้ไปตัดนะ กองทุนอื่นๆ ก็ไปพิจารณาให้เหมาะสม ยังไม่ได้ไปตัดอะไรซักอย่าง เพื่อแต่ชะลอบางเรื่องที่มันมีปัญหาจากการตรวจสอบของ กยศ. บางกองทุนไม่ชัดเจน บางกองทุนไม่เรียบร้อย ก็ต้องไปแก้ไข อย่าไปปลุกระดมกันอีกเลยว่าเราจะไปตัดตรงโน้นตัดตรงนี้ ประชาชนจะเดือดร้อน ที่ผ่านมาผมเห็นบางเรื่อง ประชาชนไม่ได้หรอก ไม่รู้ไปอยู่ไหน ผมยังไม่รู้เลย ไปแก้กันมา ไปสอบกันมา

เรื่องทุนการศึกษา คนรวยอย่ามายืมกันอีก คนรวยมีสตางค์ บางทีเป็นลูกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ อะไรก็แล้วแต่ หรือตรงกลาง มีเงิน มากู้เงินอีก แล้วอย่างนี้คนจนจะเอาที่ไหนเหลือล่ะครับ เพราะนี่มันใกล้ระบบอยู่แล้ว ก็ทำง่าย ไม่ได้ ต่อไปนี้อย่าให้เกิด

เรื่องพลังงาน รัฐวิสาหกิจ มีการปรับปรุงหลายอย่าง บางคนบอกไม่เห็นทำอะไรเลย ก็ตั้งคณะกรรมการนโยบายไป ตั้งซูเปอร์บอร์ดไป กำหนดยุทธศาสตร์และแผนงานไป แก้เรื่องบอร์ด แก้เรื่องระเบียบ แก้เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน นี่แก้ไปก่อนเร่งด่วน แต่ถ้ามันอยู่หลายมิติด้วยกัน ที่มันเกี่ยวพันเรื่องโครงสร้างราคา โครงสร้างการผลิต การจัดหาแหล่งพลังงาน พลังงานทางเลือก อะไรก็แล้วแต่ โอ้ย แต่ละเรื่อง มันไปร้อยแปดพันเรื่องนะ จากเรื่องเดียว ท่านจะลดราคาพลังงานเรื่องเดียวเนี่ย มันพันไปอีก 15 เรื่อง ใน 15 เรื่องแตกไปอีกเป็นร้อยเรื่อง แล้วท่านก็ใจร้อน ท่านก็จะให้ผมทำเร็วๆ แล้วมันทำได้ไหมล่ะ เถียงกันไปเถียงกันมา นี่ผมสั่งไปแล้ว ชี้แจงให้ได้ ถ้าไม่ได้ มาดีเบตด้วยกัน แล้วดูซิว่าเหตุผลใครมันดีกว่ากัน น่าเข้าใจกว่ากัน ถ้าไปเชื่ออยู่ตามเว็บไซต์ ตามโซเชียล มันก็ตีกันตาย เท่านั้นล่ะ ทุกคนต้องฟังเหตุผลแล้วก็เข้าใจกันด้วยเหตุด้วยผลกัน อย่าไปทะเลาะเบาะแว้งกัน มันเป็นไปไม่ได้ บางเรื่องมันไม่ใช่ข้อเท็จจริง นี่ผมก็โดนเล่นงานเหมือนกันนะ หาว่าผมไปเอื้อประโยชน์ให้บริษัทนั้นบริษัทนี้ และเขาเป็นญาติผผมเปล่าล่ะ ผมไม่ได้เป็นญาติใครสักคน ผมก็ซื้อน้ำมันแพงเหมือนกัน เวลาใช้รถส่วนตัว อย่าโทษกันไปโทษกันมา หาทางแก้กันมา ใจเย็นๆ ต้องเข้าสภาปฏิรูป ไปดูว่าจะทำอย่างไร จะหาจากที่ไหน จะทดแทนด้วยอะไร จะผลิตและจำหน่ายอย่างไร ผลประโยชน์ของรัฐจะอยู่ที่ไหน เอกชน ประชาชนจะถือหุ่นอย่างไร ถ้าอะไรมันเป็นของบริษัท ถ้าจะกลับมาเป็นของรัฐ รัฐก็ต้องหาเงินไปซื้อหุ้นมาให้มากขึ้นๆจนกลับมาเป็นของรัฐ ไปดูใหม่ สิทธิประโยชน์กรรมการก็ลดไปแล้ว บางอย่างต้องให้ความเป็นธรรมเขาด้วยนะ คณะกรรมการไม่ใช่เขาทำอะไรได้ 100 % เขาไม่ได้มองว่าเขาไปโกง 100% เพียงแต่ว่า มันอาจจะไม่มีประสิทธิภาพ มีตรงโน้นตรงนี้ที่มีโอกาสที่จะรั่วไหล หรือไม่เข้าใจ อะไรก็แล้วแต่ ต้องไปอธิบายกันเองให้เข้าใจ ต้องเห็นใจเขานะว่า คณะกรรมการทุกกรรมการ เขามีกฎหมายกว่า 20 ฉบับ แต่ทำอย่างไรกฎหมายนั้นจะสามารถควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปว่ามา แก้ในการปฏิรูปให้มันชัดเจนขึ้น วันนี้แก้เร่งด่วนไปก่อนแล้วเรื่องพลังงาน เรื่องน้ำ ทำหมด ฟังเวลาผมพูด

ปัญหาความไม่เข้าใจของประชาชน ความเดือดร้อนของประชาชน ทำทุกอย่างมันถูกบิดเบือน ถูกคนเอาไปใช้ประโยชน์ ต้องใช้เวลา วิธีการที่บริหาร ที่จัดการอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม แยกให้ออกอะไรเป็นของรัฐ อะไรเป็นของเอกชน อันไหนผสมกัน เราจะเข้าไปถือหุ้นเพิ่มอย่างไร จะกลับเอามาเป็นของรัฐอย่างไร ไม่ใช่จะให้ คสช.ไปยึด ใช้อำนาจพิเศษไปยึดมา มันไม่น่าได้นะ อย่าโยนภาระแบบนี้มาให้ คสช. เพราะเราทำหน้าที่ตามกฎหมาย กฎหมายพิเศษก็ทำเพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาได้โดยเร็วเท่านั้น เราบิดเบือนอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น วันหน้าเดี๋ยวก็มีปัญหาอีก เราก็เป็นห่วงนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความมั่นคงด้านพลังงาน จะต้องยั่งยืนสืบไป

ในส่วนของสถานการณ์ภายนอกก็ยังคงผันผวนตลอดเวลา ปัจจัยต่างๆ ที่มีผลทางด้านเศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยา การสู้รบ ความมั่นคง มีทั่วโลกอยู่ขณะนี้ เรื่องพลังงานเราไปดูแลหมดนะ ทั้งพลังงานขนส่ง บริการ ที่ยังไม่มีประสิทธิภาพ ต้องได้รับความพอใจจากประชาชน ผมพูดไปแล้วหลายเรื่อง โครงสร้าง ยุทธศาสตร์ นโยบายรัฐ วิธีดำเนินการ ผลประกอบการ การฟื้นฟู การเตรียมการเรื่องการปรับราคา การลงทุนใหม่ ทุกอย่างไม่สามารถสั่งได้ครั้งเดียว ผมพูดมาก็ยังเหนื่อยเลยเนี่ย ถ้าสั่งด้วย ทำด้วย เหนื่อยกว่านี้อีก คนนั่งฟังก็อาจจะ ช้าๆๆ ไม่เห็นมีอะไร ราคาน้ำมันไม่ถูกลงซะที ถ้าชี้แจงอยู่อย่างนี้ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ไปไม่ได้หมดน่ะ ผลผูกพันมากมาย ต้องร่วมแก้ไข ค่อยๆ แก้ไปนะครับ

ภาษีก็เหมือนกัน ตอนนี้บอก เมื่อไรจะปรับภาษี เดี๋ยวปรับมาอย่าบ่นก็แล้วกัน ปรับมามันก็ต้องมีคนได้ คนเสียมาก คนเสียน้อย ผมก็บอกให้เป็นธรรมกับคนที่มีรายได้น้อยแล้วกัน ไปคิดมาก ยังไม่เกิดอะไรทั้งสิ้น เขาแค่คิด เขาแค่เป็นข้อมูลเสนอมา จะทำ ไม่ทำ โน่น ครม. โน่น สปช. โน่น สนช. เอามาตีกันแล้ว มาเขียนกันในสื่อ ในอะไรต่างๆ เหล่านี้ มีวิจารณ์ วิพากษ์วิจารณ์ บางอย่างคุยกันอยู่ในห้อง มันไปได้ยังไง ผมยังไม่รู้เลย บางเรื่องเป็นเรื่องลับ บางเรื่องเป็นเรื่องที่ยังไม่ดำเนินการ บางเรื่องไม่ได้สั่งการ เป็นเรื่องหารือ ออกมาแล้วว่าจะทำโน่นทำนี่ ไป ด่ากลับมาอีก ว่า คสช.ทำอะไรไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจอีก กลายเป็น คสช.ไม่เข้าใจ เหนื่อยใจเหมือนกันนะ บางคนบอก คสช.มีอำนาจล้นฟ้า ทำไมไม่ทำ ยึดมาเลย เป็นของรัฐทั้งหมด อำนาจพิเศษไง ยึดมา ยึดท่อ ยึดทาง ยึดบริษัท ยึดมาเลยเป็นของรัฐทั้งหมด ไปดูใหม่ ว่ามันเป็นของใคร ยังไง และผมไม่ได้เข้าข้างใคร ไปเถียงกันให้จบก่อน ถ้าท่านเถียงกันไม่จบ ผมก็ทำไม่ได้เหมือนกัน

เพราะฉะนั้น ขอความร่วมมือ ความเข้าใจ อย่าเพิ่งไปวิพากษ์วิจารณ์เสียหาย ในเรื่องการประชุม เสวนา วิพากษ์วิจารณ์หลายคณะ ผมไม่ได้ห้ามจนแม้กระดิกไม่ได้ แต่ท่านไปรวมสัมมนาในที่ลับ หรือไปประชุมการเมืองในแนวทางต่อต้าน คสช. ผมว่าไม่ถูก ถ้าจะทำอะไรมาบอกผม ขออนุญาตมา ผมจะพิจารณาให้ บางคนไปประชุม แอบประชุมกันที่โน้น ที่นี่ บอกว่า เดี๋ยวรอ คสช. ขัดขาตัวเองล้มก่อนค่อยมา เตรียมให้พร้อมไว้ก่อน แหม มันน่าเกลียดนะผมว่า ผมไม่อยากปิดกั้นท่าน และบางคนเป็นอดีตข้าราชการ เป็นนักการเมือง นักวิชาการที่เคยมีปัญหาหลายด้านทางกฎหมาย พวกนี้พยายามยุอยู่นั่น ผมไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม ทั้งที่ตัวเองมีคดีความเยอะแยะ แต่ยังไปให้คนเขาเชื่ออีก

ผมพูดอย่างนี้ ท่านไม่เชื่อ ก็ไม่รู้จะทำยังไงนะ ขอความร่วมมือนะครับ จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อบต. อบจ. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ท่านมีความสำคัญที่สุดนะครับ ท่านใกล้ประชาชนที่สุด ผมพูดหลายครั้งแล้ว ช่วยกันนำพาประเทศชาติประชาชน อย่าไปรวมกลุ่มประท้วงอีก คสช. เรื่องนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย ก็วันนี้ มันอะไรกันอยู่ ทำอะไรกันอยู่ มันเตรียมปฏิรูป และใครบอกว่าจะไปยุบ ผมพูดหลายครั้ง ยังไม่เคยคิดเลย โน้นปฏิรูปว่ามา ตำรวจจะแก้ยังไง ปฏิรูปไปแก้มาโครงสร้าง จะให้ผมแก้โครงสร้างทั้งหมด โดย คสช.ฉบับเดียว ผมทำไม่ได้ ผมก็แก้แต่ระเบียบบางอย่างให้มันง่ายขึ้น ให้มันทำขึ้น ให้มันสอดคล้องสถานการณ์ ผมมีแค่นั้นท่านอยากให้แก้ และท่านไม่ปฏิรูป แล้วมันจะทำได้ไหม คสช.ไม่ทำแบบนั้น ไม่ทำให้ เราต้องพูดคุยพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อบต. อบจ. กำนันผู้ใหญ่บ้านคุย พัฒนาตัวเองอย่างไรทั้งความคิด ทั้งแนวทาง ทั้งการทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ท่านต้องสอดคล้องกับภูมิภาค ไม่ใช่ไอ้ภูมิภาคก็จะไปยุบท้องถิ่น แต่ท้องถิ่นจะยุบภูมิภาคอีก และมันก็ไม่ต้องมีอะไรแล้ว ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ท้องถิ่น เขาตั้งไว้สอดคล้องกันอยู่แล้ว บริหารไล่กันมาอยู่แล้ว ถ้าท้องถิ่นมาเล่นกับท้องถิ่นก่อน ก็มีเงินเงินท้องถิ่นไปแล้วไง อบต.ก็เข้าไปสร้างสิว่า ท่านก็ต้องมียุทธศาสตร์ของท่านเหมือนกัน อบต. อบจ.ว่า 1 ปี ปีนี้ท่านต้องการอะไร ต้องการซ่อมโรงเรียน ต้องการซ่อมถนนกี่สายอะไรต่างๆ ถ้าถนนเดิมอะไรของเก่าที่ยังทำไม่เสร็จ ก็ไปทำปีที่ 2 อันไหนที่ต้องสร้างใหม่ทำใหม่ ท่านก็ไปทำปีที่ 3 นี่คืองบประมาณที่ท่านมีอยู่ สถานพยาบาล ตลาดนัด ตลาดกลาง ท่านก็ไปคิด เพื่อจะดูแลประชาชนในพื้นที่มันมีที่ทำกิน ที่อยู่ที่กินเขาไง ท่านก็ใช้งบประมาณที่มีอยู่ ไม่ใช่ไปทำอะไรที่ซ้ำซาก ทำอะไรที่มันไม่เกิดประโยชน์ ขุดแล้ว ขุดอีก ซ่อมแล้วซ่อมอีกอยู่แค่นั้น และไม่มีอะไรใหม่ขึ้นมาเลย มันต้องก็เน่าอยู่แบบเดิม ถ้าเราทำแผนแบบนี้ได้ 1 ปีใช้งบประมาณ ปีหน้าใช้อะไร ปีต่อไปใช้อะไร ท่านมีแผนระยะยาวว่า ใน 5-10 ปี ในตำบลในหมู่บ้าน ท่านใช้เงินของท่านจะเกิดอะไรขึ้น อ้าวท่านนาย พ.ภูมิภาคเขาก็งบประมาณส่วนกลางเข้ามา โปะเข้าไปอีก ในช่องที่มันไม่เกิด หรือต้องการให้เกิดเลย ท่านก็ไปขอภูมิภาค ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด หรือกระทรวง ทบวง กรม เขาก็ได้มาช่วยท่าน ด้วยอันที่ 2 นะ

ท้ายที่ 3 สุดท้ายถ้าท่านไม่เพียงพออีก เดือดร้อนจริง ก็งบกลางรัฐบาล เขาก็เติมเข้าไปอีก เพราะฉะนั้นมี 3 งบด้วยกัน ท่านจะเอาแต่งบท่านอย่างเดียวมันก็ไม่ได้ มันจะเช็กตรวจสอบกันได้อย่างไร ผมไม่ได้หวังจะแก้ไขอะไรทั้งนั้นตอนนี้ ไปว่ามาปฏิรูปท่านอยากจะเปลี่ยน อยากจะยุบ อยากจะเลิก ใครก็ไปว่ากันเถอะ ผมก็ไม่เกี่ยวกับท่าน ใครก็ไม่ว่า ผมก็ไม่เกี่ยวกับท่าน รอผลออกมาปฏิรูปทำได้หรือไม่ การลดอิทธิพลความขัดแย้งในพื้นที่ ฝ่าย อปท. ท้องถิ่นต้องเลิกต้องหยุดให้ได้ทุกอย่างอยู่ในสภาปฏิรูป 11 เรื่อง คสช. ไม่เคยมีธง ทั้ง สนช. สปช. ไม่เคยมีธงให้ไปจะทำอะไรก็ทำมาเถอะ เราจะรักษาสภาพให้ได้ ขับเคลื่อนประเทศไปให้ได้ ท่านไปแก้ไขระยะยาวให้ได้ก็แล้วกัน 1 ปี 4 ปี ของรัฐบาลต่อ ๆ ก็ว่ามา แผนพัฒนาเศรษฐกิจก็ 5 ปี เลือกว่าจะเอากี่ปี เราต้องการให้ทุกคนทุกส่วนใช้ความคิด สติปัญญาของคนไทย ร่วมแก้ปัญหาในทุกมิติ ใช้สมองทุกส่วนให้ได้โดยเร็ว เป็นความหวังของพวกเรา ท่านต้องช่วยเราตรงนี้ เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ การปรับย้ายในกองทัพ นายตำรวจวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดเวลาเสียหาย และเราไม่ตรงก็ไม่เห็นพูดอะไร ขอโทษครับ ขอโทษค่ะ ไม่เห็นมีเลย เรามีหลักการจัดตั้งอยู่แล้ว จะถูกจะผิดจะดีไม่ดี เขาพิจารณากันหลายคน ไม่ใช่ใครจะไปชี้ตรงโน้นตรงนี้ได้ มีระเบียบวินัย เมื่อปรับย้ายไปแล้วก็ต้องนิ่ง เรามีเขาเรียกอะไร.. วินัย ทหารตำรวจเขาต้องมีวินัย เราไม่เคยต้องไปแย่งชิงกัน แย่งชิงตำแหน่ง ผบ. มันแย่งกันไม่ได้หรอก ถ้าแย่งอย่างนั้นเราก็ตาย มันไม่แย่ง มันต้องฟัง สั่งไปแล้ว เซ็นไปแล้ว ประชุมไปแล้ว อนุมัติไปแล้วมันก็จบแค่นั้น ปีหน้าก็มาสู้กันด้วยการทำงานใหม่ ทำงานให้ผู้บังคับบัญชาเห็น ให้นายเห็น เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันต้องมีกติกาทั้งสิ้น อย่าไปเขียนตามความเห็นส่วนตัว ถ้าเป็นตัวเองมั้ง ตั้งอย่างนี้ๆ สิพวกเรา ไม่มี ผมไม่เคยบอก ถ้าผมมีพวกป่านนี้ไม่ได้ ผมไม่ได้ใช้คำว่าพวก ผมใช้คำว่า เป็นครอบครัว เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ทหารคือครอบครัวทหาร ตำรวจคือครอบครัวตำรวจ ก็เป็นสังคมระหว่างครอบครัวทหาร ตำรวจ ก็ต้องมารู้จักกันต้องมาเจอกัน ทำงานด้วยกันไปได้ เป็นเรื่องธรรมดา

เพราะฉะนั้นอย่าไปพูดมากเสียหาย ทุกอย่างมีระเบียบข้อบังคับกฎหมายวินัยต่างๆ เยอะแยะ ขอบคุณนะครับ กว่าจะถึงเวลานี้ผมเหนื่อยมาก พูดก็เหนื่อยนะ ทำก็เหนื่อย ขอบคุณที่ทุกคนกรุณาฟังผม แต่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็ต้องคอยดูกันต่อไป แต่ขออย่างเดียวอย่าเพิ่งมาต่อต้านเรา อย่าเพิ่งอะไรทั้งสิ้น เราก็รู้ทั้งหมด แต่เราจะไปใช้ความรุนแรงอะไรกับท่าน ถ้าหากเคลื่อนไหวมากๆ มันก็น่าเบื่อ ท่านอาจจะไม่เบื่อ แต่ผมเบื่อ เบื่อการบังคับใช้กฎหมายมากๆ มันทำให้สังคมมีปัญหาหมดนะ เป็นเรื่องของท่านต้องพิจารณาใคร่ครวญในความเป็นจริง อย่ามองโลกด้านเดียว ฟังใครข้างเดียว บางอย่างต้องใช้รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ ในการทำงาน

ในการบริหารราชการ แต่ต้องมีหลักธรรมาภิบาลในการแก้ไขปัญหาการเดินหน้าประเทศไทยต่อไป ขอให้ทุกคนร่วมมือเรื่องการปฏิรูปนะครับ ผมไม่ต้องการบังคับใคร ผมชี้แจงเหตุผลให้ฟังกันไปแล้ว หากทุกคนเป็นคนไทย ไม่ว่าจะกลุ่มใดพวกใด ใครจะเข้ามา สมัครเข้ามาทำให้สำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ผมเรียนแล้วว่า เราจะไม่เข้าไปก้าวก่ายในกระบวนการปฏิรูปทั้งสิ้น ถือเป็นเรื่องของคนไทยทุกคนต้องเชื่อกัน ก็คงมีเท่านี้แหละครับ ที่คุยกับพวกเราใช้เวลานานพอสมควร คนฟังก็เหนื่อย คนพูดก็เหนื่อย ผมอาจจะพูดเร็วไปบ้าง ช้าไปบ้าง ส่วนใหญ่จะเร็วกว่านะ พยายามจะฟังให้ทันหน่อยแล้วกัน ไม่เคยเห็นเหรอว่า ผมคิดทั้งหมด และทำให้เร็ว พูดอย่างเร็วเลย ยังไม่ทันจะให้ท่านเลย แต่บางคนไม่ฟังเลย แต่ติอย่างเดียว เลี้ยงมันไว้มันก็เสียสันดานกันหมดนะครับ ขอบคุณพ่อแม่พี่น้องทุก สวัสดีครับ คิดถึงนะครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น