ทีมโฆษก ทบ.เผย หน.คสช.ห่วงราคาสินค้าเกษตร วอนพ่อค้าคนกลางเห็นใจเกษตรกร สั่งผู้ว่าฯ หาแนวทางขายสินค้าโดยตรง ชมวอลเลย์บอลหญิงสร้างความสุข ที่ประชุม คสช.จัดเต็ม 1.6 แสนล้านสร้างโรงไฟฟ้าทดแทน “แม่เมาะ” รื้อระบบไฟฟ้าทั้งระบบ อัพค่าครองชีพชั่วคราวให้ตุลาการศาล ปค.ปรับแก้อัตราภาษีในส่วนของอีโคคาร์
วันนี้ (19 ส.ค.) พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงผลการประชุม คสช.เพื่อการบริหารราชการแผ่นดิน ครั้งที่ 11/2557 ว่า ในระหว่างการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ได้แสดงความเป็นห่วงในเรื่องของราคาสินค้าเกษตร โดยได้ขอความร่วมมือจากพ่อค้าคนกลางให้เห็นใจเกษตรกร และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดหาแนวทางในการขายสินค้าของเกษตรกรโดยตรง ไม่ต้องรอมาตรการของภาครัฐแต่เพียงอย่างเดียว ในส่วนการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ให้ทุกภาคส่วนหาแนวทางเพื่อให้การแก้ดำเนินการได้ผลอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น เพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ รวมทั้งยังแสดงความเป็นห่วงเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราซึ่งราคาตกต่ำลง โดยกำชับให้ช่วยเหลือในเรื่องของการเสริมสินเชื่อแปรรูปและผลิต เพื่อบรรเทาปัญหาของเกษตรกร
พ.อ.วินธัยกล่าวต่อว่า หัวหน้า คสช.ยังได้กำชับให้มีการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการสรรหาสภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยไม่ต้องแบ่งแยก ผู้ที่จะเข้ามาเป็นสมาชิก สปช.ต้องมีคุณสมบัติที่ตรงกับแต่ละด้านที่กำหนดไว้ เพื่อให้มีผลต่อการปฏิรูปประเทศ และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ขอให้ส่วนงานฝ่ายสังคม ได้มีการเตรียมความพร้อมในแง่ของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายสังคม เช่น เรื่องของกฎหมายและโครงสร้างเพื่อเสนอต่อสภาปฏิรูปทันทีที่มีการดำเนินการคัดเลือก สปช.เสร็จสิ้นในเดือน ก.ย.นี้
“พล.อ.ประยุทธ์ได้กำชับถึงความโปร่งใสในการสรรหา สปช. หากพบว่าจังหวัดใดมีการล็อกตัวบุคคล ขอให้แจ้ง คสช.” พ.อ.วินธัย ะบุ
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมศึกษารายละเอียดโครงการพัฒนาโครงข่ายขนส่งคมนาคมทางรถไฟ ที่เชื่อว่าจะสามารถส่งเสริมการลงทุนและเศรษฐกิจของประเทศได้ ขณะเดียวกัน มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรมจัดทำภาพยนตร์เพื่อประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว และส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศ ทั้งยังได้แสดงความชื่นชมและให้กำลังใจนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยที่ทำให้คนไทยมีความสุข
นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษก คสช.แถลงผลการประชุม คสช.ในส่วนของมาตรการส่งเสริมการผลิตรถอีโคคาร์ในไทยว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง ถึงการลดอัตราภาษีสรรพสามิต ฉบับที่ 81 และ 109 เพื่อส่งเสริมการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล หรืออีโคคาร์ ในระยะที่ 2 ซึ่งในประกาศฉบับที่ 81 จะแก้ไขมาตรฐานมลพิษจากยูโร 4 เป็นยูโร 5 อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดร์ออกไซด์ เดิมอยู่ที่ 120 กรัม ต่อกิโลเมตร เป็น 100 กรัมต่อกิโลเมตร อัตราใช้พลังงานเชื้อเพลิง 5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร เป็น 4.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร และกำหนดขนาดเครื่องเบนซิน เป็น 1300 ซีซี ดีเซล เป็น 1500 ซีซี และE85 และB10 ขณะที่ยังคงอัตราภาษีเดิม คือ ร้อยละ 17 สำหรับประกาศฉบับที่ 109 มีเนื้อหาปรับแก้อัตราภาษีในส่วนของอีโคคาร์ เครื่องยนต์ดีเซล จาก 1400 ซีซี เป็น 1500 ซีซี ที่ร้อยละ 14 และ E85 และ B10 อยู่ที่ร้อยละ 12
นพ.ยงยุทธยังได้กล่าวถึงการพิจารณาเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ด้านพลังงานด้วยว่า ที่ประชุมได้อนุมัติงบประมาณเพื่อจัดสร้างโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 4-7 ซึ่งจะปลดการทำงานในวันที่ 31 ธ.ค. 60 โดยเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนวงเงิน 36,811 ล้านบาท เบิกจ่ายงบลงทุน ประจำปีงบประมาณ 2557 วงเงิน 4,059 ล้านบาท ใช้เงินตราต่างประเทศ 26,247 ล้านบาท และเงินบาทไทย 10,564 ล้านบาท แผนการดำเนินการก่อสร้าง 48 เดือน ซึ่งทางหัวหน้า คสช.ให้ไปศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมให้รอบด้านก่อนที่จะเริ่มแผนงาน นอกจากนี้ยังเห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ขยายระบบส่งไฟฟ้าระยะที่ 12 วงเงิน 60,000 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายซื้ออุปกรณ์จากต่างประเทศ 14,500 ล้านบาท และเป็นค่าใช้จ่ายซื้ออุปกรณ์ในประเทศและก่อสร้าง 45,000 ล้านบาท ดำเนินการภายในระยะเวลา 7 ปี 3 เดือน (ม.ค. 56 - มี.ค. 63) ซึ่งจะเป็นการสร้างสายส่งและสถานีไฟฟ้าเพิ่ม รวมไปถึงอนุมัติงบประมาณ 63,200 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงระบบไฟฟ้าภาคตะวันตกและภาคใต้ และเห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกู้เงินสำหรับงานใน 17 โครงการ งบประมาณปี 2557 วงเงิน 8,839 ล้านบาทด้วย
“หัวหน้า คสช.ได้มอบนโยบายเรื่องการไฟฟ้าว่า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ และแก้ไขปัญหาไฟฟ้าตก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ที่เกิดปัญหาขึ้นบ่อยครั้งและสร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชน” นพ.ยงยุทธกล่าว
นพ.ยงยุทธเปิดเผยด้วยว่า คสช.ยังอนุมัติแผนแก้ปัญหาขยะมูลฝอยทั่วประเทศ โดยจะเริ่มนำร่องที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยใช้เทคโนโลยีแปลงขยะมูลฝอยเป็นเชื้อเพลิงก่อนจะขยายไปยังพื้นที่อื่น พร้อมทั้งเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม แก้ไขกฎหมายป้องกันและปราบปรามการค้างาช้าง ตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่า หรือพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ หรือไซเตส ให้แล้วเสร็จในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ก่อนจะรายงานความคืบหน้าให้ที่ประชุมไซเตสรับทราบในปีหน้า
นพ.ยงยุทธ์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุม คสช. มีมติเห็นชอบ แต่งตั้งให้ พล.ต.ฉลองรัตน์ นาคอาทิตย์ เป็นผู้อำนวยการสำนักงานสลากดินแบ่งรัฐบาล ตามที่คณะกรรมการสรรหาได้มีมติเสนอชื่อ ภายหลังจากตำแหน่งดังกล่าวว่างลงหลัง คสช. เข้าควบคุมอำนาจ
ขณะที่ น.ส.ปถมาภรณ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ทีมโฆษก คสช.เปิดเผยว่า ที่ประชุมรับทราบรายงานการสอบบัญชีงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 55 โดยสรุปตัวเลขทั้งหมด กบข.มีทรัพย์สินรวมกว่า 580,000 ล้านบาท หนี้สินกว่า 3,618 ล้านบาท และมีผลกำไรจากการดำเนินงานล่าสุดกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้รับการตรวจสอบความถูกต้องจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นอกจากนี้ คสช.ได้ตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมในการดำเนินงานหลังจากนี้คือ การแสดงผลตอบแทนในแต่ละแผนการลงทุนส่งให้กับสมาชิก เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกแผนการลงทุนต่างๆ และการเตรียมความพร้อมกรณีสมาชิกเลือกใช้สิทธิในร่าง พ.ร.บ.กลับไปใช้ พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 ที่จะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.ต่อไป รวมถึงการให้สิทธิแก่ผู้เกษียณอายุราชการสามารถเข้าถึงข้อมูลในเว็บไซต์ กบข.ได้อย่างสะดวก
น.ส.ปัทมาภรณ์กล่าวด้วยว่า คสช.เห็นชอบกำหนดอัตราเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวให้แก่ตุลาการศาลปกครอง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 55 เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อปรับให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน เนื่องจากไม่มีการปรับมาตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งการปรับจะเทียบเคียงกับอัตราเงินเดือนหรือเงินเดือนประจำตำแหน่ง และเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวของข้าราชการตุลาการ โดยตุลาการศาลปกครองชั้นหนึ่ง ได้แก่ตุลาการศาลปกครองชั้นต้น จะได้เงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว 6,700 บาท ตุลาการปกครองชั้นสอง ได้แก่ตุลาการปกครองชั้นต้นถึงรองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น จะได้เงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว 6,900 บาท ตุลาการปกครองชั้นสาม ได้แก่ ตุลาการศาลปกครองชั้นต้นถึงรองประธานศาลปกครองสูงสุด 7,300 บาท และตุลาการปกครองชั้นที่สี่ ได้แก่ ประธานศาลปกครองสูงสุด 12,500 บาท
ทั้งนี้ คสช.เห็นชอบให้กรมราชทัณฑ์ก่อหนี้ผูกพันเกินวงเงินจำนวนกว่า 890 ล้านบาท รวมถึงอนุมัติงบฯ กลาง เพื่อใช้เป็นค่าอาหารปี 2556-2557 วงเงินกว่า 3,417 ล้านบาท ซึ่งหัวหน้าคสช. ยังสั่งการให้กรมราชทัณฑ์พิจารณาลดจำนวนผู้ต้องขัง รวมทั้งให้หาสถานที่ปลูกพืชเสริมเพื่อใช้ประกอบอาหารให้ผู้ต้องขัง และกระจายสินค้าราชทัณฑ์