xs
xsm
sm
md
lg

ปรับโหมดผ่อนคลายส่งท้ายปี ก่อน “ระทึก” ชี้ชะตา “ยิ่งลักษณ์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
รายงานการเมือง

เลื่อนปมร้อน สำนวนถอดถอน “นารีปู” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีละเลยเพิกเฉยไม่ระงับการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว จนก่อให้เกิดความเสียหาย และสำนวนถอดถอน “ค้อนปลอม” นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา และ “มิสเตอร์ไวรัช” นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มา ส.ว. มิชอบ ออกไปเป็นหลังปีใหม่

วิป สนช. ให้ความเห็น เนื่องจากติดเงื่อนวันหยุดราชการหลายวันในเดือนธันวาคม และทนายความ “นารีปู” ขอเพิ่มพยานหลักฐานเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องลากยาวออกไปหลังฉลองปีใหม่กันเรียบร้อยแล้ว โดยกางปฏิทินชี้ชะตาเอาไว้ 1 เดือน

นั่นหมายความว่า ทั้ง 2 คดี จะรู้ว่า “หมู่” หรือ “จ่า” ภายในปลายเดือนมกราคมปี 2558 หรือเหลื่อมๆ ไปต้นกุมภาพันธ์นิดๆ

ว่ากันตามเหตุผลของวิป สนช. หลังจำยอมเป็นโรคเลื่อน ในมิติทางการเมืองมองได้เหมือนกัน รัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาจส่งสัญญาณให้ลากเอาไปไว้หลังแฮปปี้นิวเยียร์กันเสร็จแล้ว เพื่อให้บรรยากาศในประเทศผ่อนคลาย เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองความสุขอย่างเดียว ไม่ต้องมาเขม็งเกลียวกันลุ่มๆ ดอนๆ เหมือนเมื่อตอนปลายปี 2556 ที่ม็อบนั่งเคานต์ดาวน์กลางถนน

ขณะเดียวกัน ยังจะไม่เป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ หลังสภาวะในประเทศช่วงปลายปีอุ่นๆ รุมๆ ชอบกล โดยเฉพาะปรากฏการณ์ชู 3 นิ้ว โชว์กระตั้วแทงเสือต่อหน้า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ที่จ.ขอนแก่น ซึ่งลุกลามเป็นโดมิโนกันอยู่ขณะนี้

สัญญาณจากรัฐบาลช่วงนี้ค่อนข้างชัดกับเรื่องหลีกเลี่ยงเชื้อไวไฟ หรือสุมไฟเพิ่ม หลังจากเพิ่งเปิดรูระบายให้สังคมหายใจ ด้วยการเปิดเวทีให้นักศึกษาเข้ามาแสดงความคิดเห็น เล่นบทตั้งไฟตั้งแต่ต้นลมไม่ให้ลามทุ่งจนดับยาก หวั่นปัญญาชนเหล่านี้จะดันกงล้อเข้าสู่ยุค 14 ตุลาฯ อีกรอบ

ตามการประเมิน ปัญญาชนเหล่านี้อันตรายกว่านักการเมืองอาชีพเยอะ!!!

นอกจากนี้ “บิ๊กตู่” เอง ยังพยายามแอ็กชั่นบทโหดๆ ออกมาปรามเป็นระยะ โดยเฉพาะวาทกรรมเด็ดจากปาก “นารีปู” ที่บอกโดนจี้ระหว่างขับรถประชาธิปไตย แถมยังมั่นอกมั่นใจราวกับรู้ผลปมถอดถอนล่วงหน้าว่า จะรอดตัว เลยโผล่มาบอกว่า พร้อมจะลงเลือกตั้งในปี 2559 ทั้งที่สนช.เพิ่งจะตั้งไข่นับหนึ่งในคดี

งานนี้ทำเอา “บิ๊กตู่” ควันออกหูเป็นการ้อนเดือดปุดๆ เตือนไม่สนใจอดีตผู้บังคับบัญชาสมัย “นารีปู” ยังเป็น รมว.กลาโหม ไม่ยอมแน่หากเป็นวาทกรรมสร้างความแตกแยก อัปเวลมาตรการไปถึงห้ามออกนอกประเทศ ทั้งที่เป็นครั้งแรกที่อดีตผู้นำหญิงเพิ่งอ้าปาก

หนำซ้ำ ยังตีวัวกระทบคราดไปถึงคนอื่นๆ ใครก็ตามที่ให้สัมภาษณ์แหกกรอบมากๆ ระวังจะโดนมาตรการเดียวกัน ไม่มีเว้นหน้าอินทร์หน้าพรหม

ตามอารมณ์รู้สถานการณ์ภายในที่ชักเริ่มกล้ามีปากมีเสียงกันมากขึ้น ไม่ออกมาตีปี๊บบ้างจะได้ใจ ต้องใช้ยุทธศาสตร์ใหม่ผ่อนหนัก ผ่อนเบา ชั่วโมงไหนดีต้องหย่อน ชั่วโมงเริ่มสะเปะสะปะต้องสวมบทยักษ์ถือกระบอง ออกมาป้องปรามให้กลัวกันบ้าง เหมือนกับครั้งนี้

ว่ากันตามเนื้อผ้าปัจจุบัน สถานการณ์ของรัฐบาลและคสช.เอง ก็ไม่ใช่ว่า จะวิลิศมาหรา จากผลโพลออกมาแม้จะมีฝ่ายหนุนมากกว่าฝ่ายต้าน แต่กระแสความนิยมค่อยๆ ลดลงมาตามลำดับ ผลงานเศรษฐกิจยังไม่เป็นที่ประจักษ์ อยู่ในลักษณะความเลวไม่มี ความดีไม่ปรากฏ โดยรวมยังไม่มีอะไรโดนใจประชาชนแบบชนิดตื่นตาตื่นใจเป็นกระแส

ขณะที่แม่น้ำ 5 สาย โดยเฉพาะสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่หวังเอาไว้ก็เหมือนจะหลงทางกันอยู่ หลังออกมามีแต่ไอเดียกระฉูด แต่ไม่มีรูปธรรมอะไรให้จับต้องได้ จนที่สุด “บิ๊กตู่” ต้องเรียกประชุม บรีฟกันดังๆ อย่าโลกสวย อะไรทำได้ต้องทำก่อน 1 ปี ต้องมีนามธรรมให้เห็น

แล้วก็ไม่ได้พูดแล้วละทิ้ง รัฐบาลยังจี้ให้คลอดผลงานแม่น้ำแต่ละสายกันเนืองๆ หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 25 พ.ย. บี้กันอีกรอบ อะไรทำได้ก่อนให้รีบส่งมาให้รัฐบาล

ตามสภาพบีบรัด เป็นโจทย์บังคับให้ต้องเร่งปั๊มผลงานเต็มสตรีม ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำสายไหน อะไรได้ต้องทำก่อน เพราะรู้อยู่เต็มอกอยู่แล้วว่า “ผลงาน” คือ “ภูมิคุ้มกัน” ชั้นดีให้กับรัฐบาล การไม่มีผลงานเสมือนคนร่างกายอ่อนแอ และตลกร้ายยังเป็นยาชูกำลังชั้นเยี่ยมให้กับกลุ่มต้านรุมออกมาโขยกใส่รัฐบาลได้ง่าย

เห็นได้ชัดจากปฏิกิริยากลุ่มต้านที่เกือบจะลุกลามในช่วงที่ผ่านมา เรื่องของเรื่องก็เพราะตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศ รัฐบาลยังไม่มี “ผลงาน” เชิงประจักษ์ให้เห็น

แต่ถ้ามี “ภูมิคุ้มกัน” กลุ่มต้านเองนั่นแหละที่จะอ่อนแอ และทำได้เพียงปั่นป่วนเท่านั้น เพราะรัฐบาลมีผนังทองแดงกำแพงเหล็กสามชั้นอย่างประชาชนเป็นเกราะคุ้มกันชั้นเลิศ

อย่างไรก็ดี นอกจากจะหลีกเลี่ยงสภาวะตึงเครียด รัฐบาล และ คสช. ยังพยายามสร้างบรรยากาศเองเหมือนกัน ตามคิวแคมเปญของขวัญปีใหม่กำลังไหลทะลักกันเป็นระลอก อย่างล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพิ่งจะอนุมัติเอาใจคนยากรากหญ้ากันกระหน่ำซัมเมอร์เซลส์

ไม่ว่าจะเป็น “กองทุนยุติธรรม” ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเรื่องการประกันตัว การต่อสู้คดี หรือจะเป็นการเพิ่มเบี้ยคนพิการจาก 500 บาท เป็น 800 บาท แล้วเอาใจด้วยการปรับทีโออาร์ให้รถเมล์ล็อตหลังสุด ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างเป็นรถเมล์ชานต่ำรองรับคนพิการแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ จากเดิมแค่ 25 เปอร์เซ็นต์

เรียกว่า เป็นออเดอร์เรียกน้ำย่อย ซึ่งหลังจากนี้จะทยอยออกมาเป็นกระบุงโกย ตามนโยบาย “บิ๊กตู่” ที่ตีเกราะเคาะไม้ไปแล้วว่า ปีใหม่นี้ให้ทุกกระทรวงมอบของขวัญให้กับประชาชน แต่จะไม่มอบเป็นตัวเงิน

แคมเปญที่ต้องจับตา คือ การบริการ การอำนวยความสะดวก และการช่วยเหลือชนชั้นกลาง และชนชั้นรากหญ้า ที่ระยะหลังมักเทกระจาดไปให้ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

บรรยากาศช่วงปีใหม่นี้ จึงน่าจะมีประคองกันให้ประชาชนครื้นเครงที่สุด อย่างน้อยๆ ก็ทำให้ได้เห็นภาพเปรียบเทียบกันชัดๆ ว่า ยุคนี้สงบ และผลร้ายของการมีม็อบอย่างช่วงที่ผ่านมาคืออะไร รีบชูภาพรัฐบาลเข้ามาสางปัญหา

ตามปฏิทิน การเมืองไทยจะกลับมาระทึกกันอีกครั้งก็หลังปีใหม่โน่นเลย!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น