ASTVผู้จัดการรายวัน-"ประยุทธ์"บุกเมืองหมอแคน เจอ "นศ.กลุ่มดาวดิน" ม.ขอนแก่น ลูบคม โดดต้านรัฐประหารซึ่งหน้า ทหาร-ตำรวจรีบล็อกตัวส่งเข้าค่าย ขณะที่นายกฯ แก้เกี้ยวนึกว่ามาเต้นกระตั้วแทงเสือต้อนรับ ระบุคนต้านไม่ใช้อุปสรรค ยันไปเหนือและใต้ต่อ ด้านทนายคดีก่อการร้าย "ขอนแก่นโมเดล" โร่ให้ความช่วยเหลือ "บิ๊กโด่ง" ลั่นนศ.ทำตัวไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ไปป่วนคนตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการเตรียมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง และการดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรม จ.ขอนแก่น และจ.กาฬสินธุ์ เมื่อวานนี้ (19 พ.ย.) ว่า นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะประกอบด้วย พล.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พานิชย์ เดินทางถึงจ.ขอนแก่น เมื่อเวลา 09.45น.
***งดขึ้นป้ายต้อนรับตามคำสั่ง
ทั้งนี้ ทางจังหวัดขอนแก่น ไม่ได้มีการขึ้นป้ายต้อนรับแต่อย่างใด ซึ่งเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีระบุไว้ว่าไม่ต้องการให้ใช้งบประมาณไปกับการขึ้นป้ายต้อนรับ
ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัย พล.ต.ต.กิจจรูญ ศรีวนิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น ยืนยันว่า มีการเตรียมการ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยบูรณาการระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่อาสาป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมการปกครอง และสารวัตรทหาร ในการดูแล ทั้งระหว่างการประชุม และการเดินทางไปในสถานที่ต่างๆ โดยจะมีการตรวจบุคคลเข้าออก ทุกประตูทางเข้า-ออก ลานศาลากลางจังหวัด และจุดสำคัญอย่างละเอียด พร้อมเตรียมเครื่องสแกนวัตถุแปลกปลอมในจุดต่างๆ โดยจัดสถานที่สำหรับให้ประชาชน ยื่นหนังสือร้องเรียนไว้ต่างหาก สำหรับบุคคลที่จะเข้าออกอาคารศาลากลาง จะต้องติดบัตรแสดงตนทุกคน
สำหรับมาตรการการรักษาความปลอดภัยชั้นใกล้ตัวนายกรัฐมนตรีนั้น ได้จัดกำลังทหารจากกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย ส่วนบริเวณรอบนอก ใช้กำลังทหารจากมณฑลทหารบกที่ 23 (มทบ.23) กองพลทหารม้าที่ 3 (พม.3) กรมทหารราบที่ 8 จำนวน 2 กองร้อย บูรณาการ ร่วมกับฝ่ายต่างๆ
***โปรยใบปลิว"อีสานไม่ต้อนรับเผด็จการ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้ามืดวันเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจขอนแก่น พบใบปลิวโจมตีการลงพื้นที่ของนายกฯ โดยมีกลุ่มบุคคล โปรยใบปลิวต่อต้านการลงพื้นที่ของนายกฯ บริเวณถนนศูนย์ราชการ รอบศาลากลาง จ.ขอนแก่น และ ถ.ศรีจันทร์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งใบปลิวเป็นกระดาษขนาด เอ 4 มีข้อความ "อีสาน ไม่ต้อนรับเผด็จการ!!!" ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งเก็บ และเคลียร์พื้นที่ ก่อนที่นายกฯ จะเดินทางมาไปถึง
จากนั้นเวลา 09.50 น. ที่บริเวณศาลากลางจังหวัดขอนแก่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการปล่อยแถวเครื่องจักรกลสาธารณภัย เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ประกอบด้วย รถบรรทุกน้ำ รถสูบส่งน้ำระยะไกล รถขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล และรถผลิตน้ำดื่ม โดยมีนายกำธร ถาวรสถิตย์ ผวจ.ขอนแก่น พล.ต.ต.กิจจรูญ ศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น รวมทั้งประชาชน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิก อบจ. อบต. ให้การต้อนรับประมาณ 700 คน
ทันทีที่พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นบนเวที เพื่อกล่าวเปิดงาน โดยขณะกำลังกล่าวสวัสดี ทักทายผู้ที่มาร่วมงานว่า วันนี้คงได้เห็นตัวจริงกันแล้ว วันนี้ตนพกพาความห่วงใย และนำกำลังใจมาเยอะแยะ เพื่อส่งมอบให้กับพวกเราชาวอีสาน โดยเฉพาะ จ.ขอนแก่น และพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง
***5นักศึกษาวิ่งชู3นิ้วแสดงการต่อต้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ พูดถึงตรงนี้ ปรากฏว่า มีกลุ่มนักศึกษา 5 คน อ้างตัวว่าเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ปะปนอยู่กับผู้ที่มาร่วมงาน ได้ลุกขึ้นวิ่งเข้าไปด้านหน้าเวทีพร้อมถอดเสื้อคลุมสีดำ และโยนไปด้านหน้าเวที เพื่อโชว์ข้อความบนเสื้อยืดสีดำ สกรีนข้อความสีขาว ที่แตกต่างกัน เมื่อยืนเรียงกัน 5 คน เป็นข้อความว่า “ไม่-เอา-รัฐ-ประ-หาร” พร้อมกับชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว ต่อต้านรัฐประหาร ที่กลุ่มต่อต้าน คสช. เคยใช้ในช่วงต้นของการยึดอำนาจ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจที่มารักษาการณ์ได้เข้าไปชาร์จ และพาตัวออกไปจากบริเวณงาน และส่งต่อให้เจ้าหน้าที่พาไปสอบสวนเพิ่มเติมทันที
ทั้งนี้ หนึ่งในนักศึกษา 5 คน กล่าวเพียงสั้นๆว่า "เป็นนักศึกษา ม.ขอนแก่น ต้องการมาแสดงออกทางความคิดเห็น และพวกผมก็เป็นคนที่นี่" ซึ่งจากการตรวจสอบปรากฏว่า กลุ่มนักศึกษาดังกล่าว คือกลุ่ม "ดาวดิน" ซึ่งเป็นกลุ่มนักศึกษาเครือข่ายประชาธิปไตยที่เคยถูกทหารเชิญตัวไปปรับทัศนคติมาแล้วครั้งหนึ่ง
***"บิ๊กตู่"เซ็ง ประท้วงจนไม่ต้องทำอะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ระหว่างที่นักศึกษาออกมาแสดงสัญลักษณ์หน้าเวที ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับตกตะลึง หยุดนิ่ง และมองไปที่กลุ่มนักศึกษาดังกล่าว ก่อนจะหัวเราะในลำคอด้วยสีหน้าเจื่อน พร้อมกล่าวว่า "เนี๊ยะก็มีแบบนี้ ไม่เป็นไร ค่อยๆ พาเขาไป ไม่เป็นอะไรหรอก ไปๆ เดียวเราจะดูแลให้อยู่แล้ว ปัญหาทั้งหมดไม่ค่อยเข้าใจกัน ก็ลำบากนะ มีใครมาประท้วงอีกมั้ยล่ะ มาเร็วๆ จะได้พูดซะทีเดียว ถ้าประท้วงกัน ก็ไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว ไม่เกิดอะไรขึ้น ไม่มีผลอะไรทั้งสิ้น ผมว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจพวกเรานะ เข้าใจว่าวันนี้เราจะทำอะไรกัน"
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ พูดมาถึงช่วงนี้ ก็ได้รับเสียงปรบมือจากผู้ที่มาร่วมงาน จึงได้กล่าวขอบคุณทันที โดยกล่าวว่า "ขอบคุณนะ เขามา เขาก็มีความคิดของเขาอีกแบบ มีความคิดที่แตกต่าง ก็ไม่เป็นไรนะ เดียวก็ต้องไปหาข้อยุติกันให้ได้ วันนี้เราต้องการเข้ามาทำทุกอย่างให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ"
***อ้อนขอให้โอกาสทำงานเพื่อประเทศ
เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ พูดมาถึงตอนนี้ ก็ต้องหยุดพูดลงอีกครั้ง เนื่องจากผู้ที่มาร่วมงานยังส่งเสียงฮือฮา และวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเซ็งแซ่ ไม่ได้สนใจในสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์พูด ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องทักขึ้นว่า "อ้าวตกลงใครจะพูดกันก่อน ฟังกันนิดนึง เดี๋ยวจะได้เข้าใจกัน"
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวต่อว่า เราเป็นทหาร เรามีความรู้สึกว่าต้องดูแลประชาชนทุกคนให้ได้ ทหารไม่ใช่ศัตรูของพวกเรา วันนี้เราทุกคนต้องหันหน้าหากัน วันนี้ผมมาในบทบาทของนายกฯ และรัฐมนตรีที่ร่วมคณะ ต้องการมาดูแลทุกคน ให้มีความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน ผมจึงอยากบอกพวกเราสั้นๆ ว่า เราต้องมองประเทศให้เป็นหนึ่งเดียวให้ได้ ทุกภาค ทุกจังหวัด คือ ประเทศไทย รัฐบาลมีหน้าที่ในการดูแลทุกจังหวัด ทุกพื้นที่ และทุกตารางนิ้วของประเทศ ให้เกิดความเป็นธรรมให้ได้ ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล สิ่งที่เป็นปัญหามาโดยตลอด ขอยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ไปบังคับใครทั้งสิ้น เพียงแต่จะบอกว่า เราควรทำอะไร อย่างไรต่อไป เพียงแต่ต้องมาตกลงกันก่อน ถ้าเราจะขัดแย้งกันอยู่ตลอดไป ไม่รู้จะหาทางร่วมมือกันได้อย่างไร ประเทศชาติ ก็ไปไหนไม่ได้ วันนี้ เราต้องมาแก้ไขภาพใหญ่ของประเทศให้ได้ เพื่อเชื่อมโยงกับเพื่อนบ้านและประชาคมโลก เราอย่ามองประเด็นเล็กๆ น้อยๆ เป็นปัญหาทุกเรื่อง เพราะจะทำให้การขับเคลื่อนประเทศไปไม่ได้
"ผมไม่ใช่คนก้าวร้าวหรือชอบความรุนแรง ก็เห็นตัวตนของผมวันนี้แล้ว และผมก็เจ็บปวดทุกครั้ง เวลาที่ต้องมามีปัญหาอะไรกับพวกท่านทั้งหลาย ซึ่งไม่เคยคิดอะไรทั้งสิ้น วันนี้ผมมาเอาหัวใจเต็มร้อยมา ผมก็คาดหวังว่าจะได้หัวใจของพวกเรากลับไปให้ผมเกินร้อย ให้ผมได้มั้ยครับ"
***ยันมีเวลาจำกัดต้องเร่งแก้ปัญหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายกฯ พูดถึงช่วงนี้ ก็ได้รับเสียงปรบมือ จึงพูดต่อว่า วันนี้ไม่มีเวลาที่จะมาต่อสู้กับใครได้อีกแล้ว เพราะเวลามีจำกัด ใครมีปัญหาอะไรก็ให้ส่งเรื่องมาได้ พร้อมรับแก้ทั้งหมด เท่าที่ทราบ วันนี้ก็มี 10 กว่ากลุ่ม เดี๋ยวเจ้าหน้าที่ก็รับมา แล้วส่งต่อให้กรรมการพิจารณาว่า จะแก้อย่างไร ทุกอย่างเราต้องแก้ เพียงแต่บางเรื่องต้องใช้เวลา อย่างเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ก็น่าจะส่งไปยังศูนย์ดำรงธรรม ถ้ามาอย่างนี้ มันไม่ได้ประโยชน์
"เมื่อกี้ผมนึกว่า มีการเอาการแสดงมารับผม จริงๆ นะ เพราะปกติ จะต้องมีการแสดง ไอ้นี่มาใหม่เว้ย ทำไมมันใส่ชุดดำ นึกว่ามาเต้นกระตั้วแทงเสือ นึกว่าพี่น้องมาแสดงกัน ไม่เป็นไร ไม่โกรธแค้นกัน พี่น้องทั้งนั้น คนไทยทั้งสิ้น คนไทยไม่รักคนไทยด้วยกัน แล้วใครจะมารักเรา ถ้าเราไม่ร่วมมือกัน แล้วใครจะมาทำให้เรา ถ้ารัฐบาลไม่ช่วย และดูแลประชาชน ใครจะดู ขอฝากไปยังพี่น้อง ซึ่งไม่ได้มาด้วย ขอให้กำลังใจกับข้าราชการที่ทำงาน อะไรที่เป็นเรื่องการทุจริต คอร์รัปชัน ก็ขอให้เลิก ใครจะมาอ้าง ผมเรื่องผลประโยชน์ ยืนยันว่า ไม่มี ผมไม่ต้องการผลประโยชน์ สลึงเดียวก็ไมเอา เพราะฉะนั้นอย่าให้เกิดปัญหาในพื้นที่เด็ดขาด มีอะไรให้สื่อสาร หันหน้าเข้าหากัน อย่าหงุดหงิดหรือโมโห เรื่องประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญ เดียวค่อยว่ากัน ขณะนี้ทุกอย่างกำลังเดินหน้า รัฐบาลก็เข้ามาแก้ปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชน ที่ผ่านมาผมพูดเยอะมาก พูดทุกวัน จนเหนื่อย เพราะอยากให้ทุกคนรู้ว่า ตั้งใจ ไม่อยากไปทะเลาะเบาะแว้งกัน ใคร วันนี้ที่มา มีกำลังใจเต็มร้อย แต่พอมาเจอเต้นกันนิดหน่อย เลยขึ้นเป็น ร้อยห้าสิบ เข้าใจดี เพราะไม่มีใครทำให้คนรักได้ร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว แต่พยายามทำให้คนพอใจมากที่สุด โดยไม่เสียประโยชน์ส่วนร่วมของคนทั้งประเทศ ผมยืนยันว่า ผมเป็นคนจริงใจ ไม่พูดโกหก รักพี่น้องทุกคน เราต้องไว้วางใจซึ่งกันและกัน และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน อย่าบั่นทอน มีอะไรขอให้เสนอแนะเข้ามา ให้เวลาบ้าง"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
***ร่วมรับฟังปัญหา-แนวทางรับมือภัยแล้ง
จากนั้น เวลา 10.30 น. ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดขอนแก่น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นประธานประชุมผู้ว่าราชการ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 20 จังหวัด เพื่อติดตามการปฏิบัติงานตามนโยบายรัฐบาล และเตรียมการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ภัยแล้ง พร้อมรับฟังการดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรม โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
ทั้งนี้ นายกฯ กล่าวก่อนการประชุมติดตามปัญหาภัยแล้งว่า พื้นที่ไหนมีปัญหามาก จะลงพื้นที่นั้นก่อน รัฐบาลมีความยินดีและ เต็มใจที่จะดูแลชาวอีสาน 20 จังหวัด
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวรายงานการคาดการณ์ภัยแล้ง และการเตรียมรับสถานการณ์ว่า กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย ได้เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ภัยแล้งไว้ 3 เรื่อง คือ
1.ตรวจสอบและชี้เป้าหมายหมู่บ้านที่จะประสบภัยแล้งและมีความรุนแรง ซึ่งจากการตรวจสอบคาดว่า มีหมู่บ้านประสบปัญหาภัยแล้ง ประมาณ 9,535 หมู่บ้าน คิดเป็น 12.72% โดยมีตัวชี้วัดคือปริมาณน้ำฝนสะสมเฉลี่ย ปี 2557 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 30 ปี
2.เตรียมความพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านต่างๆ เช่น เตรียมบุคลากร เครื่องจักรกล เครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติงาน สำรวจภารชนะรองรับน้ำ และจุดจ่ายน้ำกลางประจำหมู่บ้านพร้อมทำแผนแจกจ่าย รวมถึงสำรวจระบบประปาและมีการซ่อมบำรุงแก้ไข ตลอดจนการขุดลอกคูคลอง และกำจัดผักตบชวา
3.ชี้แจงสร้างความเข้าใจในข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแก่ประชาชน ให้ปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมให้ความเชื่อมั่นประชาชนต่อการดำเนินการเตรียมการและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง
นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า การวางแผนจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2557/2558 คาดว่าเมื่อสิ้นสุดฤดูฝนประมาณปลายเดือนพ.ย.-ธ.ค.2557 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอ่างเก็บน้ำน้อย 7 แห่ง และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางมีน้ำพอใช้และน้ำน้อยรวม 71 แห่ง ซึ่งไม่สามารถช่วยเหลือการเพาะปลูกในช่วงฤดูแล้งได้ แต่ยังสามารถสนับสนุนการใช้น้ำในกิจกรรมหลัก ใช้ในการอุปโภคบริโภคได้อย่างเพียงพอ
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กล่าวว่า สถานการณ์ภัยแล้งจะเริ่มขึ้นในเดือนม.ค.2558 ทำให้พื้นที่เพาะปลูกนอกเขตชลประทานประสบปัญหาอย่างมาก โดยที่ผ่านมา กรมทรัพยากรน้ำได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า คือ การสูบน้ำเติมแหล่งน้ำต้นทุน สำหรับผลิตประปาหมู่บ้าน นำน้ำสะอาดแจกจ่ายประชาชน จ้างงานแก่เกษตรกรในท้องถิ่นที่ไม่สามารถเพาะปลูกได้ให้มาขุดลอกคลอง เป็นต้น
นายปราณีต ร้อยบาง อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวว่า การขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลมุ่งเน้นเพื่อน้ำอุปโภคบริโภคเป็นหลัก โดยในปี 2558 จะดำเนินการให้ครอบคลุมจังหวัดที่คาดว่าจะเกิดภัยแล้ง จำนวน 31 จังหวัด จำนวน 9,535 หมู่บ้าน โดยจะดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร ในพื้นที่ประสบภัยแล้ง จำนวน 639 แห่ง เพื่อใช้อุปโภคบริโภคในหมู่บ้านที่ขาดแคลนน้ำ จำนวน 305 แห่ง น้ำสะอาดในโรงเรียน จำนวน 323 แห่ง ซึ่งทั้งหมดจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนธ.ค.นี้
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดว่า ปัญหาความจำเป็นเร่งด่วนของจังหวัดกาฬสินธุ์ที่ร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด 3 อันดับแรก คือ 1.การบุกรุกทรัพยากรป่าไม้ 2.การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ขาดที่ดินทำกินเป็นของตนเอง และ 3.หนี้สินนอกระบบ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไข
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของการชี้แจง นายวิบูลย์ กล่าวว่า การดำเนินการของศูนย์ดังกล่าว เริ่มต้นด้วยรอยยิ้มของผู้จัดตั้ง และหวังให้จบลงด้วยรอยยิ้มของประชาชน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมว่า ปลัดมีคำหวานตลอด และกล่าวด้วยว่า อยากเห็นรอยยิ้มของประชาชนมาก่อน ไม่เช่นนั้นตนเองก็คงจะยิ้มไม่ออก ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวหยอกล้อ ปลัดกระทรวงมหาดไทยด้วยว่า จากการรายงานดังกล่าว หากตัดสินใจอย่างรวดเร็ว อาจต้องยุบกระทรวงมหาดไทยทิ้งทันที
***ตรวจโครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำ
ต่อมาเวลา 14.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองใหญ่ ต.น้ำอ้อม อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำภาค 4 ดำเนินการขุดลอกให้ประชาชนได้ใช้น้ำ เพราะที่ผ่านมา แหล่งน้ำนี้มีสภาพตื้นเขิน และไม่เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับข้าราชการและประชาชนที่มาต้อนรับว่า วันนี้เราไม่ได้มาทำกิจกรรมอย่างอื่น นอกจากมาดูแลประชาชนที่อาศัยบริเวณนี้ ส่วนที่มาภาคอีสานก่อน ไม่ใช่ด้วยเหตุผลทางการเมือง มาเพราะประชาชนมีปัญหาเดือดร้อนมากกว่าที่อื่น และมีประชากรเยอะกว่า มีน้ำแล้งเยอะกว่า ก็ต้องมาเยี่ยมก็เท่านั้น
***ไม่ตกใจเจอกลุ่มต้านยันไปเหนือ-ใต้ต่อ
ต่อมานายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ลงพื้นที่อีสานครั้งแรก มีความสุข ได้มาเห็นแววตาของประชาชนในพื้นที่ เป็นการแสดงความจริงใจซึ่งกันและกันให้เห็นว่า ตนมีความจริงใจแค่ไหน และวันนี้ได้รับฟังปัญหาหลายปัญหา ซึ่งคิดว่าแก้ได้ไม่ยาก ส่วนกรณีความคิดเห็นทางการเมืองไม่ตรงกัน ก็ต้องเร่งสร้างความเข้าใจ คนเราเห็นต่างได้ แต่ไม่ท้อ
เมื่อถามว่า ถ้าไปภาคเหนือก็ไม่หวั่นที่จะเจอลักษณะแบบนี้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทำไมล่ะ แล้วตนจะต้องไปรบอะไรกับเขา ตนไม่รบกับเขาหรอก
เมื่อถามว่า ลงพื้นที่อีสานแล้วจะไปไหนอีกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มีกำหนดการแน่นอน แต่เดือนหน้าก็ต้องหาที่ไป เพราะกลุ่มเห็นต่างไม่ใช่อุปสรรคในการลงพื้นที่ เขาเป็นคนไทย ฉะนั้นคนไทยก็ต้องเข้าใจ ตนเป็นผู้บริหาร เป็นผู้ใช้อำนาจ ใช้กฎหมาย ก็ต้องอดทนฟังเขา อย่าใช้ความรุนแรงก็แล้วกัน คนที่มาแสดงอะไรให้ตนดู ตนก็ไม่ใช้อะไรรุนแรง แม้แต่พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็จะหาโอกาสลงไป
***ไก่ย่างเขาสวนกวางขึ้นโต๊ะรับนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภารกิจในการลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น และ จ.กาฬสินธุ์ ของนายกฯและคณะในครั้งนี้ ทาง จ.ขอนแก่น ในฐานะเจ้าภาพ ได้ใช้บริการโรงแรมเจริญธานีขอนแก่น เป็นผู้จัดเตรียมสถานที่ อาหารว่าง และอาหารกลางวัน ให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุม รวมไปถึงผู้ติดตาม ใช้งบประมาณในส่วนนี้ทั้งสิ้น 118,100 บาท
สำหรับรายการอาหาร ได้มีการจัดเตรียมไว้ 2 ส่วน คือ สำหรับบุคคลระดับสูง (VIP) ให้แก่คณะของนายกฯ จำนวน 80 หัว มีรายการอาหารประกอบไปด้วย ไก่ย่างเขาสวนกวาง ปลาส้ม (ร้านประไพ) ออเดิร์ฟอีสาน (ไส้กรอกอีสาน/หมูแดดเดียว/ยำหมูยอ) ต้มแซ่บซี่โครงหมู แกงอ่อมเนื้อสมุนไพร ส้มตำไทย-ลาว ปลาเนื้ออ่อนนึ่งแจ่ว เสือร้องไห้ พร้อมด้วยผลไม้รวมและไอศครีม
อีกส่วนหนึ่งเป็นอาหารที่เตรียมไว้สำหรับผู้ติดตามและสื่อมวลชน มีรายการอาหารประกอบไปด้วย น้ำพริกลงเรือ ปลาผัดคื่นช่าย ต้มแซบซี่โครงหมูอีสาน ไก่ทอดสมุนไพร ผลไม้รวม และยังมีในส่วนของอาหารว่าง เป็นชุดชากาแฟ น้ำผลไม้ และขนม โดยมีหมายเหตุสำหรับชุดกาแฟของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า เป็นกาแฟดำ กับน้ำตาล Equalด้วย
**ทนาย"ขอนแก่นโมเดล"ช่วย5นศ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง 5 นักศึกษา ม.ขอนแก่น ในนามกลุ่มดาวดิน ไปป่วนต้านนายกรัฐมนตรี ถึงด้านหน้าโพเดียมระหว่างแสดงปาฐกถางานสู้ภัยแล้ง ที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น และถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวออกจากงานนั้น ต่อมานักศึกษาทั้ง 5 คน ถูกนำตัวไปควบคุมต่อ ที่เรือนรับรองค่ายศรีพัชรินทร์ มณฑลทหารบกที่ 23 จ. ขอนแก่น โดยทั้ง 5 คน ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประกอบด้วย 1.นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา 2.นายวสันต์ เสตสิทธิ์ 3.นายเจตษฤษดิ์ นามโคตร 4.นายพายุ บุญโสภณ และ 5.นายวิชชากร อนุชน
ทั้งนี้ ในช่วงบ่าย นายวัจน์คมกริช ศรีวะรมย์ ทนายความของ กลุ่มผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย “ขอนแก่นโมเดล” ได้เดินทางไปพบ เพื่อให้คำปรึกษานักศึกษาทั้ง 5 คนด้วย
**"อุดมเดช"ลั่นไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มนักศึกษา แสดงสัญญลักษณ์ต่อต้าน ไม่เอารัฐประหาร ต่อหน้านายกฯ ที่หน้าเวทีงาน"คืนความสุขให้คนไทย รวมใจสู้ภัยแล้ง" ที่จ.ขอนแก่น ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เพราะว่าผู้นำรัฐบาลมีความห่วงใยประชาชน และลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมพี่น้องประชาชน แต่มีคนบางกลุ่มแอบแฝงเข้ามากับประชาชนที่มาแสดงสิ่งที่ดีเพื่อต้อนรับนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ไม่สมกับที่ทางรัฐบาลตั้งใจทำงาน หากกลุ่มบุคคล มีความคิดที่ต้องการแสดงออก เราก็มีเวทีให้เข้าไปชี้แจง และพูดคุย หรือสามารถส่งข้อมูลต่างๆเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นงานด้านปฏิรูป ที่มีสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เกิดขึ้นแล้ว และพร้อมรับฟังทุกภาคส่วนต่างๆ ซึ่งการแสดงออกที่ออกมานั้น ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และไม่สมควรที่จะกระทำ
เมื่อถามว่า จะมีการเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีมากกว่านี้ หรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ได้เน้นย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ในส่วนของทางทหารได้เน้นย้ำ พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง แม่ทัพภาคที่ 2 แล้ว ให้ดูแลให้เกิดความเรียบร้อย เหตุการณ์สามารถเกิดขึ้นมาได้ แต่ไม่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยังได้รับความนิยมจากประชาชนโดยรวม ดูได้จากการสำรวจโพลของสำนักต่างๆ เรามั่นใจว่า จากโพลที่สำรวจมา เราได้รับความร่วมมือ และความเห็นชอบต่างๆ มาด้วยดีตามลำดับ เพราะฉะนั้นการรักษาความปลอดภัย ก็ไม่มีปัญหาอะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการเตรียมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง และการดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรม จ.ขอนแก่น และจ.กาฬสินธุ์ เมื่อวานนี้ (19 พ.ย.) ว่า นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะประกอบด้วย พล.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พานิชย์ เดินทางถึงจ.ขอนแก่น เมื่อเวลา 09.45น.
***งดขึ้นป้ายต้อนรับตามคำสั่ง
ทั้งนี้ ทางจังหวัดขอนแก่น ไม่ได้มีการขึ้นป้ายต้อนรับแต่อย่างใด ซึ่งเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีระบุไว้ว่าไม่ต้องการให้ใช้งบประมาณไปกับการขึ้นป้ายต้อนรับ
ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัย พล.ต.ต.กิจจรูญ ศรีวนิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น ยืนยันว่า มีการเตรียมการ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยบูรณาการระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่อาสาป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมการปกครอง และสารวัตรทหาร ในการดูแล ทั้งระหว่างการประชุม และการเดินทางไปในสถานที่ต่างๆ โดยจะมีการตรวจบุคคลเข้าออก ทุกประตูทางเข้า-ออก ลานศาลากลางจังหวัด และจุดสำคัญอย่างละเอียด พร้อมเตรียมเครื่องสแกนวัตถุแปลกปลอมในจุดต่างๆ โดยจัดสถานที่สำหรับให้ประชาชน ยื่นหนังสือร้องเรียนไว้ต่างหาก สำหรับบุคคลที่จะเข้าออกอาคารศาลากลาง จะต้องติดบัตรแสดงตนทุกคน
สำหรับมาตรการการรักษาความปลอดภัยชั้นใกล้ตัวนายกรัฐมนตรีนั้น ได้จัดกำลังทหารจากกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย ส่วนบริเวณรอบนอก ใช้กำลังทหารจากมณฑลทหารบกที่ 23 (มทบ.23) กองพลทหารม้าที่ 3 (พม.3) กรมทหารราบที่ 8 จำนวน 2 กองร้อย บูรณาการ ร่วมกับฝ่ายต่างๆ
***โปรยใบปลิว"อีสานไม่ต้อนรับเผด็จการ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้ามืดวันเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจขอนแก่น พบใบปลิวโจมตีการลงพื้นที่ของนายกฯ โดยมีกลุ่มบุคคล โปรยใบปลิวต่อต้านการลงพื้นที่ของนายกฯ บริเวณถนนศูนย์ราชการ รอบศาลากลาง จ.ขอนแก่น และ ถ.ศรีจันทร์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งใบปลิวเป็นกระดาษขนาด เอ 4 มีข้อความ "อีสาน ไม่ต้อนรับเผด็จการ!!!" ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งเก็บ และเคลียร์พื้นที่ ก่อนที่นายกฯ จะเดินทางมาไปถึง
จากนั้นเวลา 09.50 น. ที่บริเวณศาลากลางจังหวัดขอนแก่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการปล่อยแถวเครื่องจักรกลสาธารณภัย เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ประกอบด้วย รถบรรทุกน้ำ รถสูบส่งน้ำระยะไกล รถขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล และรถผลิตน้ำดื่ม โดยมีนายกำธร ถาวรสถิตย์ ผวจ.ขอนแก่น พล.ต.ต.กิจจรูญ ศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น รวมทั้งประชาชน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิก อบจ. อบต. ให้การต้อนรับประมาณ 700 คน
ทันทีที่พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นบนเวที เพื่อกล่าวเปิดงาน โดยขณะกำลังกล่าวสวัสดี ทักทายผู้ที่มาร่วมงานว่า วันนี้คงได้เห็นตัวจริงกันแล้ว วันนี้ตนพกพาความห่วงใย และนำกำลังใจมาเยอะแยะ เพื่อส่งมอบให้กับพวกเราชาวอีสาน โดยเฉพาะ จ.ขอนแก่น และพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง
***5นักศึกษาวิ่งชู3นิ้วแสดงการต่อต้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ พูดถึงตรงนี้ ปรากฏว่า มีกลุ่มนักศึกษา 5 คน อ้างตัวว่าเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ปะปนอยู่กับผู้ที่มาร่วมงาน ได้ลุกขึ้นวิ่งเข้าไปด้านหน้าเวทีพร้อมถอดเสื้อคลุมสีดำ และโยนไปด้านหน้าเวที เพื่อโชว์ข้อความบนเสื้อยืดสีดำ สกรีนข้อความสีขาว ที่แตกต่างกัน เมื่อยืนเรียงกัน 5 คน เป็นข้อความว่า “ไม่-เอา-รัฐ-ประ-หาร” พร้อมกับชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว ต่อต้านรัฐประหาร ที่กลุ่มต่อต้าน คสช. เคยใช้ในช่วงต้นของการยึดอำนาจ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจที่มารักษาการณ์ได้เข้าไปชาร์จ และพาตัวออกไปจากบริเวณงาน และส่งต่อให้เจ้าหน้าที่พาไปสอบสวนเพิ่มเติมทันที
ทั้งนี้ หนึ่งในนักศึกษา 5 คน กล่าวเพียงสั้นๆว่า "เป็นนักศึกษา ม.ขอนแก่น ต้องการมาแสดงออกทางความคิดเห็น และพวกผมก็เป็นคนที่นี่" ซึ่งจากการตรวจสอบปรากฏว่า กลุ่มนักศึกษาดังกล่าว คือกลุ่ม "ดาวดิน" ซึ่งเป็นกลุ่มนักศึกษาเครือข่ายประชาธิปไตยที่เคยถูกทหารเชิญตัวไปปรับทัศนคติมาแล้วครั้งหนึ่ง
***"บิ๊กตู่"เซ็ง ประท้วงจนไม่ต้องทำอะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ระหว่างที่นักศึกษาออกมาแสดงสัญลักษณ์หน้าเวที ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับตกตะลึง หยุดนิ่ง และมองไปที่กลุ่มนักศึกษาดังกล่าว ก่อนจะหัวเราะในลำคอด้วยสีหน้าเจื่อน พร้อมกล่าวว่า "เนี๊ยะก็มีแบบนี้ ไม่เป็นไร ค่อยๆ พาเขาไป ไม่เป็นอะไรหรอก ไปๆ เดียวเราจะดูแลให้อยู่แล้ว ปัญหาทั้งหมดไม่ค่อยเข้าใจกัน ก็ลำบากนะ มีใครมาประท้วงอีกมั้ยล่ะ มาเร็วๆ จะได้พูดซะทีเดียว ถ้าประท้วงกัน ก็ไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว ไม่เกิดอะไรขึ้น ไม่มีผลอะไรทั้งสิ้น ผมว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจพวกเรานะ เข้าใจว่าวันนี้เราจะทำอะไรกัน"
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ พูดมาถึงช่วงนี้ ก็ได้รับเสียงปรบมือจากผู้ที่มาร่วมงาน จึงได้กล่าวขอบคุณทันที โดยกล่าวว่า "ขอบคุณนะ เขามา เขาก็มีความคิดของเขาอีกแบบ มีความคิดที่แตกต่าง ก็ไม่เป็นไรนะ เดียวก็ต้องไปหาข้อยุติกันให้ได้ วันนี้เราต้องการเข้ามาทำทุกอย่างให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ"
***อ้อนขอให้โอกาสทำงานเพื่อประเทศ
เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ พูดมาถึงตอนนี้ ก็ต้องหยุดพูดลงอีกครั้ง เนื่องจากผู้ที่มาร่วมงานยังส่งเสียงฮือฮา และวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเซ็งแซ่ ไม่ได้สนใจในสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์พูด ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องทักขึ้นว่า "อ้าวตกลงใครจะพูดกันก่อน ฟังกันนิดนึง เดี๋ยวจะได้เข้าใจกัน"
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวต่อว่า เราเป็นทหาร เรามีความรู้สึกว่าต้องดูแลประชาชนทุกคนให้ได้ ทหารไม่ใช่ศัตรูของพวกเรา วันนี้เราทุกคนต้องหันหน้าหากัน วันนี้ผมมาในบทบาทของนายกฯ และรัฐมนตรีที่ร่วมคณะ ต้องการมาดูแลทุกคน ให้มีความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน ผมจึงอยากบอกพวกเราสั้นๆ ว่า เราต้องมองประเทศให้เป็นหนึ่งเดียวให้ได้ ทุกภาค ทุกจังหวัด คือ ประเทศไทย รัฐบาลมีหน้าที่ในการดูแลทุกจังหวัด ทุกพื้นที่ และทุกตารางนิ้วของประเทศ ให้เกิดความเป็นธรรมให้ได้ ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล สิ่งที่เป็นปัญหามาโดยตลอด ขอยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ไปบังคับใครทั้งสิ้น เพียงแต่จะบอกว่า เราควรทำอะไร อย่างไรต่อไป เพียงแต่ต้องมาตกลงกันก่อน ถ้าเราจะขัดแย้งกันอยู่ตลอดไป ไม่รู้จะหาทางร่วมมือกันได้อย่างไร ประเทศชาติ ก็ไปไหนไม่ได้ วันนี้ เราต้องมาแก้ไขภาพใหญ่ของประเทศให้ได้ เพื่อเชื่อมโยงกับเพื่อนบ้านและประชาคมโลก เราอย่ามองประเด็นเล็กๆ น้อยๆ เป็นปัญหาทุกเรื่อง เพราะจะทำให้การขับเคลื่อนประเทศไปไม่ได้
"ผมไม่ใช่คนก้าวร้าวหรือชอบความรุนแรง ก็เห็นตัวตนของผมวันนี้แล้ว และผมก็เจ็บปวดทุกครั้ง เวลาที่ต้องมามีปัญหาอะไรกับพวกท่านทั้งหลาย ซึ่งไม่เคยคิดอะไรทั้งสิ้น วันนี้ผมมาเอาหัวใจเต็มร้อยมา ผมก็คาดหวังว่าจะได้หัวใจของพวกเรากลับไปให้ผมเกินร้อย ให้ผมได้มั้ยครับ"
***ยันมีเวลาจำกัดต้องเร่งแก้ปัญหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายกฯ พูดถึงช่วงนี้ ก็ได้รับเสียงปรบมือ จึงพูดต่อว่า วันนี้ไม่มีเวลาที่จะมาต่อสู้กับใครได้อีกแล้ว เพราะเวลามีจำกัด ใครมีปัญหาอะไรก็ให้ส่งเรื่องมาได้ พร้อมรับแก้ทั้งหมด เท่าที่ทราบ วันนี้ก็มี 10 กว่ากลุ่ม เดี๋ยวเจ้าหน้าที่ก็รับมา แล้วส่งต่อให้กรรมการพิจารณาว่า จะแก้อย่างไร ทุกอย่างเราต้องแก้ เพียงแต่บางเรื่องต้องใช้เวลา อย่างเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ก็น่าจะส่งไปยังศูนย์ดำรงธรรม ถ้ามาอย่างนี้ มันไม่ได้ประโยชน์
"เมื่อกี้ผมนึกว่า มีการเอาการแสดงมารับผม จริงๆ นะ เพราะปกติ จะต้องมีการแสดง ไอ้นี่มาใหม่เว้ย ทำไมมันใส่ชุดดำ นึกว่ามาเต้นกระตั้วแทงเสือ นึกว่าพี่น้องมาแสดงกัน ไม่เป็นไร ไม่โกรธแค้นกัน พี่น้องทั้งนั้น คนไทยทั้งสิ้น คนไทยไม่รักคนไทยด้วยกัน แล้วใครจะมารักเรา ถ้าเราไม่ร่วมมือกัน แล้วใครจะมาทำให้เรา ถ้ารัฐบาลไม่ช่วย และดูแลประชาชน ใครจะดู ขอฝากไปยังพี่น้อง ซึ่งไม่ได้มาด้วย ขอให้กำลังใจกับข้าราชการที่ทำงาน อะไรที่เป็นเรื่องการทุจริต คอร์รัปชัน ก็ขอให้เลิก ใครจะมาอ้าง ผมเรื่องผลประโยชน์ ยืนยันว่า ไม่มี ผมไม่ต้องการผลประโยชน์ สลึงเดียวก็ไมเอา เพราะฉะนั้นอย่าให้เกิดปัญหาในพื้นที่เด็ดขาด มีอะไรให้สื่อสาร หันหน้าเข้าหากัน อย่าหงุดหงิดหรือโมโห เรื่องประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญ เดียวค่อยว่ากัน ขณะนี้ทุกอย่างกำลังเดินหน้า รัฐบาลก็เข้ามาแก้ปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชน ที่ผ่านมาผมพูดเยอะมาก พูดทุกวัน จนเหนื่อย เพราะอยากให้ทุกคนรู้ว่า ตั้งใจ ไม่อยากไปทะเลาะเบาะแว้งกัน ใคร วันนี้ที่มา มีกำลังใจเต็มร้อย แต่พอมาเจอเต้นกันนิดหน่อย เลยขึ้นเป็น ร้อยห้าสิบ เข้าใจดี เพราะไม่มีใครทำให้คนรักได้ร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว แต่พยายามทำให้คนพอใจมากที่สุด โดยไม่เสียประโยชน์ส่วนร่วมของคนทั้งประเทศ ผมยืนยันว่า ผมเป็นคนจริงใจ ไม่พูดโกหก รักพี่น้องทุกคน เราต้องไว้วางใจซึ่งกันและกัน และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน อย่าบั่นทอน มีอะไรขอให้เสนอแนะเข้ามา ให้เวลาบ้าง"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
***ร่วมรับฟังปัญหา-แนวทางรับมือภัยแล้ง
จากนั้น เวลา 10.30 น. ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดขอนแก่น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นประธานประชุมผู้ว่าราชการ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 20 จังหวัด เพื่อติดตามการปฏิบัติงานตามนโยบายรัฐบาล และเตรียมการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ภัยแล้ง พร้อมรับฟังการดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรม โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
ทั้งนี้ นายกฯ กล่าวก่อนการประชุมติดตามปัญหาภัยแล้งว่า พื้นที่ไหนมีปัญหามาก จะลงพื้นที่นั้นก่อน รัฐบาลมีความยินดีและ เต็มใจที่จะดูแลชาวอีสาน 20 จังหวัด
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวรายงานการคาดการณ์ภัยแล้ง และการเตรียมรับสถานการณ์ว่า กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย ได้เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ภัยแล้งไว้ 3 เรื่อง คือ
1.ตรวจสอบและชี้เป้าหมายหมู่บ้านที่จะประสบภัยแล้งและมีความรุนแรง ซึ่งจากการตรวจสอบคาดว่า มีหมู่บ้านประสบปัญหาภัยแล้ง ประมาณ 9,535 หมู่บ้าน คิดเป็น 12.72% โดยมีตัวชี้วัดคือปริมาณน้ำฝนสะสมเฉลี่ย ปี 2557 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 30 ปี
2.เตรียมความพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านต่างๆ เช่น เตรียมบุคลากร เครื่องจักรกล เครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติงาน สำรวจภารชนะรองรับน้ำ และจุดจ่ายน้ำกลางประจำหมู่บ้านพร้อมทำแผนแจกจ่าย รวมถึงสำรวจระบบประปาและมีการซ่อมบำรุงแก้ไข ตลอดจนการขุดลอกคูคลอง และกำจัดผักตบชวา
3.ชี้แจงสร้างความเข้าใจในข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแก่ประชาชน ให้ปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมให้ความเชื่อมั่นประชาชนต่อการดำเนินการเตรียมการและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง
นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า การวางแผนจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2557/2558 คาดว่าเมื่อสิ้นสุดฤดูฝนประมาณปลายเดือนพ.ย.-ธ.ค.2557 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอ่างเก็บน้ำน้อย 7 แห่ง และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางมีน้ำพอใช้และน้ำน้อยรวม 71 แห่ง ซึ่งไม่สามารถช่วยเหลือการเพาะปลูกในช่วงฤดูแล้งได้ แต่ยังสามารถสนับสนุนการใช้น้ำในกิจกรรมหลัก ใช้ในการอุปโภคบริโภคได้อย่างเพียงพอ
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กล่าวว่า สถานการณ์ภัยแล้งจะเริ่มขึ้นในเดือนม.ค.2558 ทำให้พื้นที่เพาะปลูกนอกเขตชลประทานประสบปัญหาอย่างมาก โดยที่ผ่านมา กรมทรัพยากรน้ำได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า คือ การสูบน้ำเติมแหล่งน้ำต้นทุน สำหรับผลิตประปาหมู่บ้าน นำน้ำสะอาดแจกจ่ายประชาชน จ้างงานแก่เกษตรกรในท้องถิ่นที่ไม่สามารถเพาะปลูกได้ให้มาขุดลอกคลอง เป็นต้น
นายปราณีต ร้อยบาง อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวว่า การขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลมุ่งเน้นเพื่อน้ำอุปโภคบริโภคเป็นหลัก โดยในปี 2558 จะดำเนินการให้ครอบคลุมจังหวัดที่คาดว่าจะเกิดภัยแล้ง จำนวน 31 จังหวัด จำนวน 9,535 หมู่บ้าน โดยจะดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร ในพื้นที่ประสบภัยแล้ง จำนวน 639 แห่ง เพื่อใช้อุปโภคบริโภคในหมู่บ้านที่ขาดแคลนน้ำ จำนวน 305 แห่ง น้ำสะอาดในโรงเรียน จำนวน 323 แห่ง ซึ่งทั้งหมดจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนธ.ค.นี้
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดว่า ปัญหาความจำเป็นเร่งด่วนของจังหวัดกาฬสินธุ์ที่ร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด 3 อันดับแรก คือ 1.การบุกรุกทรัพยากรป่าไม้ 2.การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ขาดที่ดินทำกินเป็นของตนเอง และ 3.หนี้สินนอกระบบ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไข
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของการชี้แจง นายวิบูลย์ กล่าวว่า การดำเนินการของศูนย์ดังกล่าว เริ่มต้นด้วยรอยยิ้มของผู้จัดตั้ง และหวังให้จบลงด้วยรอยยิ้มของประชาชน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมว่า ปลัดมีคำหวานตลอด และกล่าวด้วยว่า อยากเห็นรอยยิ้มของประชาชนมาก่อน ไม่เช่นนั้นตนเองก็คงจะยิ้มไม่ออก ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวหยอกล้อ ปลัดกระทรวงมหาดไทยด้วยว่า จากการรายงานดังกล่าว หากตัดสินใจอย่างรวดเร็ว อาจต้องยุบกระทรวงมหาดไทยทิ้งทันที
***ตรวจโครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำ
ต่อมาเวลา 14.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองใหญ่ ต.น้ำอ้อม อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำภาค 4 ดำเนินการขุดลอกให้ประชาชนได้ใช้น้ำ เพราะที่ผ่านมา แหล่งน้ำนี้มีสภาพตื้นเขิน และไม่เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับข้าราชการและประชาชนที่มาต้อนรับว่า วันนี้เราไม่ได้มาทำกิจกรรมอย่างอื่น นอกจากมาดูแลประชาชนที่อาศัยบริเวณนี้ ส่วนที่มาภาคอีสานก่อน ไม่ใช่ด้วยเหตุผลทางการเมือง มาเพราะประชาชนมีปัญหาเดือดร้อนมากกว่าที่อื่น และมีประชากรเยอะกว่า มีน้ำแล้งเยอะกว่า ก็ต้องมาเยี่ยมก็เท่านั้น
***ไม่ตกใจเจอกลุ่มต้านยันไปเหนือ-ใต้ต่อ
ต่อมานายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ลงพื้นที่อีสานครั้งแรก มีความสุข ได้มาเห็นแววตาของประชาชนในพื้นที่ เป็นการแสดงความจริงใจซึ่งกันและกันให้เห็นว่า ตนมีความจริงใจแค่ไหน และวันนี้ได้รับฟังปัญหาหลายปัญหา ซึ่งคิดว่าแก้ได้ไม่ยาก ส่วนกรณีความคิดเห็นทางการเมืองไม่ตรงกัน ก็ต้องเร่งสร้างความเข้าใจ คนเราเห็นต่างได้ แต่ไม่ท้อ
เมื่อถามว่า ถ้าไปภาคเหนือก็ไม่หวั่นที่จะเจอลักษณะแบบนี้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทำไมล่ะ แล้วตนจะต้องไปรบอะไรกับเขา ตนไม่รบกับเขาหรอก
เมื่อถามว่า ลงพื้นที่อีสานแล้วจะไปไหนอีกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มีกำหนดการแน่นอน แต่เดือนหน้าก็ต้องหาที่ไป เพราะกลุ่มเห็นต่างไม่ใช่อุปสรรคในการลงพื้นที่ เขาเป็นคนไทย ฉะนั้นคนไทยก็ต้องเข้าใจ ตนเป็นผู้บริหาร เป็นผู้ใช้อำนาจ ใช้กฎหมาย ก็ต้องอดทนฟังเขา อย่าใช้ความรุนแรงก็แล้วกัน คนที่มาแสดงอะไรให้ตนดู ตนก็ไม่ใช้อะไรรุนแรง แม้แต่พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็จะหาโอกาสลงไป
***ไก่ย่างเขาสวนกวางขึ้นโต๊ะรับนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภารกิจในการลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น และ จ.กาฬสินธุ์ ของนายกฯและคณะในครั้งนี้ ทาง จ.ขอนแก่น ในฐานะเจ้าภาพ ได้ใช้บริการโรงแรมเจริญธานีขอนแก่น เป็นผู้จัดเตรียมสถานที่ อาหารว่าง และอาหารกลางวัน ให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุม รวมไปถึงผู้ติดตาม ใช้งบประมาณในส่วนนี้ทั้งสิ้น 118,100 บาท
สำหรับรายการอาหาร ได้มีการจัดเตรียมไว้ 2 ส่วน คือ สำหรับบุคคลระดับสูง (VIP) ให้แก่คณะของนายกฯ จำนวน 80 หัว มีรายการอาหารประกอบไปด้วย ไก่ย่างเขาสวนกวาง ปลาส้ม (ร้านประไพ) ออเดิร์ฟอีสาน (ไส้กรอกอีสาน/หมูแดดเดียว/ยำหมูยอ) ต้มแซ่บซี่โครงหมู แกงอ่อมเนื้อสมุนไพร ส้มตำไทย-ลาว ปลาเนื้ออ่อนนึ่งแจ่ว เสือร้องไห้ พร้อมด้วยผลไม้รวมและไอศครีม
อีกส่วนหนึ่งเป็นอาหารที่เตรียมไว้สำหรับผู้ติดตามและสื่อมวลชน มีรายการอาหารประกอบไปด้วย น้ำพริกลงเรือ ปลาผัดคื่นช่าย ต้มแซบซี่โครงหมูอีสาน ไก่ทอดสมุนไพร ผลไม้รวม และยังมีในส่วนของอาหารว่าง เป็นชุดชากาแฟ น้ำผลไม้ และขนม โดยมีหมายเหตุสำหรับชุดกาแฟของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า เป็นกาแฟดำ กับน้ำตาล Equalด้วย
**ทนาย"ขอนแก่นโมเดล"ช่วย5นศ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง 5 นักศึกษา ม.ขอนแก่น ในนามกลุ่มดาวดิน ไปป่วนต้านนายกรัฐมนตรี ถึงด้านหน้าโพเดียมระหว่างแสดงปาฐกถางานสู้ภัยแล้ง ที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น และถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวออกจากงานนั้น ต่อมานักศึกษาทั้ง 5 คน ถูกนำตัวไปควบคุมต่อ ที่เรือนรับรองค่ายศรีพัชรินทร์ มณฑลทหารบกที่ 23 จ. ขอนแก่น โดยทั้ง 5 คน ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประกอบด้วย 1.นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา 2.นายวสันต์ เสตสิทธิ์ 3.นายเจตษฤษดิ์ นามโคตร 4.นายพายุ บุญโสภณ และ 5.นายวิชชากร อนุชน
ทั้งนี้ ในช่วงบ่าย นายวัจน์คมกริช ศรีวะรมย์ ทนายความของ กลุ่มผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย “ขอนแก่นโมเดล” ได้เดินทางไปพบ เพื่อให้คำปรึกษานักศึกษาทั้ง 5 คนด้วย
**"อุดมเดช"ลั่นไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มนักศึกษา แสดงสัญญลักษณ์ต่อต้าน ไม่เอารัฐประหาร ต่อหน้านายกฯ ที่หน้าเวทีงาน"คืนความสุขให้คนไทย รวมใจสู้ภัยแล้ง" ที่จ.ขอนแก่น ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เพราะว่าผู้นำรัฐบาลมีความห่วงใยประชาชน และลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมพี่น้องประชาชน แต่มีคนบางกลุ่มแอบแฝงเข้ามากับประชาชนที่มาแสดงสิ่งที่ดีเพื่อต้อนรับนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ไม่สมกับที่ทางรัฐบาลตั้งใจทำงาน หากกลุ่มบุคคล มีความคิดที่ต้องการแสดงออก เราก็มีเวทีให้เข้าไปชี้แจง และพูดคุย หรือสามารถส่งข้อมูลต่างๆเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นงานด้านปฏิรูป ที่มีสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เกิดขึ้นแล้ว และพร้อมรับฟังทุกภาคส่วนต่างๆ ซึ่งการแสดงออกที่ออกมานั้น ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และไม่สมควรที่จะกระทำ
เมื่อถามว่า จะมีการเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีมากกว่านี้ หรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ได้เน้นย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ในส่วนของทางทหารได้เน้นย้ำ พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง แม่ทัพภาคที่ 2 แล้ว ให้ดูแลให้เกิดความเรียบร้อย เหตุการณ์สามารถเกิดขึ้นมาได้ แต่ไม่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยังได้รับความนิยมจากประชาชนโดยรวม ดูได้จากการสำรวจโพลของสำนักต่างๆ เรามั่นใจว่า จากโพลที่สำรวจมา เราได้รับความร่วมมือ และความเห็นชอบต่างๆ มาด้วยดีตามลำดับ เพราะฉะนั้นการรักษาความปลอดภัย ก็ไม่มีปัญหาอะไร