นายกฯ ประธานมอบรางวัลไทยแลนด์ เอนเนอร์ยี อะวอร์ด 2014 แก่ผู้ประกอบการอนุรักษ์พลังงานดีเด่น 63 ราย สั่งกรมประชาสัมพันธ์เน้นข่าวดีไม่ใช่เอาแต่ชู 3 นิ้ว ยันเน้นพัฒนาความมั่นคงในพลังงาน วอนเอกชนช่วยกันช่วยคนรายได้น้อย หนุนขับเคลื่อนเครดิตคาร์บอน ยันไม่ปิดกั้นปฏิรูป แต่สู้กันไปมาไม่ได้อะไร ย้ำ “ผมไม่ใช่เผด็จการ” คอนเฟิร์มรัฐมนตรีไม่มีขัดแย้ง รัฐบาลนี้ไม่มีเกาเหลาขาย
วันนี้ (21 พ.ย.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล Thailand Energy Awards 2014 ให้กับองค์กรและผู้ประกอบการที่มีผลงานดีเด่นด้านการอนุรักษ์พลังงาน และการพัฒนาพลังงานทดแทน จำนวน 63 ราย ทั้งนี้ เพื่อยกย่อง ส่งเสริม และประกาศเกียรติคุณให้กับองค์กรและผู้ประกอบการที่มีผลงานดีเด่นด้านการอนุรักษ์พลังงาน และการพัฒนาพลังงานทดแทน พร้อมเผยแพร่ความสำเร็จเพื่อเป็นการปลูกจิตสำนึกให้ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนได้ตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมนำไปปฏิบัติ หรือประยุกต์ใช้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในการประหยัดพลังงาน การพัฒนาพลังงานหมุนเวียน และลดการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ จัดโดย กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน โดยมีนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ผู้บริหารกระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่ได้รับรางวัลประมาณ 300 คนเข้าร่วมงานในครั้งนี้
โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวชื่นชมทุกหน่วยงานที่ได้รับรางวัล และ รู้สึกภูมิใจในความสามารถของคนไทยที่ผลักดันจนได้รับรางวัลระดับนานาชาติมากมาย พร้อมสั่งการให้กรมประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ข่าวดีเช่นนี้ให้ประชาชนได้รับรู้ ไม่ใช่นำเสนอแต่ภาพชู 3 นิ้ว อีกทั้งทราบว่าประเทศไทยมีรายได้ด้านสาธารณสุข โรงพยาบาลเป็นส่วนใหญ่ กว่า 7 แสนล้านบาทต่อปี มีผู้ใช้บริการกว่า 2.5 ล้านคน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี จึงอยากให้มีการเผยแพร่ในส่วนนี้ด้วย โดยตนจะสั่งการไปยังกรมประชาสัมพันธ์ให้มีการเผยแพร่ผู้ที่ได้รับรางวัลในวันนี้และควรเป็นความภูมิใจของเรา นอกจากนี้ยังมีหลายรางวัลทั้งผู้ประกอบการ โรงงาน นักศึกษา ส่วนราชการซึ่งเป็นพลังในการขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าที่ต้องอาศัยภาครัฐและเอกชน ไม่เฉพาะรัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จากการประชุมกับนานาชาติหลายครั้งได้มีการพูดถึงบลูอีโคโนมี หรือเศรษฐกิจสีน้ำเงิน ความเชื่อมโยงต่อเนื่องกัน การเป็นหุ้นส่วนกัน นอกจากนี้ยังพูดถึงกรีนเอนเนอร์ยี เรื่องการลดโลกร้อน และโรคระบาด การก่อการร้ายต่างๆ ซึ่งประเทศไทยไม่มีปัญหามาก แต่มีปัญหาในเรื่องการเดินหน้าประเทศในวันข้างหน้า วันนี้ทุกคนต้องช่วยกันโดยเฉพาะเรื่องพลังงาน รัฐบาลได้มีการปรับสัดส่วนการใช้พลังงานที่เป็นต้นทุนผลิตสิ่งอื่นๆ ต่อไป เช่น ไฟฟ้าสร้างพลังงานเป็นเชื้อเพลิง ทำให้เกิดธุรกิจต่อเนื่องไป การปรับสัดส่วนนี้ก็ต้องใช้เวลาในการยอมรับ แต่สิ่งที่ทำได้เร็วขึ้นคือทุกคนต้องช่วยกันให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานมากที่สุดและชัดจูงคนอื่นๆ ให้เข้ามาร่วมทำให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนต่อไปและเข้าสู่แผนพัฒนาของกระทรวงพลังงานที่ดำเนินการออกมาแล้วในขณะนี้ วันนี้มีสัดส่วนในการนำเข้าพลังงานจากภายนอกกว่า 1.4 ล้านล้านบาทต่อปี ถือเป็น 1.2% ของจีดีพี หากมีการใช้พลังงานทดแทนก็สามารถลดสัดส่วนการนำเข้านี้ได้ โดยหลายภาคส่วนจะต้องหันมาใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลจะเดินหน้าประเทศในด้านพลังงานอย่างเป็นระบบ เราจะไม่พัฒนาแบบไร้ขีดจำกัด และจะไม่อนุมัติในสิ่งที่เป็นภาระ เช่น การสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าต่างๆ ที่เป็นภาระต่อสายส่ง แต่ต้องเป็นพื้นที่เพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านพลังงาน ไม่เช่นอาจเกิดปัญหาในอนาคตซึ่งอาจกระทบต่อผู้ประกอบการและผู้ลงทุน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะดำเนินการให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด อย่าใช้กระบวนการยุติธรรมสู้กันไปมา ทำให้ประเทศชาติเสียหายไม่ได้อะไรและล้าช้าไปเรื่อยๆ ต้องมาพูดคุยกัน ลด ละกันบ้าง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้เป็นรางวัลที่ถือว่าหน่วยงานที่ได้รับรางวัลถือเป็นเครื่องยืนยันว่ามีความตั้งใจในการแห้ปัญหาเรื่องพลังงาน และแก้ปัญหาเรื่องต้นทุนการผลิตด้วย เราต้องมองแผนพัฒนาพลังงานของชาติในช่วง 10 ปีข้างหน้าว่าจะเดินยุทธศาสตร์ประเทศอย่างไร ต้องคาดการว่ามีการพลังงานอย่างไรและจัดสัดส่วนให้ชัดเจนทั้งผู้ประกอบการ เอกชน ประชาชน ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดปัญหาทั้งหมด เนื่องจากอุตสาหกรรมใช้พลังงานมาก ทำให้ภาคครัวเรือนก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ต้องทำอย่างไรให้เกิดความสมดุลของทั้งสองส่วน จะไปขอคนจนไม่ได้ คงต้องขอคนรวยมาช่วยกันแบ่งปัน เพื่อผ่านเวลาที่ยากลำบากของประเทศไปได้ เพื่อสร้างอนาคตให้ได้ วันนี้ต้องมุ่งการค้าการลงทุนจากต่างประเทศและส่งเสริมการลงทุนในประเทศด้วยซึ่งมีการแก้ไขสิทธิประโยชน์ต่างๆ เน้นการขยายกิจการ การลงทุนใหม่ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี และเขตเศรษฐกิจพิเศษใน 5 แห่ง เพื่อให้คนในท้องถิ่นมีงานทำและค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย นอกจากนี้ต้องช่วยคนรายได้น้อยที่อยู่ข้างล่าง ตนเคยคิดว่าอาจจะออกเป็นบัตรมาสเตอร์การ์ดขึ้นบัญชีให้ชัดเจน อาจจะมีการซื้อของราคาถูกซึ่งได้ขอร้องให้ภาคเอกชนให้รวมกลุ่มกันและช่วยเหลือคนมีรายได้น้อย ทั้งด้านอาหาร อุปโภคบริโภคต่างๆ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับเรื่อง พ.ร.บ.ลงทุน ยังไม่ได้แก้ไขอะไรทั้งสิ้นเป็นเพียงแนวคิด ตนยังไม่ได้มีการสั่งการใดๆ ดังนั้นการลงทุนยังคงเหมือนเดิม ยืนยันว่าตนยังไม่มีนโยบายเรื่องนี้ มีแต่ว่าจะทำอย่างไรให้การลงทุนเหล่านั้นเร็วขึ้น ทำให้ขั้นตอนลดลง ทำให้เป็นการบริการแบบ one stop service ให้ได้ ถ้าตรงกับนโยบายรัฐบาล เช่น เศรษฐกิจยั่งยืน พลังงานสีเขียว หรือการสนับสนุนเทคโนโลยีวิจัยและพัฒนาหรืออยู่ในเกณฑ์การแบ่งผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน รวมทั้งมีการจ้างงาน โดยให้คนไทยอยู่ในระดับบริหารมากขึ้น โดยเสนอให้บัณฑิตที่จบการศึกษามาอบรมระยะสั้นเพื่อเข้าสู่วิชาชีพให้มากขึ้น ซึ่งต้องอาศัยการสนับสนุนจากเอกชนด้วยทำอย่างไร ให้เกิดรูปธรรม ตนจะขับเคลื่อนไปสู่ส่วนราชการและนำงบประมาณไปใช้และคิดนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมา เช่น พลังงานเชื้อเพลิงให้เล็ก ประหยัด ครัวเรือนใช้ได้ ต้องให้แนวทางในการวิเคราะห์ วิจัย แต่ที่ผ่านมามันทำไม่ได้ ต้องวิจัยและเป็นไปตามรัฐบาลต้องการ มีผลสัมฤทธิ์ผลิตเป็นของประเทศได้ ทำยังไงให้ถูกลง ค่อยๆ ทำไป อย่างน้อยเราได้เริ่มต้น มีทิศทางที่ชัดเจน มีกรอบยุทธศาสตร์ที่เดินหน้า ไม่เกิน 5 ปี 10 ปีข้างหน้า ทั้งหมดที่เขียนมาในแผนเศรษฐกิจแห่งชาติ 1-10 เราเป็นมหาอำนาจไปแล้ว ถ้าเป็นไปได้อยากให้ขับเคลื่อนเรื่องเครดิตคาร์บอนเพราะไทยมีป่าไม้ หากมีการคิดเงินให้ส่วนนี้ ไทยก็จะมีเครคิดมาสู้ได้ ไม่เช่นนั้นเราก็ต้องรักษาป่าไป แต่ประเทศอื่นก็ผลิตโรงงานอุตสาหกรรมสร้างก๊าซเรือนกระจก
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ขณะนี้ประเทศต้องการการขับเคลื่อนต้องมีการพูดคุยทำความเข้าใจกันตนพร้อมที่จะรับฟังไม่ได้ปิดกั้นความคิดในการปฏิรูปประเทศ อย่ามัวใช้กระบวนการยุติธรรมต่อสู้กันไปมาไม่ได้อะไร ทุกอย่างจะช้าลงเราควรหันมาพูดคุยกันเพื่อหาทางออกลดละกันบ้าง วันนี้คนไทยต้องทำให้ได้ ทำอย่างไรจะลดความขัดแย้งลงให้ได้ ทุกคนต้องร่วมมือกันในการเดินหน้าประเทศด้วยความเข้าอกเข้าใจกันถ้าไปต่อต้านกันทั้งหมดก็เดินหน้าต่อไปไม่ได้
“วันนี้ความไม่เข้าใจกันยังคงมีอยู่บ้าง แต่ผมคิดว่าเป็นส่วนน้อย ผมไม่ได้ไปรังเกียจรังงอนใคร ผมมีความตั้งใจดีและบริสุทธิ์ในการแก้ปัญหา และผมก็พร้อมจะถอยห่างออกไป แต่ถ้าเราไม่ทำวันนี้เป็นพื้นฐานก็จะไม่มี ไม่สามารถเดินยุทธศาสตร์ชาติได้ ดังนั้นเราต้องช่วยกันทำให้ผ่านพ้นสถานการณ์ช่วงนี้ไปให้ ทุกคนต้องทำตามกฎหมาย ทุกเรื่องรัฐบาลพร้อมรับฟังแต่ขอให้เป็นช่องทางที่ถูกต้องไม่ใช่ออกมาต่อต้านทุกเรื่อง วันนี้รัฐบาลและครม.มีความตั้งใจที่จะทำงานแก้ไขปัญหาถ้าได้รับความร่วมมือจากคนในชาติทุกคนผลก็น่าจะออกมาดี แทนที่จะมาต่อต้านหัวหน้า คสช. หรือนายกฯ อย่างเดียวมันไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย วันนี้เราต้องการเดินหน้าประเทศไปให้ได้ ยืนยันอีกครั้งว่า ผมไม่ใช่เผด็จการแต่เมื่อเราเป็นคนไทยก็ควรต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ อย่ามากล่าวว่าผมมาผิดหรือมาถูกและมันไม่ใช่เวลา ถ้าจะพูดถึงภาพยนตร์เรื่องเดอะฮังเกอร์เกม 3 ตอนม็อกกิ้งเจย์พาร์ต 1 ก็ต้องดูว่าคนที่มานั้นเขามาทำเพื่อประเทศชาติหรือเปล่า ก็ต้องไปดูมันไม่ใช่หรอก มีคนสรุปออกมาแล้วว่ามันไม่ใช่เข้าใจผิดเรื่องหนัง ไม่ได้มามุ่งหมายว่ามาสู้กับผมมันไม่ใช่ หนังคือหนังเป็นการสร้างขึ้นมาอย่ามาใช้ประโยชน์จากเขา” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ยืนยันว่ารัฐมนตรีทุกคนไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่มีกินเกาเหลา “รัฐบาลนี้ไม่มีเกาเหลาขาย” เป็นรัฐบาลแห่งชาติเพื่อชาติ รัฐบาลเดินหน้าทำทุกภารกิจของประเทศ ที่ผ่านมาเราไม่เคยยอมแพ้ใครมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวไม่เป็นเมืองขึ้นของใคร แต่พอไม่มีใคร ก็มาตีกันเองสักหน่อย เลยต้องมีกรรมการเพราะฉะนั้นอย่าลากกรรมการลงไปเล่นด้วย กรรมการจัดการแข่งขันให้เป็นธรรม ให้รู้จักแพ้รู้จักชนะ อย่ามาลากกรรมการให้ลงไปชกกับนักมวยแล้วคนดูก็ขึ้นมาต่อยด้วยอย่างนี้ก็เดินหน้าไม่ได้