สะเก็ดไฟ
หลายวันก่อน “อุเทน ชาติภิญโญ” หัวหน้าพรรคคนไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ได้ไปเดินเล่น ทานขนมเค้กที่ห้างไฮโซสุดหรู เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ (Central Embassy) ย่านเพลินจิต แต่แทนที่จะเพลิดเพลินไปกับความอลังการของตัวห้าง กลับติติงเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์
โดยบอกว่า “ทุกอย่างดีหมด เสียอย่างเดียว ก่อนเข้าที่จอดรถ ด้านถนนวิทยุ เมื่อเปิดหน้าต่างรับบัตร แทบเป็นลม จากกลิ่นที่มาจากท่อระบายน้ำแน่ๆ เป็นเช่นนี้ได้ไง อายต่างชาติเขานะ”
ปะเหมาะเคราะห์ดี “ทีมงาน ASTV ผู้จัดการ” ได้โอกาสไปเดินทอดน่องสำรวจห้างระดับเรือธง (Flagship) ของเครือเซ็นทรัลพอดิบพอดี เมื่อเดินทางไปถึงก็เป็นอย่างที่ได้รับข้อมูลมาล่วงหน้าถึง “กลิ่นไม่พึงประสงค์” ฟุ้งมาเตะจมูกทันทีในขณะที่เปิดกระจกข้างเพื่อรับบัตรจอดรถ ที่ป้อม รปภ. บริเวณทางเข้าที่จอดรถด้าน ถ.วิทยุ
เป็นกลิ่นน้ำเน่าที่ปะทะจมูกเข้าอย่างจัง
พยายามไถ่ถามพนักงานบริเวณนั้น ก็ไม่มีใครระบุถึงสาเหตุได้ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าพนักงานหลายคนที่ทำหน้าที่อยู่ตรงนั้นมีการสวมใส่หน้ากากอนามัยกันอย่างพร้อมเพรียง ยกเว้นพนักงานออกบัตรจอดรถที่อยู่ในตู้ที่มีเครื่องปรับอากาศ
เมื่อเดินสำรวจบริเวณโดยรอบก็พบว่า จุดที่มีมลพิษทางกลิ่นหนักสุดก็เป็นทางเข้าลานจอดรถด้าน ถ.วิทยุ นั่นเอง ส่วนจุดอื่นๆ มีเพียง “กลิ่นใหม่แกะกล่อง” ของเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมาเท่านั้น
อีกด้านฝั่งห้างเซ็นทรัล ชิดลม ที่อยู่ติดกันก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องกลิ่นใดๆ มีเพียงกลิ่นควันรถยนต์บริเวณที่จอดรถตามปกติเท่านั้น และขณะที่เดินกลับมาที่ห้างเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ ผ่านทางเดินเชื่อมระหว่าง 2 ห้างที่สร้างคล่อม ซ.สมคิด และคลองระบายน้ำที่ตัดมาจากคลองแสนแสบ ก็สะดุดตากับเครื่องจุดน้ำมันหอมระเหยที่ตั้งไว้ถึง 2 ตัว
มุมหนึ่งก็อาจต้องการสร้างบรรยากาศในทางเชื่อม แต่อีกมุมหนึ่งก็คงต้องการเป็นการดับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ด้วย เพราะตั้งอยู่ระหว่างทางเชื่อมบริเวณเหนือคลองพอดิบพอดี
“กลิ่นไม่พึงประสงค์” ที่ว่านี้กลายมาเป็น “ตำหนิ” ของห้างที่เป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซของกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งทุ่มทุนสร้างถึงกว่า 2 หมื่นล้านบาท ภายใต้แนวคิด “Infinite Possibility ความเป็นไปได้อย่างไร้ขีดจำกัด” ไปอย่างน่าเสียดาย
ยิ่งเมื่อเดินสอดส่องบรรยากาศภายในห้าง ก็พบว่า สัดส่วนลูกค้าชาวไทยกับชาวต่างชาติ อยู่ในระดับเท่าๆ กัน หรือ 50 : 50 โดยมีการประเมินว่า ตัวเลขเฉลี่ยของลูกค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ อยู่ที่ราว 2 หมื่นคนต่อวัน
นั่นเท่ากับว่ามีชาวต่างชาติแวะเวียนมาใช้บริการถึง 1 หมื่นคนต่อวัน
ซึ่งต้องยอมรับว่า นาทีนี้ถือว่า “เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่” เป็นสัญลักษณ์ (Landmark) แห่งใหม่ของ กทม. ไปแล้ว การมาตกม้าตายง่ายๆ กับเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์ ก็ส่งผลให้ประเทศไทย - กทม. ต้องเสียภาพลักษณ์ไปด้วยโดยปริยาย
ถึงบรรทัดนี้คงจะโยนบาปไปให้ “ผู้บริหารห้าง” หรือ “ผู้รับเหมา” เพียงฝ่ายเดียวคงไม่ถูกต้อง เพราะต้องย้อนกลับไปถึงขั้นตอนการขออนุญาตก่อสร้างกับภาครัฐ โดยเฉพาะในส่วนของระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งคาดว่าจะเป็น “ผู้ร้าย” ของปัญหานี้
ฝากไปถึง “สำนักโยธา กรุงเทพมหานคร” ผู้มีอำนาจในการพิจารณาอนุญาตปลูกสร้างอาคาร ควรที่จะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบในส่วนของการจัดการน้ำเสียของที่นี่โดยด่วนด้วยนะครับ...เจ้านาย
หลายวันก่อน “อุเทน ชาติภิญโญ” หัวหน้าพรรคคนไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ได้ไปเดินเล่น ทานขนมเค้กที่ห้างไฮโซสุดหรู เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ (Central Embassy) ย่านเพลินจิต แต่แทนที่จะเพลิดเพลินไปกับความอลังการของตัวห้าง กลับติติงเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์
โดยบอกว่า “ทุกอย่างดีหมด เสียอย่างเดียว ก่อนเข้าที่จอดรถ ด้านถนนวิทยุ เมื่อเปิดหน้าต่างรับบัตร แทบเป็นลม จากกลิ่นที่มาจากท่อระบายน้ำแน่ๆ เป็นเช่นนี้ได้ไง อายต่างชาติเขานะ”
ปะเหมาะเคราะห์ดี “ทีมงาน ASTV ผู้จัดการ” ได้โอกาสไปเดินทอดน่องสำรวจห้างระดับเรือธง (Flagship) ของเครือเซ็นทรัลพอดิบพอดี เมื่อเดินทางไปถึงก็เป็นอย่างที่ได้รับข้อมูลมาล่วงหน้าถึง “กลิ่นไม่พึงประสงค์” ฟุ้งมาเตะจมูกทันทีในขณะที่เปิดกระจกข้างเพื่อรับบัตรจอดรถ ที่ป้อม รปภ. บริเวณทางเข้าที่จอดรถด้าน ถ.วิทยุ
เป็นกลิ่นน้ำเน่าที่ปะทะจมูกเข้าอย่างจัง
พยายามไถ่ถามพนักงานบริเวณนั้น ก็ไม่มีใครระบุถึงสาเหตุได้ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าพนักงานหลายคนที่ทำหน้าที่อยู่ตรงนั้นมีการสวมใส่หน้ากากอนามัยกันอย่างพร้อมเพรียง ยกเว้นพนักงานออกบัตรจอดรถที่อยู่ในตู้ที่มีเครื่องปรับอากาศ
เมื่อเดินสำรวจบริเวณโดยรอบก็พบว่า จุดที่มีมลพิษทางกลิ่นหนักสุดก็เป็นทางเข้าลานจอดรถด้าน ถ.วิทยุ นั่นเอง ส่วนจุดอื่นๆ มีเพียง “กลิ่นใหม่แกะกล่อง” ของเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมาเท่านั้น
อีกด้านฝั่งห้างเซ็นทรัล ชิดลม ที่อยู่ติดกันก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องกลิ่นใดๆ มีเพียงกลิ่นควันรถยนต์บริเวณที่จอดรถตามปกติเท่านั้น และขณะที่เดินกลับมาที่ห้างเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ ผ่านทางเดินเชื่อมระหว่าง 2 ห้างที่สร้างคล่อม ซ.สมคิด และคลองระบายน้ำที่ตัดมาจากคลองแสนแสบ ก็สะดุดตากับเครื่องจุดน้ำมันหอมระเหยที่ตั้งไว้ถึง 2 ตัว
มุมหนึ่งก็อาจต้องการสร้างบรรยากาศในทางเชื่อม แต่อีกมุมหนึ่งก็คงต้องการเป็นการดับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ด้วย เพราะตั้งอยู่ระหว่างทางเชื่อมบริเวณเหนือคลองพอดิบพอดี
“กลิ่นไม่พึงประสงค์” ที่ว่านี้กลายมาเป็น “ตำหนิ” ของห้างที่เป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซของกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งทุ่มทุนสร้างถึงกว่า 2 หมื่นล้านบาท ภายใต้แนวคิด “Infinite Possibility ความเป็นไปได้อย่างไร้ขีดจำกัด” ไปอย่างน่าเสียดาย
ยิ่งเมื่อเดินสอดส่องบรรยากาศภายในห้าง ก็พบว่า สัดส่วนลูกค้าชาวไทยกับชาวต่างชาติ อยู่ในระดับเท่าๆ กัน หรือ 50 : 50 โดยมีการประเมินว่า ตัวเลขเฉลี่ยของลูกค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ อยู่ที่ราว 2 หมื่นคนต่อวัน
นั่นเท่ากับว่ามีชาวต่างชาติแวะเวียนมาใช้บริการถึง 1 หมื่นคนต่อวัน
ซึ่งต้องยอมรับว่า นาทีนี้ถือว่า “เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่” เป็นสัญลักษณ์ (Landmark) แห่งใหม่ของ กทม. ไปแล้ว การมาตกม้าตายง่ายๆ กับเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์ ก็ส่งผลให้ประเทศไทย - กทม. ต้องเสียภาพลักษณ์ไปด้วยโดยปริยาย
ถึงบรรทัดนี้คงจะโยนบาปไปให้ “ผู้บริหารห้าง” หรือ “ผู้รับเหมา” เพียงฝ่ายเดียวคงไม่ถูกต้อง เพราะต้องย้อนกลับไปถึงขั้นตอนการขออนุญาตก่อสร้างกับภาครัฐ โดยเฉพาะในส่วนของระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งคาดว่าจะเป็น “ผู้ร้าย” ของปัญหานี้
ฝากไปถึง “สำนักโยธา กรุงเทพมหานคร” ผู้มีอำนาจในการพิจารณาอนุญาตปลูกสร้างอาคาร ควรที่จะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบในส่วนของการจัดการน้ำเสียของที่นี่โดยด่วนด้วยนะครับ...เจ้านาย